บทเรียน : คริสตมาสนี้เพื่อใคร ตอนที่ 2

การบังเกิดของพระเยซูมีความหมายเกี่ยวข้องกับตัวเราอย่างไร พระคริสต์เสด็จมาในโลกนี้ เพื่อคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะ

ข้อท่องจำ

“...เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์”-ยอห์น 10:10

จุดประสงค์

เพื่อให้เด็กเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเทศกาลคริสตมาส และตระหนักว่าพระเจ้าทรงส่งพระเยซูลงมาในโลกนี้เพื่อมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าเขาจะยังเด็ก หรือชรามากแล้ว เป็นคนยากจน ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมหรือคนมั่งมี พระเจ้าทรงสัญญาว่า พระเยซูมาเพื่อให้ชีวิตแก่คนทุกเพศทุกวัยทุกสถานะที่เชื่อวางใจในพระองค์

อธิบายสำหรับการใช้บทเรียน "คริสตมาสนี้เพื่อใคร"

บทเรียน "คริสตมาสนี้เพื่อใคร" เป็นบทเรียนสามารถสอนต่อเนื่องได้ 4 ครั้งหรือสัปดาห์ โดยใช้การเชื่อมโยงบุคคลสำคัญในเหตุการณ์การประสูติของพระเยซูคริสต์ กับชีวิตของเด็กๆ และผู้คนรอบข้างในปัจจุบัน และยังนำเสนอพระลักษณะของพระเจ้า ธรรมชาติบาปของมนุษย์ และการทรงไถ่ของพระเยซูคริสต์เมื่อเด็กได้เรียนครบทั้งสี่บท

"คลิกเพื่อขยายสำหรับพิมพ์ใช้กับกิจกรรม"

สื่อการสอน  แผ่นภาพ

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • กระดานที่สามารถติดหมุด เพื่อแขวนรูปภาพได้ หรือจะแขวนรูปกับราวเชือกและที่หนีบกระดาษก็ได้ รูปภาพมีทั้งหมด 5 แผ่นแต่ละแผ่นจะมีรูป ก. และ ข. เป็นคู่ๆ มีเป้าหมายเปรียบเทียบคนในสมัยพระคัมภีร์ กับคนในยุคปัจจุบัน

รูปที่ 1 ก - พระเยซูในรางหญ้า   1 ข - รูปไม้กางเขน

รูปที่ 2 ก – รูปเด็กผู้หญิง          2 ข - รูปนางมารีย์

รูปที่ 3 ก – รูปคนยากจน          3 ข - รูปคนเลี้ยงแกะ

รูปที่ 4 ก – รูปชายชรา             4 ข - รูปสิเมโอน

รูปที่ 5 ก – รูปเศรษฐี               5 ข - รูปโหราจารย์

เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์

สัปดาห์ที่ 2

พระคัมภีร์ ลูกา 2:1-20

(ทบทวนบทเรียนในสัปดาห์ที่ 1—วันคริสตมาสเป็นวันที่เราระลึกถึงวันที่พระเยซูลงมาบังเกิดเป็นกุมารน้อยในรางหญ้า พระเจ้าใช้ชีวิตของมารีย์ เด็กสาวคนหนึ่งที่จะนำการอวยพรมาถึงมนุษย์ทุกคนในโลกนี้)

ค่ำคืนเดียวกับที่กุมารเยซูลงมาบังเกิด ในทุ่งหญ้าที่อากาศเริ่มเย็นลง ดวงดาวส่องแสงสว่างไสว (แสดงรูปที่ 3 ข – รูปคนเลี้ยงแกะ) คนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มีที่นอนนุ่มๆ หรือเตียงสบายๆ สำหรับเอนตัวลงนอน ทุกคืนพวกเขาต้องนอนอยู่ใต้ต้นไม้กลางแจ้ง คอยเฝ้าดูแลฝูงแกะของเขาในเวลากลางคืน ชายพวกนี้มีอาชีพเลี้ยงแกะ ไม่ได้เป็นคนร่ำรวยมีฐานะ เสื้อผ้าของพวกเขาคงมีกลิ่นสาปจากการเลี้ยงสัตว์  พวกเขาทำให้ครูคิดถึงคนอีกกลุ่มหนึ่งในสังคมบ้านเรา คือคนที่หาเช้ากินค่ำ ไม่มีเงินทองที่จะใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย พวกเขาอาจจะคิดว่า (แสดงรูปที่ 3 ก – รูปคนยากจน และเลียนเสียงเป็นผู้ชายที่ท้อแท้ชีวิต)

