เด็กสามารถเชื่อวางใจในพระเยซูได้เมื่ออายุเท่าใดหนอ?
คำถามนี้เป็นคำถามที่พระคัมภีร์ไม่ได้ให้คำตอบที่เฉพาะเจาะจง เราคงค้นหาคำตอบในพระคัมภีร์สำหรับสิ่งที่ไม่มีในนั้นไม่ได้ ดังนั้นการกำหนดว่าเด็กอายุเท่าใดที่น่าจะหรือไม่น่าจะได้รับความรอดจึงไม่ได้เป็นคำสอนจากพระคัมภีร์ การที่จะกล่าว่าเด็กอายุประมาณ 12, 13 หรือ 14 เป็นวัยที่พร้อมสำหรับการเชื่อวางใจในพระคริสต์อาจจะเป็นอันตรายต่อจุดมุ่งหมายในการประกาศข่าวประเสริฐและต่อตัวเด็กเอง
เหตุผลหลักที่พระคัมภีร์ไม่ได้ระบุอายุว่าเด็กวัยไหนพร้อมี่จะเชื่อวางใจในพระเยซู เป็นเพราะว่าเด็กๆ นั้นต่างจากผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กบางคนที่มาจากครอบครัวคริสเตียนจะมีความพร้อมที่จะเชื่อวางใจในพระเยซูในวัยเยาว์มากกว่าเด็กที่มาจากครอบครัวที่ไม่เป็นคริสเตียน เด็กบางคนอายุเพียง 5-6 ขวบก็สามารถเข้าใจความจริงฝ่ายวิญญาณได้อย่างชัดเจน มีการกลับใจจากบาปอย่างแท้จริง และสามารถเชื่อไว้วางใจในพระเยซูได้ ยิ่งกว่านั้นในขณะเดียวกันคุณอาจพบว่าเด็กบางคนที่มีอายุ 9 หรือ 10 ขวบกลับไม่มีความเข้าใจ ไม่มีการกลับใจ ไม่สามารถหรือยังไม่พร้อมที่จะเชื่อวางใจในพระเยซู ดังนั้นเราจึงไม่อาจจำกัดระดับอายุของการกลับใจใหม่ เมื่อกล่าวถึงการสร้างชีวิตใหม่และการบังเกิดใหม่ พระเยซูตรัสว่า "ลมใคร่จะพัดไปข้างไหนก็พัดไปข้างนั้น และท่านได้ยินเสียงลมนั้น แต่ท่านไม่รู้ว่าลมมาจากไหนและไปที่ไหน คนที่บังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นอย่างนั้นทุกคน" ยอห์น 3:8
เราจะต้องไม่พยายามตั้งกฏเกณฑ์หรือจำกัดการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ การวางกฏเกณฑ์ว่าเด็กควรจะโตแค่ไหนที่จะมีจิตสำนึกเกี่ยวเรื่องบาป โตพอที่จะสำนึกกลับใจต่อบาปของตนและต้องการเปลี่ยนแปลง และโตพอจะเข้าใจว่าพระเยซูคริสต์มาตายเพื่อเขา โตพอที่จะมอบความวางใจและพึ่งพาในพระเยซูคริสต์เพื่อจะรับความรอด ลักษณะนี้ควรจะมีอายุสักเท่าใด มันอาจส่งผลร้ายต่อคริสตจักรและตัวเด็กเอง เพราะเราไม่รู้ว่าเด็กควรจะมีอายุสักเท่าใด แต่ส่วนใหญ่แน่ใจได้เลยว่าก่อนที่จะถึงอายุ 12, 13 หรือ 14 นานทีเดียว
ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะเผยแพร่ข่าวประเสริฐแก่เด็กทุกวัย ตามที่พระเยซูตรัสสั่งว่า "เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลกประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน" มาระโก 16:15 พระมหาบัญชาข้อนี้รวมถึงเด็กๆ และยังรวมไปถึงเด็กเล็กๆ ด้วย ผลลัพธ์ในการประกาศของเรานั้นขึ้นอยู่กับการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเราจะต้องทำหน้าที่ในส่วนที่เป็นความรับผิดชอบของเราอย่างเต็มที่คือในการเผยแพร่ข่าวประเสริฐกับพวกเขา
(**เป้าหมายแรกและเป้าหมายหลักในการสอนพระคัมภีร์แก่เด็กๆ ไม่ใช่เพื่อสอนจริยธรรมคุณธรรมหรือข้อควรปฏิบัติตามพระคัมภีร์ แต่ควรมีเป้าหมายเพื่อเด็กจะมีโอกาสได้ต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เมื่อเด็กได้รับความรอดและมีวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของเขาแล้วเท่านั้น ที่จะสามารถนำการเปลี่ยนแปลงมาถึงชีวิตของเขาได้ หากเด็กยังตกอยู่ในความบาป และไม่มีพระผู้ช่วยในชีวิต การสอนให้เด็กปฏิบัติตามพระคัมภีร์ก็คงเหมือนการทาสีบ่อน้ำที่มีน้ำสกปรกอยู่ข้างในให้ดูขาวสะอาดด้านนอกเท่านั้น** เพิ่มเติม)
สรุปย่อจากบทความดีๆ โดย อ.แซม โดเฮอร์ตี้