เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้
- เรียนรู้ถึงการเลี้ยงดูและจัดเตรียมของพระเจ้า
- มีความเชื่อว่าพระเจ้าสามารถทำสิ่งที่ดูเหมือนยากให้เป็นไปได้
- กล้าอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
ข้อท่องจำ
“จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้”-มัทธิว 6:33
T I P S สำหรับคุณครู
การทำพันธกิจหรือการประกาศข้ามถิ่นข้ามวัฒนธรรมนั้น เป็นงานที่ท้าทาย แต่ก็ไม่ใช่เป็นงานที่ทำได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่มิชชันนารีที่ถูกส่งออกไปต้องไปด้วย ความเชื่อ โดยไม่มีเงินเดือนประจำ ดังนั้นในขณะที่พระเจ้าเป็นผู้จัดเตรียมให้กับเขาเหล่านั้น ในเวลาเดียวกันพระเจ้าก็ใช้พวกเราให้เป็นผู้ถวาย ผู้ให้ เป็นเครื่องมือที่พระเจ้าใช้ในการเลี้ยงดูผู้รับใช้ของพระองค์ หากพวกเรายอมให้พระเจ้าใช้ ประเทศไทยก็จะสามารถส่งมิชชันนารีออกไปในที่ต่างๆ ได้มากขึ้น
เกม “สัมภาษณ์คนสำคัญ”
สิ่งที่ต้องเตรียมล่วงหน้า
ติดต่อมิชชันนารี (หรือผู้รับใช้พระเจ้าที่รับใช้ต่างถิ่น, ต่างวัฒนธรรม หรือต่างชนเผ่า) เพื่อเชิญมาสัมภาษณ์ในชั้นเรียน
- แนะนำมิชชันนารีให้เด็กๆ รู้จักชื่อ ให้รู้ว่าเขามาจากประเทศอะไร และตอนนี้รับใช้พระเจ้าที่ไหน
- เสนอให้เด็กถามคำถามที่เขาอยากรู้เกี่ยวกับตัวของมิชชันนารีเอง หรือเกี่ยวกับที่ที่เขารับใช้ หรือประเทศหรือถิ่นฐานบ้านเกิดของเขา
- ครูอาจต้องเตรียมคำถามเสริมเป็นระยะๆ ในบทเรียนนี้เราจะเรียนกันเรื่องการช่วยกู้และการเลี้ยงดูของพระเจ้าต่อผู้รับใช้ ครูอาจถามคำถาม เช่น เขาทำงานได้อย่างไรโดยไม่ได้รับเงินเดือน? มีเหตุการณ์หรือประสบการณ์ที่พระเจ้าเลี้ยงดูเขาอย่างอัศจรรย์มาเล่าให้เด็กๆ ฟังบ้างไหม? เมื่อเขารู้สึกกลัว กังวลเมื่ออยู่ไกลจากบ้านเกิด เขาทำอย่างไร?
- กล่าวขอบคุณมิชชันนารีที่สละเวลามาพูดคุยกับเด็กๆ และอธิษฐานเผื่อเขาในการรับใช้
ชีวิตของหมอบรัดเล่ย์
ภาพที่ 1 นอกจากหมอบรัดเล่ย์จะรับใช้พระเจ้าด้วยการรักษาโรคให้กับประชาชนแล้ว สิ่งหนึ่งที่หมอบรัดเล่ย์ทำเป็นประจำคือการเดินทางไปตามแม่น้ำลำคลองตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อประกาศข่าวประเสริฐแจกใบปลิวและพระคัมภีร์ให้กับชาวบ้าน นี่เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้หมอบรัดเล่ย์ได้ริเริ่มการพิมพ์ในประเทศไทยขึ้น โดยหมอบรัดเล่ย์ได้นำเอาแท่นพิมพ์ตัวหนังสือไทยเข้ามาจากต่างประเทศ ในช่วงแรกงานหลักๆ ที่พิมพ์ก็คือใบปลิว แผ่นพับสำหรับแจกให้กับคนทั่วไปในการประกาศ
หมอบรัดเล่ย์ยังรับหน้าที่แปลเอกสารราชการสำคัญให้กับกระทรวงต่างประเทศ และสนธิสัญญาต่างๆ ระหว่างประเทศ ในสมัยของสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 หมอบรัดเล่ย์ได้รับพิมพ์ประกาศห้ามสูบฝิ่นและค้าฝิ่น เมื่อปีพ.ศ. 2382 จำนวน 9,000 ฉบับซึ่งถือว่าเป็นสิ่งพิมพ์ชิ้นแรกในประวัติศาสตร์ไทยเลยก็ว่าได้