“พระเยซู โอ้ย.. พระเยซูนะเหรอ เขาจะมาสนใจอะไรคนอย่างข้า คนที่เกิดมามีเวรมีกรรมติดตัว ทำอะไรก็ขาดทุน เงินทองก็มีไม่พอจะซื้อข้าวกิน  ดูซิ คนที่เข้าไปในโบสถ์ เขาแต่งตัวกันสวยๆ ทั้งนั้น ข้าจะเข้าไปได้ยังไง ถ้าข้าเข้าไปคนเขาไม่มองกันตาโตเลยหรือ โอ้ย.. พระเยซู เขาจะสนใจคนอย่างข้าทำไม ข้าจนอย่างนี้ไม่มีอะไรจะให้เขาหรอก”

พวกเขาอาจจะมีความคิดเหมือนกับคนเลี้ยงแกะก็ได้ว่าพระเจ้าไม่ทรงสนใจในพวกเขา แต่หนูรู้ไหมว่าอะไรเกิดขึ้นกับคนเลี้ยงแกะกลุ่มนั้นในขณะที่เขาเฝ้าฝูงแกะอยู่ มีทูตของพระเจ้ามาปรากฏแก่เขา และกล่าวว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังท่านทั้งหลาย เพราะว่าในวันนี้พระผู้ช่วยให้รอดของท่านทั้งหลาย คือพระคริสต์ มาบังเกิดที่เมืองดาวิด” ในทันใดนั้นมีชาวสวรรค์หมู่หนึ่งลงมาร่วมกันร้องเพลงสรรเสิรญพระเจ้า

หลังจากนั้นพวกผู้เลี้ยงแกะก็พากันไปยังเมืองเบธเลเฮ็ม และเขาก็ได้พบพระกุมารพันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้าอย่างที่ฑูตสวรรค์ได้บอกแก่เขา ชายเหล่านี้เป็นใครหนอที่พระเจ้ามาบอกข่าวดีกับเขาเป็นคนแรก เขาเป็นคนสำคัญมากแค่ไหนในเมืองของเขาที่พระเจ้าต้องมาแจ้งการเกิดของพระเยซูให้เขาทราบก่อนใครเพื่อน เปล่าเลย.. ตรงกันข้าม คนเลี้ยงแกะเหล่านี้ ไม่มีฐานะร่ำรวย ไม่มีชื่อเสียง หรือยศถาบรรดาศักดิ์ เป็นคนยากจน แต่พระเจ้ารักเขาเหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงรักครูและหนู

พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งในโลกนี้ รวมทั้งมนุษย์ทุกคน ซึ่งหมายถึงตัวครู และตัวหนูด้วย ดังนั้นพระเจ้าจึงรักครูและหนูและต้องการที่จะมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้าง ไม่ว่าเราจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ หรือแม้แต่คนที่ยากจนเช่นคนเลี้ยงแกะ

ยิ่งกว่านั้นอีก เมื่อคนเลี้ยงแกะได้พบกับพระเยซู ผู้ช่วยให้รอดของโลก เขาได้ตระหนักว่าเขาได้พบข่าวดี สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา พวกเขาก็ได้เล่าเรื่องของกุมารเยซูให้คนทั้งหลายฟัง คนเหล่านั้นก็ประหลาดใจยิ่งนัก

