ข้อท่องจำ
“เช่นนี้แหละเราจึงรู้จักความรัก โดยที่พระองค์ได้ยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเราและเราก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง”
- 1 ยอห์น 3:16
เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้
- เรียนรู้ว่าการเป็นมิชชันนารีคือการตอบสนองพระคุณของพระเจ้า เมื่อเราได้รับมามากเราก็ควรแบ่งปันมันออกไป
- ตระหนักว่าพระเจ้าสามารถใช้หนูได้ในงานประกาศข่าวประเสริฐและงานรับใช้ถึงแม้หนูจะยังเป้นเด็ก
- เริ่มฝึกฝนเตรียมชีวิตของหนูเพื่อจะพร้อมที่จะออกไปรับใช้เมื่อหนูโตเป็นผู้ใหญ่
บทนำ “ส่งต่อและแบ่งปัน”
สิ่งที่ต้องเตรียม
- พระคัมภีร์ที่ห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญหลายๆ ชั้น ในแต่ละชั้นของการห่อให้ใส่ลูกอมประมาณ 10 เม็ดหรือมากกว่านั้น พร้อมกับกระดาษที่มีข้อพระคัมภีร์เขียนไว้
- ข้อพระคัมภีร์เขียนบนกระดาษสำหรับแต่ละชั้น (เรียงตามลำดับจากชั้นนอกเข้าชั้นใน 1 ทิโมธี 6:18, ฮีบรู 13:16, โรม 6:23, มาระโก 16:15-16, สดุดี 96:3)
วิธีเล่น
- ให้เด็กนั่งล้อมเป็นวงกลม เมื่อเปิดดนตรีให้เด็กส่งห่อของขวัญพระคัมภีร์ไปรอบวง
- เมื่อดนตรีหยุด เด็กที่มีห่อของขวัญจะเปิดกระดาษห่อของขวัญชั้นแรก ลูกอมจะร่วงลงมามากมาย ครูถาม “หนูมีลูกอมมากมายขนาดนี้จะเก็บไว้กินเองหมดเลยหรือ?” ถามเด็กคนอื่น “พวกหนูอยากให้เพื่อนเก็บลูกอมไว้กินเองทั้งหมดหรืออยากขอให้เพื่อนแบ่งให้คนอื่นๆ ด้วย?”
- ถึงจุดนี้ ให้เด็กที่ได้ลูกอมอ่านข้อพระคัมภีร์ที่มากับลูกอมใน 1 ทิโมธี 6:18 “จงกำชับพวกเขาให้ทำการดี ให้ทำการดีมากๆ ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแบ่งปัน” ให้โอกาสเด็กแบ่งปันลูกอมของเขา (หากเด็กอยากเก็บลูกอมไว้มากกว่าที่แบ่งปันออกไปก็ไม่ต้องบังคับหรือฝีนใจเด็ก)
- ถามคำถามต่อ “ในพระคำตอนนี้พระเจ้าขอให้หนูแบ่งปัน มีอะไรบ้างที่หนูควรจะแบ่งปัน” คำตอบอาจหลากหลาย ชี้ให้เด็กเห็นความจำเป็นที่เขาจะต้องแบ่งปันข่าวดีของพระเยซูด้วยไม่ใช่แบ่งปันเพียงขนมหรือสิ่งของ
- เปิดดนตรี ส่งห่อของขวัญจนดนตรีหยุด ให้เด็กที่มีห่อของขวัญเปิดแล้วอ่านข้อพระคัมภีร์ที่มากับลูกอม ครูถามคำถามตอบสนองกับข้อพระคัมภีร์ที่เขียนไว้ในแต่ละชั้น
- ข้อพระคัมภีร์ในชั้นแรกๆ ให้เด็กเห็นว่าการเผื่อแผ่แบ่งปันเห็นคำสั่งที่พระเจ้าต้องการให้ลูกของพระองค์ทำ หลังจากนั้นจะนำไปถึงความจำเป็นที่คริสเตียนทุกคนจำเป็นต้องแบ่งปันหรือส่งผ่านข่าวประเสริฐไปยังคนอื่นๆ ต่อไป
- เล่นจนเปิดชั้นสุดท้ายคือ “พระคัมภีร์” เป็นพระคำของพระเจ้าที่มิชชันนารีต้องใช้นำไปประกาศข่าวประเสริฐ
“อาจารย์หมอ หัวใจนักประกาศ”
