การบังเกิดของพระเยซูมีความหมายเกี่ยวข้องกับตัวเราอย่างไร พระคริสต์เสด็จมาในโลกนี้ เพื่อคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะ
ข้อท่องจำ
“...เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์”-ยอห์น 10:10
จุดประสงค์
เพื่อให้เด็กเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเทศกาลคริสตมาส และตระหนักว่าพระเจ้าทรงส่งพระเยซูลงมาในโลกนี้เพื่อมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าเขาจะยังเด็ก หรือชรามากแล้ว เป็นคนยากจน ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมหรือคนมั่งมี พระเจ้าทรงสัญญาว่า พระเยซูมาเพื่อให้ชีวิตแก่คนทุกเพศทุกวัยทุกสถานะที่เชื่อวางใจในพระองค์
อธิบายสำหรับการใช้บทเรียน "คริสตมาสนี้เพื่อใคร"
บทเรียน "คริสตมาสนี้เพื่อใคร" เป็นบทเรียนสามารถสอนต่อเนื่องไ
"คลิกเพื่อขยายสำหรับพิมพ์ใช้กับกิจกรรม"
สื่อการสอน แผ่นภาพ
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กระดานที่สามารถติดหมุด เพื่อแขวนรูปภาพได้ หรือจะแขวนรูปกับราวเชือกและที่หนีบกระดาษก็ได้ รูปภาพมีทั้งหมด 5 แผ่นแต่ละแผ่นจะมีรูป ก. และ ข. เป็นคู่ๆ มีเป้าหมายเปรียบเทียบคนในสมัยพระคัมภีร์ กับคนในยุคปัจจุบัน
รูปที่ 1 ก - พระเยซูในรางหญ้า 1 ข - รูปไม้กางเขน
รูปที่ 2 ก – รูปเด็กผู้หญิง 2 ข - รูปนางมารีย์
รูปที่ 3 ก – รูปคนยากจน 3 ข - รูปคนเลี้ยงแกะ
รูปที่ 4 ก – รูปชายชรา 4 ข - รูปสิเมโอน
รูปที่ 5 ก – รูปเศรษฐี 5 ข - รูปโหราจารย์
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์
สัปดาห์ที่ 3
พระคัมภีร์ มัทธิว 1:18—2:23
ทบทวนเนื้อหาสัปดาห์ที่ 1 & 2—พระเยซูลงมาบังเกิดเป็นกุมารตัวน้อยในรางหญ้าเพื่อมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนมีอายุน้อยเหมือนนางมารีย์ หรือคนมีฐานะยากจน ไม่มีหน้ามีตาในสังคมเช่นเดียวกับคนเลี้ยงแกะ พระเจ้ารักมนุษย์ทุกคนไม่ว่าเขาจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ และไม่ว่าเขาจะมีฐานะอย่างไร พระเจ้ารักพวกเราทุกคนรวมทั้งตัวครูและหนูด้วย
(ในแต่ละสัปดาห์ที่ผ่านมาหนุนใจให้ครูติดภาพประกอบบทเรียนแต่ละสัปดาห์บนกระดาน หรือกำแพงห้องเรียน เพื่อให้เด็กๆ ได้เห็นภาพโดยรวมของคริสตมาสและความเกี่ยวข้องของบทเรียนกับชีวิตของเด็ก)
ข่าวดีของพระเยซูไม่ได้มีไว้สำหรับเด็ก และคนยากจนเท่านั้น พระเจ้าไม่ลืมว่าในสังคมยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีทรัพย์สมบัติภายนอกมากมาย แต่จิตใจภายในของเขาว่างเปล่า และไม่มีคำตอบให้กับชีวิตของตัวเอง พวกเขาอาจจะคิดว่า (แสดงรูปที่ 5 ก – รูปเศรษฐี และอาจเลียนเสียงเป็นชายผู้มั่งมี)
“ผมมีชีวิตอย่างสุขสบาย เพียบพร้อมทุกอย่าง อยากมีบ้านก็มีบ้าน อยากมีรถก็มีรถ ธุรกิจก็ก้าวหน้าดี และผมจะต้องการอะไรอีกหรือ? อยู่อย่างนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว.... อืม แต่ที่จริงแล้ว ผมก็ไม่ค่อยได้เจอหน้าลูกกับภรรยาผมเท่าไรเลย เพราะผมต้องทำงานหนัก แต่เขาคงจะเข้าใจน่าว่าผมทำไปก็เพื่อพวกเขานี้แหละ บางครั้งผมก็รู้สึกว่างเปล่าเหมือนกันนะ เพราะสิ่งที่ผมมีมันเป็นของภายนอก ลึกๆ แล้วผมไม่มีอะไรเลย แต่พระเยซูเป็นเรื่องของพวกคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ผมมีทุกอย่าง ผมช่วยตัวเองได้ แต่ทำไมผมยังไม่มีความสุข”
