บทเรียน : เอซาวกับยาโคบ

เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้

  • รู้ว่าหนูจะรับพระพรจากพระเจ้าได้โดยการเชื่อฟัง
  • เข้าใจว่าการโกหกหลอกลวง อิจฉาริษยาพี่น้องของตนเองเป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย
  • สารภาพความผิดที่หนูได้ทำไปกับพี่น้อง ครอบครัวของหนูเอง
  • แสดงความรักต่อพี่น้องของหนู แทนการอิจฉาริษยา

ข้อท่องจำ

“อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี” -โรม 12:21

T I P S สำหรับคุณครู

เด็กๆ เรียนรู้ได้ดีจากการทำซ้ำ ดังนั้นคุณครูควรจะเลือกพูดคำพูดที่จดจำง่ายซึ่งเป็นบทเรียนที่คุณครูต้องการให้เด็กจดจำหรือเรียนรู้ซ้ำบ่อยๆ ทบทวนสาระสำคัญของบทเรียนโดยการพูดซ้ำ การถามคำถามให้เด็กมีโอกาสพูดถึงสิ่งที่เขาเรียนรู้ และจากคำตอบของเด็กๆ นี้เองจะช่วยให้ครูประเมินได้ว่าเด็กเข้าใจและจดจำสิ่งที่ครูสอนเขาได้มากน้อยแค่ไหน บทเรียนเรื่องเอซาวกับยาโคบเป็นบทเรียนที่ใกล้ตัวของเด็กมากในเรื่องความรักระหว่างพี่น้อง ครูควรใช้โอกาสในการสอนเรื่องนี้ให้เด็กเกิดความเข้าใจและบังเกิดเป็นผลของการกระทำจริงในครอบครัวของเด็กเอง

เกม "โทรศัพท์"

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • บัตรข้อความที่ครูสามารถเขียนขึ้นเอง (ประโยคจะสั้นหรือจะยาวให้ขึ้นอยู่กับความสามารถและความพร้อมของเด็กในชั้นเรียน)

วิธีเล่น  

  • แบ่งเด็กออกเป็นทีม ให้มีจำนวนเด็กเท่าๆ กัน
  • ให้เด็กเข้าแถวยาวสองแถว และให้ส่งคนที่อยู่หัวแถวทั้งสองฝ่ายออกมาข้างหน้า
  • ครูให้เด็กทั้งสองฝ่ายดูบัตรข้อความที่ครูเตรียมไว้ และให้เด็กจดจำนำกลับไปบอกต่อคนที่ยืนอยู่ถัดมาด้วยเสียงกระซิบเบาๆ
  • ข้อความจะถูกส่งต่อๆ กันไปที่ละคนด้วยเสียงกระซิบเบาๆ จนถึงคนสุดท้าย
  • เด็กคนสุดท้ายของทั้งสองฝ่ายจะเดินมาบอกข้อความที่ได้ยินมาแก่ครู ทีมที่ข้อความที่ใกล้เคียงที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ
  • เริ่มเล่นใหม่โดยให้เด็กคนถัดไปเป็นผู้เริ่ม

บทนำเรื่อง

Credit : https://th.wikipedia.org/

เมื่อประมาณ 200 ปีที่ผ่านมา มีเด็กฝาแฝดที่ลำตัวติดกันเกิดขึ้นคู่แรกที่จังหวัดสมุทรสงคราม ประเทศไทยนี่เอง ฝาแฝดอิน-จันเป็นฝาแฝดที่มีร่างกายสมประกอบทุกอย่าง ยกเว้นเสียแต่มีหน้าอกติดกันและมีสะดืออันเดียวกัน ครอบครัวของอินและจันยากจน พ่อซึ่งเป็นคนจีนอพยพได้เสียชีวิตเมื่ออินกับจันอายุยังน้อยอยู่ ดังนั้นเมื่อพวกเขาอายุได้ 18 ปีได้มีชาวอเมริกันสองคนขอซื้อเขาเพื่อพาพวกเขาไปแสดงโชว์ตามงานแสดงต่างๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา และตั้งฝาแฝดอินกับจันให้เป็นแฝดสยามซึ่งนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกทีเดียว จากนั้นไม่นานอินกับจันก็ออกมาเปิดการแสดงเอง ทำให้พวกเขามีรายได้และมีฐานะร่ำรวย พวกเขาตัดสินใจอาศัยในอเมริกา และทั้งสองก็ได้แต่งงานมีภรรยา อินกับจันสร้างบ้านให้ภรรยาของเขาคนละหลังห่างกันประมาณ 1 กม.และเขาจะผลัดกันไปอยู่บ้านของภรรยาสลับกันครั้งละ 3 วัน อินและจันทั้งคู่มีลูกชายและลูกสาวรวมกัน 21 คน