ภาพที่ 1 คนส่วนใหญ่เมื่อได้ยินคำว่า “คุณหมอ” หรือ “อาจารย์หมอ” ก็มักจะนึกถึงหมอรักษาคนป่วยในโรงพยาบาล แต่เราจะไม่เจอหมอเฮนรี่ หรือ อาจารย์หมอเฮนรี่ของเราที่โรงพยาบาล แต่จะเห็นท่านประกาศเรื่องราวของพระเยซูตามชุมชน ในสวนสาธารณะ ป้ายรถเมล์ ตามท้องถนนที่คนสัญจรไปมา
ในขณะที่อาจารย์หมอสอนในสถาบันพระคริสตธรรมกรุงเทพฯ อย่างขะมักเขม้น แต่ในเวลาเดียวกันเขาไม่เคยละเลยการประกาศข่าวประเสริฐแก่คนไทยที่ยังไม่เคยได้ยินเรื่องของพระเยซูเลย กระเป๋าเครื่องมือแพทย์ใบเก่ามาบัดนี้อัดแน่นไปด้วยใบปลิว พระคัมภีร์เล่มเล็กๆ รวมกันถึง 15 ภาษา เช่น ภาษาไทย จีน อารบิค ฝรั่งเศส ไนจีเรีย รัสเซีย ฯลฯ เพื่อแจกให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมาบนท้องถนน เมื่อต้องเดินทางไปประชุมที่ไหน อาจารย์หมอมักจะเลือกนั่งรถเมล์ประจำทางเพื่อจะมีโอกาสแจกใบปลิวกับคนที่เบียดกันแน่นบนรถเมล์ในกรุงเทพฯ
ภาพที่ 2 ทุกบ่ายวันอาทิตย์ สี่โมงเย็น อาจารย์หมอไม่เคยพลาดที่จะไปจับจองพื้นที่ทางเข้าสวนลุมพินี สวนสาธารณะที่เรียกได้ว่าเป็นปอดของกรุงเทพฯ เพราะถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีที่เป็นร่มเงาให้คนในเมืองได้หลบไปคลายร้อนพักผ่อนกันในวันหยุดสุดสัปดาห์ อาจารย์หมอมักจะชักชวนนักศึกษาพระคริสตธรรม และคริสเตียนจากคริสตจักรต่างๆ มาร่วมด้วยช่วยกันในการประกาศข่าวประเสริฐกลางแจ้ง พูดคุยเป็นพยานกับคนที่สนใจ แจกใบปลิวแก่ผู้คนที่เดินผ่านไปมา บางอาทิตย์จะมีคริสเตียนนับสิบยี่สิบคนมาช่วยกันประกาศเรื่องราวของพระเยซูในสวนสาธารณะ ร้องเพลง แบ่งปันเป็นพยาน แจกใบปลิว แต่ก็มีบางอาทิตย์จะเห็นอาจารย์หมอยืนกางโปสเตอร์ เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์อยู่คนเดียว บางอาทิตย์มีคนหยุดฟังไม่กี่สิบคน แต่ก็มีบางอาทิตย์ที่มีการจัดการแสดงดนตรีพิเศษหรือวงดนตรีเยาวชน มีผู้คนมานั่งดูหลายร้อยคน
หนูคิดว่าทำไมอาจารย์หมอถึงร้อนรนที่จะประกาศบอกเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ให้กับผู้อื่นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย? (ให้เด็กลองคิดหาคำตอบและแบ่งปัน) ก็เพราะอาจารย์หมอได้รับพระคุณของพระเจ้า เข้าใจว่าพระเจ้ารักและส่งพระเยซูลงมาในโลกนี้ ตายบนไม้กางเขนเพื่อรับโทษบาปแทนตัวอาจารย์หมอ และให้ความหวังใหม่กับชีวิตของเขา เขาเองจึงคิดว่าคนไทยจะมีความหวังเช่นเดียวกันนี้ได้อย่างไร หากพวกเขายังไม่เคยรู้จักแม้แต่ชื่อของพระเยซู และไม่เคยรู้ว่าพระเยซูได้มาตายเพื่อไถ่โทษบาปของเขาแล้ว นี่เป็นสาเหตุให้อาจารย์หมอฉวยโอกาสพูดคุยกับคนแปลกหน้าและไม่พลาดที่จะเล่าเรื่องของพระเยซูให้คนเหล่านั้นฟัง เขาไม่เคยคิดที่จะเลิกหรือหยุดประกาศ แต่คิดเสมอว่า “จะทำให้ดีขึ้นในครั้งหน้า”