เช่นกันในสมัยที่พระเยซูมาบังเกิด มีคนกลุ่มหนึ่งที่มีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่พวกเขาก็ยังคงแสวงหาอะไรบางอย่างในชีวิตของเขาอยู่ (แสดงรูปที่ 5 ข – รูปโหราจารย์) ในวันที่กุมารเยซูมาบังเกิด ได้เกิดดาวประหลาด ดวงสว่างสุกใสขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเมืองเบธเลเฮ็ม คนกลุ่มนี้คือพวกโหราจารย์ ซึ่งอาศัยอยู่ในที่ไกลออกไป (หรือพวกนักปราชญ์ หรือบางแหล่งข้อมูลคิดว่าพวกเขาอาจจะเป็นกษัตริย์จากฟากตะวันออก) สังเกตเห็นดวงดาวนั้นและรู้ว่าได้มีกษัตริย์องค์ใหม่ได้มาบังเกิด พวกเขาจึงเริ่มออกเดินทางไปตามดาวนั้น พร้อมกับของขวัญมีค่าเพื่อที่จะมอบให้กับกษัตริย์องค์ใหม่ เมื่อเขามาถึงเยรูซาเล็ม ไม่มีใครรู้ข่าวของกษัตริย์องค์ใหม่นี้เลย ไม่มีใครรู้แม้แต่กษัตริย์เฮโรด และสำนักพระราชวัง เมื่อเฮโรดได้ยินว่าจะมีกษัตริย์องค์ใหม่มาบังเกิด เขารู้สึกโกรธ ริษยา และวุ่นวายใจ ด้วยเขาคิดจะกำจัดกุมารนั้นเสีย หนูเคยโกรธ อิจฉา และวุ่นวายใจที่คนอื่นจะมาแย่งของหนูเหมือนอย่างกษัตริย์เฮโรดไหม?
พระคัมภีร์บอกเราว่า เราทุกคนเป็นคนบาป และไม่มีสักคนเดียวที่บริสุทธิ์หมดจด ความบาปหมายถึง สิ่งที่เราพูด หรือทำซึ่งไม่เป็นที่พอใจของพระเจ้า (ตัวอย่างของความบาป เช่น การโกหก การอิจฉาริษยา การลักขโมย ฯลฯ อาจเปิดโอกาสให้เด็กได้คิด และยกตัวอย่างของความบาปในชีวิตของเขา) ความบาปนี้เองทำให้คนเรามีเวรมีกรรมติดตัว และ นำเราไปสู่ความตาย คือการถูกแยกจากพระเจ้านิรันดร์ เช่นเดียวกับกษัตริย์เฮโรดที่คิดจะทำลายกุมารเยซู เขากำลังจะทำบาป
แต่พระเจ้าก็ไม่ให้เขาทำได้สำเร็จ พวกโหราจารย์ได้เดินทางตามดวงดาวนั้น ซึ่งไปหยุดอยู่ที่ที่กุมารเยซูอยู่นั้น พวกเขามีความยินดียิ่งนักที่ได้พบกับพระเยซู พวกเขาได้กราบนมัสการพระองค์ และถวายของขวัญ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบให้แก่กุมารนั้น
พวกโหราจารย์ เป็นคนมั่งมี (รูปที่ 5ข รูปโหราจารย์ แขวนรูปบนกระดานถัดจากรูปคนเลี้ยงแกะ) เขาอาจมีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ในส่วนลึกในใจของเขาอาจจะว่างเปล่า ทำให้เขาออกแสวงหาความหมายในชีวิตโดยการศึกษา การหาความรู้ใหม่ๆ พระเจ้ารู้ว่าพวกโหราจารย์กำลังแสวงหาคำตอบของชีวิตเฉกเช่นคนทั่วไป และพระองค์ทรงเมตตาส่งดาวประหลาดนำทางให้เขาได้พบกับพระกุมารเยซู
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
กิจกรรมสัปดาห์ที่ 3
ของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับพระเจ้า (กิจกรรมสร้างสรรค์)
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเริ่มกิจกรรม
- กล่องของขวัญที่มีขนาดต่างกันซึ่งสามารถใส่กล่องที่มีขนาดเล็กกว่าด้านในได้จำนวน 4 กล่อง
- ในกล่องที่เล็กที่สุด ใส่กระจกเงาที่มีขนาดใหญ่พอสามารถสะท้อนใบหน้าของเด็กได้ทั้งหมด หลังจากนั้นปิดกล่องห่อกระดาษห่อของขวัญให้เรียบร้อย
- ใส่กล่องเล็กที่สุด (กล่องที่ 1) ลงในกล่องใบใหญ่ถัดไป (กล่องที่ 2) และใส่กระดาษที่มีข้อความต่อไปนี้ลงในกล่องชั้นนี้ “เงินในกระปุกของหนู” หลังจากนั้นปิดและห่อกล่องของขวัญให้เรียบร้อย