เมื่ออินกับจันมีอายุได้ 60 ปี อินเป็นคนดื่มเหล้ามากทำให้ร่างกายของเขาทั้งสองเกิดเป็นอัมพาต และมีสุขภาพที่ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ ในสภาพอากาศที่หนาวจัด จันเกิดมีอาการปอดบวมและเสียชีวิตลงและด้วยสภาพร่างกายที่ติดกัน ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสองพี่น้อง อินก็ตรอมใจตายตามจันไปในเวลาเพียงสองชั่วโมงถัดมาเท่านั้น

เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์

ภาพที่ 1  เมื่ออิสอัคลูกชายของอับราฮัมโตเป็นหนุ่ม เขาได้แต่งงานกับนางเรเบคาห์ และมีลูกชายฝาแฝด คู่แฝดนี้ไม่เหมือนอินกับจันเพราะตัวเขาไม่ติดกัน อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกันคือเขาไม่รักกันเหมือนกับคู่แฝดอินกับจัน นางเรเบคาห์คลอดแฝดคนแรกออกมาตัวแดงมีขนอยู่ทั่วตัว เขาจึงตั้งชื่อเด็กนั้นว่า “เอซาว” ส่วนแฝดน้องเมื่อคลอดออกมามือของเขาจับส้นเท้าของเอซาวไว้ เขาจึงตั้งชื่อเด็กนั้นว่า “ยาโคบ” (แปลว่า เขาจับส้นเท้า หรือ เขาหลอก) เด็กทั้งสองคนเติบโตมาพร้อมกัน เอซาวเป็นนายพรานมือแม่น พ่อคืออิสอัครักเอซาวเพราะท่านชอบทานเนื้อที่เอซาวล่ามา ส่วนยาโคบเป็นคนเงียบๆ ชอบอยู่กับบ้านและเป็นที่รักของแม่คือนางเรเบคาห์

 ภาพที่ 2  วันหนึ่งขณะที่ยาโคบต้มอาหารอยู่ เอซาวกลับมาจากท้องทุ่งด้วยอาการหิวโซ เอซาวจึงขออาหารยาโคบกิน ยาโคบได้ทีจึงบอกให้เอซาวขายสิทธิบุตรหัวปีให้ยาโคบเพื่อแลกกับอาหาร เอซาวจึงพูดว่า “ดูซิ ข้ากำลังหิวจะตายอยู่แล้ว สิทธิบุตรหัวปีจะเป็นประโยชน์อะไรแก่ข้า” แล้วเอซาวก็สาบานยกสิทธิบุตรหัวปีให้แก่ยาโคบ ยาโคบจึงให้ขนมปังและถั่วแดงต้มแก่เอซาว เขากินและดื่มแล้วก็ลุกไป เอซาวได้ดูหมิ่นสิทธิบุตรหัวปีของตนเสีย (สำหรับครู—สิทธิบุตรหัวปี เป็นสิทธิพิเศษสำหรับลูกคนแรก เขาจะได้รับการอวยพร เป็นที่รักของครอบครัวเพราะถือว่าจะเป็นผู้ปกครองครอบครัวต่อไป และจะได้รับมรดกสองส่วนในขณะที่น้องๆ คนอื่นจะได้รับเพียงหนึ่งส่วน)

ผ่านเหตุการณ์นั้นไปเป็นเวลานาน เมื่ออิสอัคแก่มากแล้ว  ท่านก็เรียกเอซาวมาและบอกเขาให้ไปหาเนื้อและจัดเตรียมอาหารอร่อยมาให้พ่อกิน เพื่อจะได้อวยพรเขาก่อนตาย ขณะที่อิสอัคพูดอยู่นั้น เรเบคาห์ก็แอบฟังอยู่  เมื่อเอซาวออกไปหาเนื้อ เรเบคาห์พูดกับยาโคบตามที่ได้ยินจากอิสอัค และบอกยาโคบให้ไปเอาลูกแพะดีๆ 2 ตัวมาให้แม่ๆ จะทำอาหารอร่อยให้กับพ่อ เพื่อพ่อจะอวยพรยาโคบแทนพี่ชายก่อนจะตาย ยาโคบก็ทำตามที่แม่บอก เรเบคาห์ทำอาหารอร่อยอย่างที่พ่อเขาชอบ และแอบเอาเสื้อที่ดีที่สุดของเอซาวมาใส่ให้ยาโคบ เอาหนังแพะหุ้มมือและคอของเขาปลอมตัวเป็นเอซาว เพราะเอซาวเป็นคนที่มีขนทั้งตัวแล้วให้ยาโคบนำอาหารไปให้พ่อของเขา 