ภาพที่ 3 ครั้งหนึ่งเมื่ออาจารย์หมออายุได้ 73 ปี เขาเดินทางไปประเทศเวียดนามกับคริสเตียนชาวเมี่ยน ตั้งใจจะไปประกาศกับพี่น้องชาวเมี่ยนในฮานอยตอนเหนือของเวียดนาม ประเทศเวียดนามยังเป็นประเทศปิดคือเป็นประเทศที่ไม่มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา เพราะฉะนั้นการประกาศข่าวประเสริฐยังต้องทำกันแบบลับๆ ไม่เปิดเผย หลังจากได้สอนพระคัมภีร์ให้กับชาวเมี่ยนประมาณ 30 คนในอพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่งอย่างลับๆ หนึ่งสัปดาห์ อาจารย์หมอต้องการที่จะไปหาชาวเมี่ยนตามหมู่บ้านต่างๆ แต่คิดว่าถ้าเขาซึ่งเป็นฝรั่งผิวขาวเดินทางร่วมไปกับกลุ่มคริสเตียน จะถูกตำรวจจับตามองแน่นอน ดังนั้นอาจารย์หมอจึงตัดสินใจแยกตัวออกมาคนเดียวนั่งรถไฟไปเมืองซาปา ทางตอนเหนือติดชายแดนประเทศจีน ซึ่งเมืองนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่นั่นอาจารย์หมอคิดว่าเขาก็จะไม่เด่นสะดุดตาตำรวจมากนัก เพราะเขาสามารถดูกลมกลืนไปกับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากในเมืองนั้น พอไปถึงอาจารย์หมอก็ขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์จ้างให้คนขับพาเขาไปหมู่บ้านที่มีชาวเมี่ยนอยู่ ระหว่างทางคนขับหยุดพักที่ร้านน้ำชา อาจารย์หมอมีโอกาสคุยกับชาวบ้านโดยหารู้ไม่ว่าหนึ่งในนั้นเป็นตำรวจสายลับนอกเครื่องแบบที่มาหลอกซักถามอาจารย์หมอ เมื่ออาจารย์หมอเริ่มคุยเรื่องของพระเยซู ชายคนนั้นก็จับตัวอาจารย์หมอไว้ ยึดเอาหนังสือเดินทางไป และนำตัวไปสอบสวนที่โรงแรมแห่งหนึ่งว่า มาทำอะไรที่นี่ คนเวียดนามไม่ต้องการพระเยซู พวกเขามีปัญหามากมายอยู่แล้ว ไม่ต้องการให้พวกคริสเตียนมาสร้างปัญหาเพิ่ม
ภาพที่ 4 สามสี่วันผ่านไปเมื่อรู้ว่าไม่สามารถรีดเงินใต้โต๊ะได้จากอาจารย์หมอ ตำรวจก็ตกลงว่าจะให้อาจารย์หมอพักอยู่ที่โรงแรมก่อนจะส่งตัวกลับเมืองไทยในวันรุ่งขึ้น ในวินาทีนั้นเองอาจารย์หมอคิดว่าเขาจะกลับเข้าประเทศไทยไม่ได้แน่นอน เพราะเอกสารสำคัญในการเข้าประเทศไม่ได้อยู่กับเขา มันถูกเก็บไว้ที่บ้านหลังหนึ่งพร้อมกับสัมภาระอื่นๆ เขาจึงพูดโพรงออกไปว่า “โอเค ผมจะเดินทางกลับมาในตอนเช้าพรุ่งนี้ให้ได้แน่นอน” แล้วหันหลังรีบวิ่งออกไปจากโรงแรมโดยไม่คิดชีวิต อาจารย์หมอรีบขึ้นรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเพื่อไปฮานอย มาหยุดอยู่หน้าบ้านแห่งหนึ่งในเวลาใกล้ค่ำ มองซ้ายมองขวาแล้วเคาะประตู เมื่อมีคนมาเปิดประตูอาจารย์หมอก้าวเท้าเข้าไปในตัวบ้านเหมือนเดินเข้ากลีบเมฆ รีบเก็บเอกสารสำคัญที่จะต้องใช้เพื่อกลับเข้าเมืองไทย หลังจากนั้นเดินทางต่อไปอีกเกือบ 10 กม.เพื่อไปเก็บสัมภาระส่วนตัวในบ้านอีกหลังหนึ่ง เมื่ออยู่ระหว่างการสอบสวนเขาบอกตำรวจไม่ได้ว่าเขาจะไปที่ไหนและทำอะไร ดังนั้นเขาจึงต้องเสี่ยงชีวิตวิ่งหนีตำรวจโดยไม่รู้ว่าจะถูกยิง หรือจะถูกตามจับหรือไม่ เขาไม่สามารถให้ใครรู้ได้ว่าเขาเก็บเอกสารสำคัญไว้ที่ไหนหรือใครเป็นคนให้ที่พักพิงแก่อาจารย์หมอ มิฉะนั้นพี่น้องคริสเตียนเหล่านั้นอาจจะตกอยู่ในอันตรายจากการถูกข่มเหงหรือการจับกุมได้