หลังจากรัชกาลที่ 3 เสด็จสวรรคต สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ด้วยว่าพระองค์ทรงสนใจในวิทยาศาสตร์ การแพทย์ ภาษาอังกฤษ และการศึกษาตั้งแต่สมัยที่พระองค์บวชเป็นพระอยู่ถึง 27 พรรษา ระหว่างที่ทรงผนวชพระองค์ได้เชิญหมอบรัดเล่ย์เข้าไปสอนภาษาอังกฤษให้กับพระรูปอื่นๆ ในวัดเป็นประจำ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างรัชกาลที่ 4 และหมอบรัดเล่ย์กับมิชชันานารีคนอื่นๆ ก็เพิ่มพูนขึ้น
ภาพที่ 2 ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 หมอบรัดเล่ย์เริ่มทำหนังสือพิมพ์ไทยฉบับแรกในปี 1844 (พศ. 2387) ชื่อว่า “บางกอกริคอร์เดอร์” จะออกเดือนละครั้งเป็นข่าวสารบ้านเมืองและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย หมอบรัดเล่ย์อาศัยกิจการงานพิมพ์เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวของตนเอง โดยไม่ได้ขอเงินสนับสนุนจากต่างประเทศอีกเลย การตัดสินใจครั้งนี้ต้องอาศัยความเชื่ออย่างมากมายเพราะตลอดมาหมอบรัดเล่ย์ไม่เคยคิดค่ารักษาจากคนไข้ที่มาหา หลายครั้งที่ครอบครัวของหมอต้องอธิษฐานขอการเลี้ยงดูจากพระเจ้า “พระเจ้าทรงเลี้ยงข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน” สดุดี 23:1 และพระเจ้าก็ตอบคำอธิษฐานของเขาเสมอ ผ่านทางกิจการของโรงพิมพ์ ผลหมากรากไม้ อาหารจากคนที่หมอเคยรักษา หรือจากเจ้าขุนมูลนายที่ได้รับการช่วยเหลือจากหมอบรัดเล่ย์
หลายปีต่อมา มีกงสุลฝรั่งเศสชื่อ โอบาเรต์ เข้ามาประจำอยู่ในกรุงเทพฯ ในเวลานั้นชาติตะวันตกกำลังอยู่ในสมัยของการล่าอาณานิคม ฝรั่งเศสต้องการเอาเขมร ลาว เวียตนามเป็นเมืองขึ้น ส่วนพม่าและอินเดียก็ถูกอังกฤษครอบครอง ปรากฏว่าประเทศไทยอยู่ตรงกลางและตกที่นั่งลำบาก โอบาเรต์ผู้นี้มักใช้อำนาจบาดใหญ่ เกะกะระราน แถมยังสั่งให้มีเรือรบติดอาวุธมาจอดที่แม่น้ำหน้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นการข่มขู่กษัตริย์ไทยและข้าราชบริพาร แต่พระจอมเกล้าฯ และขุนนางทหารจำต้องยอมทน แต่หมอบรัดเล่ย์ทนไม่ได้ที่เห็นโอบาเรต์ทำการชั่วช้า เอารัดเอาเปรียบ และดูหมิ่นเหยียดหยามพระมหา กษัตริย์และคนไทยทั้งหลาย เขาจึงตัดสินใจใช้หนังสือพิมพ์ของเขาเป็นเครื่องมือเปิดโปงการคอร์รัปชั่นและแผนการชั่วร้ายต่างๆ ของโอบาเรต์ เช่น การใช้ตำแหน่งต่อรองหาผลประโยชน์ใส่ตัว แอบไปทำสัญญาเถื่อนกับนายอากรสุราเพื่อค้าสุรา การปรักปรำข้าราชการไทยเพื่อปกป้องพรรคพวกของตนเอง การบีบบังคับรัฐบาลให้ถอดถอนอัครมหาเสนาบดี ซึ่งส่งผลทำให้โอบาเรต์โกรธมากถึงกับให้รัฐบาลฝรั่งเศสยื่นฟ้องศาลในข้อหาที่หมอบรัดเล่ย์หมิ่นประมาทตน
ภาพที่ 3 หมอบรัดเล่ย์เป็นคนซื่อสัตย์ และไม่เคยกลัวที่จะพูดความจริง แต่จุดแข็งข้อนี้ก็ทำให้บทความที่หมอบรัดเล่ย์เขียนกลับถูกมองว่าหมอบรัดเล่ย์มีอคิติต่อต้านพวกฝรั่งเศส หมอบรัดเล่ย์ได้ข้อมูลมาจากเหล่าเสนาบดี ขุนนาง ทหาร และแม้แต่พระจอมเกล้าฯ เอง วิกฤตในชีวิตอีกครั้งที่หมอต้องตัดสินใจหากจะสู้คดี สืบพยานเพื่อหาความจริง นั่นหมายความว่าจะต้องเปิดเผยแหล่งข่าว เสนาบดี ขุนนางที่เอาหนังสือสัญญาต่างๆ มาให้ดู ความเดือดร้อนจะไปถึงคนเหล่านั้น และพระมหากษัตริย์ไทย มากกว่านั้นมันอาจรุกรามกลายเป็นเหตุให้ฝรั่งเศสใช้เป็นข้ออ้างยึดเอาสยามประเทศไปอยู่ใต้อาณานิคมก็เป็นได้ ในที่สุดหมอบรัดเล่ย์จึงยอมรับข้อกล่าวหาเสียเอง ศาลตัดสินให้หมอบรัดเลย์เป็นฝ่ายผิดและต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน 1,500 เหรียญสหรัฐฯ ภายในสิบวัน (สำหรับครู -เรื่องค่าปรับนี้ถูกบันทึกต่างกันจากแหล่งข้อมูลหลายแห่ง ผู้เขียนตัดสินใจเลือกใช้บันทึกของแดน ฟรีแมน บรัดเล่ย์ ลูกชายของหมอบรัดเล่ย์)