- ใส่กล่องที่ 1 และ 2 ลงในกล่องใบใหญ่ถัดไป (กล่องที่ 3) และใส่กระดาษที่มีข้อความต่อไปนี้ ลงในกล่อง “หนูสัญญาว่าหนูจะตั้งใจเรียนหนังสือ” แล้วปิดกล่องห่อของขวัญให้เรียบร้อย
- ใส่กล่องที่ 3 ลงในกล่องที่ใบใหญ่ที่สุด และใส่ข้อความต่อไปนี้ “เค็กวันเกิดก้อนโต๊โต” หลังจากนั้นปิดกล่องและห่อของขวัญให้เรียบร้อยสวยงาม
วิธีทำกิจกรรม
- จัดให้เด็กนั่งเป็นวงกลม ครูทบทวนของขวัญที่โหราจารย์นำมาถวายกุมารเยซูในบทเรียนที่ได้เรียน
- ทุกวันนี้เมื่อถึงเทศกาลคริสตมาส หลายคนอาจคิดว่าเป็นเทศกาลของขวัญ และเด็กๆ มักคิดว่าหนูจะได้อะไรเป็นของขวัญคริสตมาสในปีนี้ แต่หนูลองคิดดูสิว่า หากเราเฉลิมฉลองเทศกาลคริสตมาสเพราะเป็นการระลึกถึงการบังเกิดของพระเยซู ก็หมายถึงเรากำลังฉลองวันเกิดของพระเยซู เพราะฉะนั้นใครเป็นคนที่สมควรจะได้รับของขวัญ? (เปิดโอกาสให้เด็กแบ่งปัน) ใช่แล้ว ที่จริงแล้วเราควรจะให้ของขวัญแก่พระเยซูเหมือนกับโหราจารย์ที่นำของขวัญมาให้กับพระเยซู
- ครูยกของขวัญกล่องโตออกมาให้เด็กได้เห็น ครูอาจเลือกเด็กหนึ่งคนให้เปิดกล่องของขวัญที่ละชั้นหรืออาจจะใช้วิธีสุ่มเลือกก็ได้ อธิบายว่าในกล่องของขวัญนี้ทุกคนจะได้เห็นของขวัญที่ดีที่สุดที่พวกเราสามารถจะมอบให้กับพระเยซูในวันนี้ (โดยไม่บอกให้เด็กรู้ว่าในกล่องของขวัญนี้มีหลายชั้น)
- เมื่อเด็กเปิดชั้นแรกออกจะได้เห็นคำว่า “เค็กวันเกิดก้อนโต๊โต” ใช้คำถามว่า “เด็กๆ คิดว่านี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่หนูจะให้พระเยซูไหม?” (ให้เด็กอภิปราย)
- ให้วนกล่องของขวัญให้เด็กคนอื่นได้มีโอกาสเปิดชั้นถัดไป เมื่อเด็กเปิดชั้นที่สองออกจะได้เห็นคำว่า “หนูสัญญาว่าหนูจะตั้งใจเรียนหนังสือ” ใช้คำถามเดียวกันว่า “เด็กๆ คิดว่านี่เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่หนูจะให้พระเยซูไหม?” (ให้เด็กอภิปราย) ครูอาจเพิ่มเติมว่า นี่อาจเป็นของขวัญที่ดี แต่ไม่ดีที่สุด
- ให้เด็กอีกคนเปิดชั้นถัดไป และจะเห็นคำว่า “เงินในกระปุกของหนู” ใช้คำถามซ้ำเหมือนเดิม และเปิดโอกาสให้เด็กอภิปรายว่าทำไมเงินไม่ใช่ของขวัญที่ดีที่สุด ถึงแม้เด็กๆ หลายคนคงตาโตอยากจะได้เงินเป็นของขวัญ
- เมื่อถึงกล่องของขวัญใบเล็กสุด ให้ครูเป็นผู้เปิดและบอกกับเด็กๆ ว่าทุกคนจะได้เห็น แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อเห็นข้างในแล้ว ห้ามส่งเสียงบอกเพื่อนว่าเป็นอะไร ครูเปิดกล่องที่มีกระจกเงาอยู่ด้านใน ค่อยๆ เดินวนให้เด็กดูด้านในกล่องที่ละคนจนครบทุกคน
- ของขวัญที่ดีที่สุดที่หนูสามารถให้แก่พระเยซูได้คือ “หัวใจและตัวของหนูเอง”
- อันดับแรก หากเด็กยังไม่ได้ต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ครูอาจนำเด็กต้อนรับพระเยซู (ข้อมูลเพิ่มเติม บทความเรื่อง "หนูอยากจะต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด") เพราะนี่เป็นสิ่งแรกที่เด็กๆ จะมอบให้กับพระเยซูและรับของขวัญคือชีวิตนิรันดร์ได้
- อันดับต่อมา สำหรับเด็กที่เป็นผู้เชื่อแล้ว ในโรม 12:1-2 พระเจ้าต้องการให้หนูมอบชีวิตของหนูให้กับพระเจ้า เชื่อฟังและถวายเกียรติกับพระองค์ด้วย ความคิด คำพูด และการกระทำของหนู (อาจให้เด็กยกตัวอย่างว่ามีอะไรบ้างที่เขาทำได้เพื่อถายเกียรติกับพระเจ้า)
- สรุป—ย้ำให้เด็กเข้าใจว่า ของขวัญที่ดีที่สุดที่เด็กๆ ทุกคนสามารถมอบให้กับพระเยซูได้คือ “ตัวของเด็กๆ เอง”