หลังจากได้เอกสารและสัมภาระที่จำเป็นแล้ว อาจารย์หมอก็รีบเดินทางกลับไปพักที่โรงแรมเดิม ใจเต้นแรงไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พอถึงรุ่งเช้าวันถัดมา ตำรวจคนเดิมก็ยื่นหนังสือเดินทางให้กับอาจารย์หมอและส่งตัวขึ้นรถ พร้อมย้ำว่าเมื่อไปถึงสนามบินให้เดินทางออกนอกประเทศไป เหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนนี้เลย โอ้..ขอบคุณสววรค์
ปี 2019 อาจารย์หมอได้รับใช้พระเจ้าในฐานะมิชชันนารีเป็นเวลา 55 ปี คริสตจักรหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ถูกก่อตั้งขึ้น จากการประกาศข่าวประเสริฐของอาจารย์หมออย่างไม่ย้อท้อ และจากหัวใจถ่อมที่ยอมรับใช้และสนับสนุนคริสเตียนไทยให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของคริสตจักร อาจารย์หมอไม่เคยยึดติดกับตำแหน่งหรือชื่อเสียง ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากคนไทยนอกจากเรียกร้องให้พวกเขาต้อนรับเอาพระคริสต์และติดสนิทกับพระองค์ เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นมิชชันนารีเพราะจากบ้านเกิดเมืองนอนมาไกล แต่คิดว่าคริสเตียนทุกคนคือมิชชันนารี และคนที่ยังไม่เชื่อพระเจ้าทุกคนคือทุ่งพันธกิจของพระเจ้า พระเจ้าต้องการส่งคนของพระองค์ (มิชชันนารีหมายถึง คนที่ถูกส่งออกไปทำพันธกิจของพระเจ้า) ออกไปประกาศความรอดและความหวังแก่คนทั้งปวง
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร?
ภาพที่ 5 หน้าที่ของการประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ไม่ใช่หน้าที่ของมิชชันนารี ศิษยาภิบาล หรืออาจารย์เท่านั้น หนูอาจคิดว่าหน้าที่นี้มันเป็นของผู้ใหญ่ หนูยังเป็นเด็กอยู่ ต้องรอให้โตก่อนถึงจะทำได้ แต่อันที่จริงแล้ว หากหนูเป็นลูกของพระเจ้า ได้รู้จักและรับความรักของพระเจ้าแล้ว หนูสามารถแบ่งปันความรักของพระเจ้าและข่าวดีเรื่องของพระเยซูให้กับคนที่หนูรู้จักได้ ให้เขารู้ว่าพระเยซูมาตายเพื่อเขา และพระองค์เป็นพระเจ้าที่สามารถช่วยให้รอดพ้นจากความบาป ความตายชั่วนิรันดร์ และเป็นความหวังใหม่ให้กับเรา มากกว่านั้นอีก หนูรู้ไหมว่าหนูเองสามารถถวายตัวของหนูให้กับพระเจ้า บอกพระองค์ว่าโตขึ้นหนูอยากจะเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า หรือหนูอยากจะเป็นมิชชันนารีไปที่ที่คนยังไม่มีโอกาสได้รู้จักกับพระเยซู หากหนูปรารถนาเช่นนั้น ในวันนี้หนูสามารถอธิษฐานบอกกับพระเจ้า และเริ่มเตรียมชีวิตของหนูให้พร้อม โดยการฝึกฝนทำตามพระคำของพระเจ้า ฝึกฝนทักษะชีวิตในการรับผิดชอบและดูแลตัวเองเพื่อเมื่อถึงเวลาที่พระเจ้าใช้หนูออกไป หนูจะพร้อมที่จะไป (อภิปรายกับเด็กๆ ถึงทักษะต่างๆ ที่เขาสามารถฝึกฝนเพื่อเตรียมตัว เช่น ฝึกทำอาหาร ซักผ้าพับผ้า ทำความสะอาดห้องนอนและของใช้ส่วนตัว การเรียนภาษาต่างๆ ฝึกฝนในการใช้เงินอย่างฉลาด)