ถึงแม้หมอบรัดเล่ย์จะมีกิจการโรงพิมพ์ และไม่รับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศ แต่ฐานะการเงินของครอบครัวท่านไม่สู้ดีนัก เมื่อถูกเรียกค่าปรับจำนวนมากโข สิ่งหนึ่งที่ครอบครัวและลูกๆ ของท่านทำคืออธิษฐาน ขอการช่วยเหลือจากพระเจ้า เงินจำนวน 1,500 เหรียญนั้นมากมายมหาศาล เมื่อหนูรู้ว่าในสมัยนั้น เงินแค่ 5-6 บาทก็สามารถซื้ออาหารเลี้ยงคนได้ถึง 15 คน พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาการช่วยกู้จากพระเจ้า เพราะโดยลำพังตัวเขาเองไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หนูรู้ไหมเกิดอะไรขึ้นเมื่อครอบครัวของหมอบรัดเล่ย์อธิษฐาน
ภาพที่ 4 ลูกชายของท่านบันทึกไว้ว่า ในเช้าวันหนึ่ง ดวงอาทิตย์เพิ่งจะขึ้นเขาเห็นข้าราชการไทยคนหนึ่งแบกกระสอบใบหนึ่งเดินมาที่หน้าบ้านของเขา พอมาถึงก็วางกระสอบใบนั้นลงแล้วก็จากไป เมื่อเปิดดูข้างในก็พบเงินจำนวนมากอยู่ในนั้น นับดูแล้วได้ 1,500 เหรียญพอดีสำหรับค่าปรับที่ต้องจ่ายภายในสิบวัน ครอบครัวของหมอบรัดเลย์ได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้าในยามคับขัน และพระเจ้าแสดงให้เห็นว่าพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งลูกของพระองค์
บทเรียนนี้เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร?
ภาพที่ 5 หนูเคยรู้สึกเช่นนี้ไหม หนูหรือครอบครัวของหนูมีปัญหาหนัก แต่หนูทำอะไรให้มันดีขึ้นไม่ได้ หนูไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร พระคัมภีร์บอกกับเราว่า “ จงมีใจกล้าเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณ เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้รับพระคุณที่จะช่วยเราในขณะที่ต้องการ” ฮีบรู 4:16 เช่นนั้นเมื่อหนูทุกข์ใจ มีปัญหาทำให้หนูกังวล ขอให้หนูจำสัญญาของพระเจ้าข้อนี้ไว้ อธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้า พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและยิ่งใหญ่ สามารถช่วยหนูได้ในเวลาอันเหมาะสม
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
- นอกจากหมอบรัดเล่ย์จะเป็นหมอแล้ว เขายังมีธุรกิจการงานอะไรอีก?
- ใครเป็นผู้เลี้ยงดูครอบครัวของหมอบรัดเล่ย์ หากพวกเขาไม่ได้เก็บค่ารักษาพยาบาลจากคนไข้ที่มาหาเขาเลย?
- พระเจ้าเลี้ยงดูครอบครัวของพวกเขาอย่างไรบ้าง?
- หมอบรัดเล่ย์เอาเรื่องความชั่วร้ายของโอบาเรต์มาเปิดเผยบนหนังสือพิมพ์ของเขา ทำให้เกิดอะไรขึ้น?
- เมื่อเขาถูกฟ้องร้อง และต้องขึ้นศาล ทำไมหมอบรัดเล่ย์จึงยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิด?
- เมื่อเขาถูกสั่งให้เสียค่าปรับเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อครอบครัวของเขาพึ่งพาพระเจ้า พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของเขาอย่างไร?
- พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งลูกของพระองค์ ให้หนูแบ่งปันประสบการณ์ที่พระเจ้าช่วยหนูในยามคับขันหรือในเวลาที่หนูมีปัญหาและขอให้พระองค์ช่วย
กิจกรรม
ความเชื่อทะลุกำแพง
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กระดาษขนาด A5 (ครึ่งหนึ่งของ A4)
- กรรไกร (สำหรับเด็กทุกคน)
วิธีทำ
- แจกกระดาษให้เด็กคนละแผ่น พร้อมกรรไกรคนละหนึ่งอัน
- ท้าทายให้เด็กทำอย่างไรก็ได้ โดยใช้กรรไกรตัดกระดาษให้เป็นวง และให้ตัวคนสามารถรอดทะลุผ่านไปได้โดยไม่ให้กระดาษขาด ห้ามตัดกระดาษเป็นเส้นๆ แล้วใช้กาวต่อ ต้องตัดกระดาษให้เป็นวงโดยไม่มีรอยต่อเลย (กำหนดเวลาให้เด็กได้ทดลองทำดู)
- ครูตัดกระดาษเฉลยวิธีที่ถูกต้อง ดูตามรูปภาพตัวอย่างนี้ คือให้พับครึ่งกระดาษตามยาว และใช้กรรไกรตัดกระดาษขึ้นลงๆ โดยไม่ให้ขาดจากกัน เว้นขอบกระดาษประมาณ 1 ซม. โดยมีข้อแม้ว่า เส้น ก และ ข ต้องเริ่มตัดจากแนวที่กระดาษถูกพับ
- หลังจากนั้น ใช้กรรไกรสอดเข้าไปตามแนวกระดาษพับ ตัดจากจุด ก ไปถึงจุด ข แล้วหยุด
- เมื่อกางกระดาษออกมาก็จะได้วงกลมวงใหญ่ที่คนสามารถรอดผ่านได้
- สรุป - หลายครั้งในชีวิตของหนูดูเหมือนจะยากลำบาก ปัญหาดูเหมือนจะแก้ไขไม่ได้ หรือหนูอยากจะทำบางสิ่งแต่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ บทเรียนวันนี้สอนให้หนูรู้ว่า โดยความเชื่อในพระเยซู ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ เพราะมนุษย์มีข้อจำกัดหลายอย่าง แต่พระเจ้าไม่มี เพราะฉะนั้นให้หนูพึ่งพาในพระเจ้า เชื่อในพระองค์ดีกว่าที่จะเชื่อและพึ่งพาตัวเอง
กิจกรรม
ถุงถวายจากกิจกรรม “ระดมความคิด ระดมใจ ระดมทุน”
วิธีทำ
- เด็กแต่ละคนวางถุงไว้บนโต๊ะ (กิจกรรมจากบทเรียนสัปดาห์แรก “จากบ้านเกิดสู่แดนสยาม”)
- ครูใส่ธนบัตร 20 บาทเพิ่มลงในถุงแต่ละใบของเด็กเพื่อเป็นการหนุนใจเด็กในการถวาย (ถ้าเป็นไปได้)
- หนุนใจให้เด็กเข้าใจว่า เงินถวายนี้ไม่ใช่เหมือนการทำบุญ แต่การถวายของเด็กอย่างแรกต้องคิดถึงพระเยซูคริสต์ และถัดมาคือเงินถวายนี้เพื่อคนอื่น คนอื่นนี้คือใครกัน? คนแรกคือผู้รับใช้ของพระเจ้า คนที่สองคือคนที่จะได้ยินได้ฟังข่าวประเสริฐเรื่องของพระเยซู และสุดท้าย คนที่จะได้รับความชื่นชมยินดีเป็นที่สุดก็คือตัวของเด็กเอง เพราะพระคัมภีร์บอกว่า การให้ก็เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ
- เปิดโอกาสให้เด็กแต่ละคน เป็นพยานแบ่งปันว่าเขาสะสมเงินถวายเหล่านี้อย่างไร? พระเจ้าช่วยเขาอย่างไรบ้างไหม?
- หลังจากนั้น ให้ครูรวบรวมนับเงินทั้งหมดใส่ซองจดหมาย เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ว่าเงินนี้จะถูกส่งไปให้มิชชันนารีคนที่เด็กๆ อธิษฐานเผื่อ
- ถามคำถามเด็กถึงความรู้สึกของพวกเขา เช่น หนูมีความสุขไหม? ทำไม? หนูคิดว่าพระเจ้าดีใจที่หนูทำอย่างนี้ไหม? หนูคิดว่าผู้ที่ได้รับเงินนี้เขาจะรู้สึกอย่างไรบ้างที่เด็กเล็กๆ อย่างหนูส่งเงินไปให้เขา?
- อธิษฐานเผื่อมิชชันนารีและขอบคุณพระเจ้าสำหรับเงินถวายจำนวนนี้