ภาพที่ 3  ยาโคบก็เข้าไปหาพ่อและบอกพ่อว่าเขาได้ทำตามที่พ่อสั่งแล้ว ในเวลานั้นอิสอัคอายุมากแล้ว ตาก็ฟ่าฟางเขาจึงถามว่า “ทำอย่างไรจึงได้เนื้อมาเร็วนัก” ยาโคบก็ตอบว่า “พระเจ้ากำหนดให้ลูก” แล้วอิสอัคก็คลำตัวยาโคบ  แต่ก็จับผิดไม่ได้จึงถามเขาว่า “เจ้าเป็นเอซาวจริงหรือ” เขาก็โกหกว่า “ใช่ครับ” ยาโคบนำอาหารมาให้พ่อของเขารับประทาน แล้วอิสอัคก็เรียกเขาเข้ามาใกล้เพื่อจะทดสอบให้แน่ใจและดมกลิ่นเสื้อของเขาและอวยพรเขา “ขอพระเจ้าให้เจ้ามีความอุดมสมบูรณ์ ขอให้ชนชาติทั้งหลายรับใช้เจ้า ขอให้ประชาชาติกราบไหว้เจ้า ขอให้เป็นเจ้านายเหนือพี่น้อง และลูกชายของแม่กราบไหว้เจ้า ผู้ใดสาปแช่งเจ้าก็ขอให้ผู้นั้นถูกสาปและผู้ใดอวยพรเจ้าก็ขอให้ผู้นั้นได้รับพร” พออวยพรเสร็จยาโคบก็ออกไป 

ภาพที่ 4  เอซาวกลับมาจากการล่าเนื้อ เขาเตรียมอาหารอร่อยมาให้พ่อและเชิญให้พ่อรับประทานอาหารนั้น พ่อจึงถามเขาว่า “เจ้าคือใคร” เขาตอบว่า “ฉันคือเอซาว” อิสอัคก็พูดว่า “ใครล่าเนื้อแล้วนำมาให้พ่อ พ่อกินหมดแล้วก่อนที่เจ้ามาถึงและพ่ออวยพรเขาแล้ว” เอซาวได้ยินแล้วก็ร้องเสียงดังด้วยความเจ็บใจ และพูดกับพ่อว่า “คุณพ่อครับ ขออวยพรผม ขออวยพรผมด้วย” แต่ท่านพูดว่า “น้องของเจ้าเข้ามาหลอกพ่อเอาพรของเจ้าไปเสียแล้ว” เอซาวพูดว่า “เขาหลอกฉัน 2 ครั้งแล้ว ครั้งแรกเขาเอาสิทธิลูกชายคนแรกของฉันไป และครั้งที่ 2 เขาเอาพรของฉันไปอีกด้วย” แล้วเอซาวก็ร้องไห้เสียงดัง เอซาวเกลียดชังยาโคบ เพราะพ่ออวยพรแก่เขา และเอซาววางแผนที่จะฆ่ายาโคบเสีย แต่เรเบคาห์รู้เรื่องก่อนจึงบอกยาโคบว่าให้หนีไปหาลาบันพี่ชายของแม่ที่เมืองฮารานและอยู่กับเขาชั่วคราว จนกว่าความโกรธของพี่ชายจะลดลงและลืมสิ่งที่ทำแก่เขาแล้ว

ยาโคบหลอกลวงพี่ชายและพ่อของเขา  เขาพยายามทำทุกสิ่งด้วยตัวของเขาเองเพื่อจะได้มรดกและการอวยพรจากพ่อ เขาทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผลก็คือเขาต้องหนีเรร่อนออกจากบ้าน จากครอบครัวของเขาไป ฝ่ายเอซาวก็มีความเกลียดชังอยู่ในใจของเขา เขาอิจฉาริษยาน้อง เขาต้องการแก้แค้นโดยวางแผนจะฆ่าน้องชายของเขา และเขาก็ไม่มีความสุขเลยเพราะเขาไม่ให้อภัยน้องชายของเขา เรื่องราวของการโกหกหลอกลวง การอิจฉา การโกรธแค้นเหล่านี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัยอย่างแน่นอน