แต่หากหนูยังไม่เชื่อพระเยซูมาก่อน หนูอาจเป็นเหมือนอาจารย์หมอที่ต้องการที่จะถวายตัวออกไปต่างแดนเพื่อเป็นมิชชันนารี แต่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองได้รับชีววิตนิรันดร์จากพระเยซูจริงๆ หรือยัง วันนี้เป็นวันดีที่หนูได้มีโอกาสรู้ว่า พระเจ้ารักหนูและได้ส่งพระเยซูมาตายเพื่อหนู เพื่อหนูจะพ้นจากโทษของความตายชั่วนิรันดร์ และได้รับชีวิตนิรันดร์ (ครูใช้โอกาสนี้ท้าทายเด็กให้ต้อนรับพระเยซู และให้คำปรึกษาแก่เด็ก)
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
- อาจารย์หมอเฮนรี่เปลี่ยนกระเป๋าเครื่องมือแพทย์เป็นกระเป๋าสำหรับอะไร?
- ทำไมอาจารย์หมอถึงเลือกนั่งรถเมล์หรือรถโดยสารประจำทางแทนการขับรถ?
- อะไรทำให้อาจารย์หมอร้อนรนในการประกาศข่าวประเสริฐ?
- อาจารย์หมอถูกตำรวจจับในประเทศเวียดนามในขณะที่เขาจะไปทำอะไร?
- ทำไมอาจารย์หมอต้องรีบหนีออกจากโรงแรมและบอกตำรวจไม่ได้ว่าจะไปเอาเอกสารสำคัญที่บ้านเพื่อนก่อนกลับเมืองไทย?
- พระเจ้าช่วยอาจารย์หมอให้กลับประเทศไทยอย่างปลอดภัยหรือไม่? อย่างไร?
- หนูได้เรียนรู้อะไรจากชีวิตของอาจารย์หมอเฮนรี่ และมีอะไรในชีวิตของอาจารย์หมอที่หนูอยากเอาเป็นแบบอย่าง?
กิจกรรม
หัวใจสำหรับงานมิชชั่น
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กระดาษแข็งสำหรับตัดรูปหัวใจและเขียนข้อท่องจำตามจำนวนเด็ก
- ภาพแผนที่ (อาจใช้แผนที่เก่า แผนที่ตามนิตยสารท่องเที่ยวก็ได้)
- ที่เจาะรูกระดาษ
- ริบบิ้นหรือเชือก
- กาว
- กรรไกร
- ปากกา
- สี
วิธีทำ
- ตัดกระดาษแข็งเป็นรูปหัวใจ และตัดแผนที่ให้เป็นรูปหัวใจที่มีขนาดใหญ่กว่ากระดาษแข็ง ให้เลยขอบกระดาษมาประมาณ 1 ซม.
- ทากาวบนกระดาษแข็งรูปหัวใจให้ทั่ว แล้วใช้แผนที่ที่ตัดไว้แปะลงบนกระดาษแข็งให้มีขอบเลยออกมารอบด้าน
- ใช้กรรไกรตัดขอบของแผนที่ที่เลยออกมาจากด้านนอกไปจรดกระดาษแข็ง ตัดเป็นช่องๆ ห่างกันประมาณ 1 ซม. เพื่อเวลาทากาและพับขอบแผนที่ติดด้านหลังของหัวใจกระดาษจะเรียบเนียน
- ทากาวขอบรูปหัวใจด้านหลัง พับแผนที่เก็บด้านหลังให้เรียบร้อย
- ใช้กระดาษอีกหนึ่งแผ่นขนาดให้พอเหมาะกับหัวใจ เขียนข้อท่องจำ 1 ยอห์น 3:16 “เช่นนี้แหละเราจึงรู้จักความรัก โดยที่พระองค์ได้ยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเรา และเราก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง” ลงไป
- เจาะรูหัวใจ และข้อท่องจำ ร้อยเชือกหรือริบบิ้นสำหรับแขวนให้เรียบร้อย