ถึงแม้คนเลี้ยงแกะซึ่งเป็นคนยากจนไม่มีอะไรมาถวายให้พระเยซู แต่สิ่งที่เขาได้ทำในคืนวันนั้นเป็นสิ่งที่พระเจ้าพอใจมาก คือการที่เขาได้ออกไปบอกเรื่องราวของการบังเกิดของกุมารเยซูให้คนอื่นๆ ฟัง (แขวนรูปที่ 4ข บนกระดานด้านขวามือของรูปพระเยซูในรางหญ้า)และพระเจ้าจะพอใจในตัวหนูเช่นกัน หากหนูได้ไปบอกข่าวดีเรื่องของพระเยซูให้คนอื่นฟัง

รูปภาพประกอบ

ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ  เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา

กิจกรรมสัปดาห์ที่ 2

ไม้เท้าคนเลี้ยงแกะ

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • ลวดกำมะหยี่สีขาว และสีแดง
  • เชือกป่าน กรรไกร กาว
  • เรื่องราวของลูกกวาดไม้เท้า

วิธีทำ

  • แจกลวดกำมะหยี่สีขาวและสีแดง เด็กแต่ละคนสีละ 1 เส้น
  • ครูแสดงวิธีขดลวดสีแดงและสีขาว ให้หมุนจนเป็นลวดที่มีสีสลับแดงขาวเป็นเส้นเดียวกัน
  • หลังจากนั้น ให้ดัดงอลวดด้านบนให้มีรูปทรงคล้ายไม้เท้าคนเลี้ยงแกะ
  • ผูกเชือกป่านตรงกลางไม้เท้าเพื่อความสวยงาม
  • ทากาวบนไม้เท้า และติดบนแผ่นเรื่องราวความเป็นมาของลูกกวาดไม้เท้า
  • หลังจากทากาวเรียบร้อย ให้ครูรวบรวมกิจกรรมไว้บนโต๊ะ ระหว่างรอให้กาวแห้งคุณครูสามารถเล่าถึงเรื่องลูกกวาดไม้เท้า และความหมายของข่าวประเสริฐของพระเยซูจากสัญญลักษณ์สีขาวและสีแดงบนไม้เท้า (ดูรายละเอียดด้านล่าง)
  • หากสามารถหาซื้อลูกกวาดไม้เท้าสีขาวและแดงอันเล็กๆ ได้ ครูสามารถแจกเด็กเพื่อเพิ่มความหมายของบทเรียนให้กับเด็กๆ ได้

ภาพประกอบกิจกรรม : ขอขอบคุณภาพสวยๆ จาก wiki how.com

ทำไมลูกกวาดไม้เท้าถึงมีสีแดงขาว?

หนูๆ มักเห็นลูกกวาดรูปทรงไม้เท้า (แคนดี้เคน) คล้ายขนมตังเมในไทยที่มีสีแดงสลับขาวประดับประดาทั่วไปในเทศกาลคริสตมาส ที่จริงแล้วลูกกวาดไม้เท้านี้ถูกทำขึ้นเพื่อแจกเด็กๆ ในช่วงเทศกาลคริสตมาส โดยคนทำขนมมีความตั้งใจที่จะสื่อถึงความหมายที่แท้จริงของการเฉลิมฉลองผ่านทางสัญญลักษณ์ไม้เท้าสีแดงสลับขาว

  • สีแดง เล็งถึงพระโลหิตของพระเยซู การเสด็จลงมาของพระเยซูในโลกนี้ก็เพื่อลงมาไถ่บาปของเรา โดยการตายบนไม้กางเขนเพื่อรับโทษทัณฑ์ความบาปแทนเรา
  • สีขาว เล็งถึงความบริสุทธิ์ปราศจากบาปของพระเยซู พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และทุกคนที่เชื่อและวางใจในพระเยซูก็จะได้รับชีวิตนิรันดร์ และถือว่าเป็นคนบริสุทธิ์ชอบธรรมในสายตาของพระเจ้า
  • ไม้เท้า เล็งถึงคนเลี้ยงแกะ พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า พระเจ้าเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี

และถ้าเราลองคว่ำไม้เท้าลงอีกด้านก็จะเห็นเป็นตัว “J” ย่อมาจาก “Jesus” หรือพระนามของพระเยซูนั่นเอง

"คลิกเพื่อขยายสำหรับพิมพ์ใช้กับกิจกรรม"