แผนการแห่งความรอด

แผนการของพระเจ้าคือ พระเจ้าต้องการอวยพรอับราฮัมและลูกหลานของเขา เมื่อเรเบคาห์ตั้งครรภ์พระเจ้าบอกนางไว้ว่า ลูกของเขาจะเป็นสองชนชาติ และพี่จะรับใช้น้อง (ปฐมกาล 25:23) ยาโคบเป็นหลานของอับราฮัม พระเจ้าสัญญาว่าจะอวยพรแก่เขา  แต่นางเรเบคาห์และยาโคบไม่ยอมรอคอยพระพรที่พระเจ้าสัญญาไว้ กลับวางแผนหลอกลวงอิสอัคเสียเอง ผลนั้นก็คือเกิดความวุ่นวายในครอบครัวและสมาชิกครอบครัวของเขาทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ในความทุกข์ ความเกลียดชังและไม่มีสันติสุข อย่างไรก็ตามพระเจ้าก็ไม่ทิ้งยาโคบและไม่ลืมคำสัญญาของพระองค์ พระองค์จะทำให้สำเร็จตามนั้น โดยการอวยพรยาโคบและลูกหลานของเขาต่อไป พระเจ้าได้สำแดงพระคุณต่อชีวิตของยาโคบถึงแม้ว่าเขาไม่สมควรจะได้รับ

พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร

ภาพที่ 5  หนูได้เห็นตัวอย่างของยาโคบที่หลอกลวงเอซาว ความหลอกลวงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย หนูเคยถูกใครหลอกไหม? หนูชอบไหม?... ครูคิดว่าหนูไม่ชอบอย่างแน่นอน ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจหลอกหนูก็ตาม เมื่อหนูไม่ชอบ คนอื่นๆ ก็ไม่ชอบเหมือนกัน การโกหกหลอกลวง ความอิจฉาริษยา การเอาชนะกัน เป็นสิ่งที่หนูไม่ควรทำเพราะว่ามันเป็นการทำร้ายคนอื่นทั้งร่างกายและจิตใจ และเป็นความบาปที่ส่งผลต่อชีวิตของตัวหนูเองและต่อคนอื่นๆ ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย

ในครอบครัวของหนูมีการอิจฉากันระหว่างพี่น้องบ้างไหม?  ถ้ามีก็ขอให้หนูสารภาพบาปต่อพระเจ้า พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อต่อสัญญาของพระองค์ พระองค์จะทรงยกโทษให้และอวยพระพรแก่ทุกคนที่เชื่อฟังพระองค์  และเมื่อไม่มีการโกหกหลอกลวงและการอิจฉาริษยากันระหว่างพี่น้อง ความรักและสันติสุขก็จะเกิดขึ้นในครอบครัว

 

รูปภาพประกอบ

ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ  เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา

คำถามอภิปราย

  1. พี่น้องฝาแฝดที่เกิดมาในครอบครัวของอิสอัคคือใคร พวกเขามีลักษณะอย่างไร?
  2. หนูคิดว่าทำไมเอซาวถึงยอมแลกสิทธิบุตรหัวปีของเขากับอาหารเพียงชามเดียว?
  3. หนูคิดว่าพระเจ้าพอพระทัยในสิ่งที่เอซาวทำลงไปไหม? อย่างไร?
  4. ในเวลาต่อมา เมื่ออิสอัคผู้เป็นพ่อต้องการจะให้พรแก่ลูกหัวปี มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น?
  5. การที่ยาโคบหลอกลวงพ่อของตัวเอง และโกงพี่ชายของเขา ส่งผลร้ายอะไรให้เขาบ้าง?
  6. หนูเคยแค้นใจว่าคุณพ่อ คุณแม่รักคนอื่นมากกว่าหนูไหม? หนูเคยอิจฉาพี่น้องของหนูเองไหม?
  7. ความแค้นและความอิจฉาริษยา เป็นสิ่งที่ไม่ดีและไม่พอพระทัยพระเจ้า หนูควรจะทำอย่างไรเมื่อรู้เช่นนี้แล้ว?

กิจกรรม

“หนูก็มีฝาแฝด” (งานศิลปะ)

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • กระดาษแผ่นใหญ่ (อาจจะเป็นกระดาษสีน้ำตาลทำปก หรือ กระดาษขาวสำหรับลอกลาย หรือทำพิมพ์เขียว ความยาวประมาณ 120 ซม.
  • ดินสอ และสีเทียน

วิธีทำ

  • ให้เด็กในชั้นจับคู่สองคน และเด็กแต่ละคนจะได้รับกระดาษ 1 แผ่นใหญ่
  • ให้เด็กนอนทาบตัวของเขาลงบนกระดาษ พยายามให้ทั้งตัวของเขาอยู่บนพื้นที่ของกระดาษนั้น และให้เพื่อนที่จับคู่กัน วาดโครงร่างของคนนั้น เมื่อเสร็จสลับให้เพื่อนอีกคนนอน
  • ให้เด็กแต่ละคน ตกแต่งภาพฝาแฝดของตัวเอง เติมหน้าตา ผม นิ้วมือ เท้า และเสื้อผ้าให้มีสีสันสวยงาม หรือจะระบายสีตามเสื้อผ้าที่เด็กใส่มาในวันนั้นก็ได้
  • ครูย้ำอีกทีว่า การที่พี่น้องหรือเพื่อนๆ มาอยู่ร่วมกัน ต้องรักและช่วยเหลือกัน ไม่ใช่อิจฉา หรือโกหกหลอกลวงเพื่อจะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัยเลย

กิจกรรม

“ใยรุงรังของคำโกหก” (การทดลอง)

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • ไหมพรม

วิธีเล่น

  • เป้าหมายของการทดลองคือการให้เด็กเห็นว่าเมื่อมีการโกหก หรือคำพูดเกินความเป็นจริงเกิดขึ้นในหมู่พวกเขาและไม่ได้รับการแก้ไข คำโกหกหลอกลวงเหล่านั้นจะทำให้ชีวิตของเขาและคนรอบข้างวุ่นวาย ยุ่งเหยิงไปหมด และการแก้ไขหรือทางออกทางเดียวคือการพูดความจริง
  • ให้เด็กยืนล้อมเป็นวงกลม และครูอาจจะแต่งเรื่องขึ้นมาให้เด็กเห็นถึงอำนาจของคำพูด และการนินทาว่าร้าย การพูดเกินความจริง
  • เมื่อคำโกหกถูกเอ่ยขึ้นหนึ่งครั้ง ให้เด็กเอาไหมพรมพันรอบตัวเองหนึ่งรอบแล้วส่งไหมพรมนั้นไปให้เด็กคนที่ยืนถัดไป ทำอย่างนี้ไปจนกระทั่งไหมพรมพันรอบตัวเด็กทุกๆ คนในวง ครูอาจจะส่งไหมพรมไปให้เด็กตรงกันข้าม หรือสลับคนไปมาจนเส้นไหมพรมพันกันสับสน (เช่น เมื่อเช้านี้ เราเห็นเอ๋หยิบขนมของกุ้งไปกิน, เอ๋กินขนมหมดถุงเลย กุ้งร้องห่มร้องไห้, เอ๋เป็นขี้ขโมย, บ้านเอ๋เขาจนมาก แม่ไม่ให้เงินไปโรงเรียนเลย, เอ๋นิสัยไม่ดีชอบขโมยของเพื่อนๆ ทุกวันเลย, ครอบครัวเอ๋เป็นขี้ขโมย, พ่อเอ๋ไม่ยอมทำงาน คอยแต่ขโมยเงินคนอื่น, เอ๋ยังเคยขโมยเงินคุณครูเลย, พี่ชายเอ๋ติดคุกอยู่ เพราะเขาไปขโมยของในห้าง, ฯลฯ—เห็นไหมว่า ประโยคแรกอาจจะเป็นความจริง แต่การพูดนินทาว่าร้าย เกินความจริงสามารถทำให้เกิดผลเสียมากมาย)
  • ครูชี้ให้เด็กเห็นว่าความยุ่งเหยิงเกิดขึ้น และแนะวิธีแก้ความสับสนด้วยการพูดความจริง เมื่อความจริงถูกพูดขึ้น ให้ครูแก้ไหมพรมออกจากรอบตัวเด็กที่ละคน ในกระบวนการนี้ ครูเองอาจไม่สามารถแก้ไหมพรมออกจากตัวเด็กได้สำเร็จ มันอาจจะพันกันมากขึ้น ในกรณีนี้ครูสามารถชี้ให้เด็กเห็นว่า หลายครั้งเมื่อเด็กพูดสิ่งที่ไม่ดีออกไป เขาก็ไม่สามารถเก็บคำพูดอันนั้นกลับมาได้ สถานการณ์อาจเกินเลยจนตัวเด็กเองก็ควบคุมไม่ได้ และผลร้ายที่ตามมาก็เหมือนไหมพรมที่พันกันจนแก้ไม่ออกอย่างนี้

กิจกรรม

ทำที่บ้าน