เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้
- รู้ว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าที่มีพระคุณ พระองค์รักษาสัญญาของพระองค์
- เข้าใจว่าการยกโทษ อภัยให้คนอื่นเป็นสิ่งที่ดีและสมควรทำ
- สามารถกลับไปคืนดี หรืออภัยให้กับพี่น้อง หรือเพื่อนๆ เวลามีเรื่องทะเลาะกัน
ข้อท่องจำ
“ขอให้เรายึดมั่นในความหวังที่เราทั้งหลายเชื่อและรับไว้นั้น โดยไม่หวั่นไหว เพราะว่าพระองค์ ผู้ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงสัตย์ซื่อ” -ฮีบรู 10:23
T I P S สำหรับคุณครู
การพูดขอโทษ และการพูดยกโทษหรืออภัยมักเป็นสิ่งที่เด็กไม่เข้าใจ และปฏิบัติไม่ได้ เพราะไม่มีตัวอย่างปฏิบัติให้เห็นมากนัก เมื่อมีการทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้นในชั้นเรียน คุณครูไม่ควรปล่อยให้โอกาสผ่านไปแต่ควรใช้โอกาสช่วยให้เด็กรู้จักการขอโทษ และวิธีการยกโทษให้เพื่อน ครูควรแนะว่าการขอโทษให้เกิดมาจากท่าทีในใจ และเมื่อกล่าวคำว่าขอโทษ ควรขอให้อีกฝ่ายยกโทษให้ด้วย ไม่ใช่แค่พูดคำว่าขอโทษอย่างเร็วแล้วก็วิ่งหนีไป เมื่อเราพูดขอโทษเราต้องให้อีกฝ่ายมีโอกาสอภัยหรือยกโทษให้เราด้วย และวิธีนี้จะทำให้ความขัดแย้งของเด็กจบลงเมื่อมีการอภัยเกิดขึ้น และไม่มีการผูกใจเจ็บหรือขมขื่นใจ
เกม “กาฟักไข่”
สิ่งที่ต้องเตรียม
- สิ่งของหรือผลไม้ จำนวนให้น้อยกว่าจำนวนผู้เล่น 1 อัน (อะไรก็ได้ที่เด็กสามารถหยิบจับได้ถนัดมือ)
วิธีเล่น
- ใช้ชอล์ควาดวงกลมใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 เมตร และวาดวงกลมเล็กขนาด 1 ฟุตซ้อนอยู่ในวงกลมใหญ่สำหรับวางไข่กา
- ให้เด็กโอน้อยออก หาผู้ที่จะมาเป็นอีกา นำของหรือผลไม้มาวางในวงกลมเล็กเป็นไข่กา และให้ผู้เป็นกาอยู่ในวงกลมใหญ่คอยเฝ้าไข่ไม่ให้ใครมาแย่งเอาไป ถ้ามีคนแย่งไข่กาไป ให้กาพยายามแตะตัวคนนั้นให้ได้แต่กาห้ามออกนอกวงกลมใหญ่ ถ้าแตะได้ให้ผู้นั้นมาเป็นอีกาแทนแล้วเริ่มเล่นใหม่
- ถ้ามีคนมาแย่งไข่อีกาได้หมด อีกาต้องปิดตา แล้วให้คนอื่นไปซ่อนไข่คนละฟอง จากนั้นให้อีกาเดินหาไข่หากเจอของใครก่อน คนนั้นก็ต้องเป็นอีกาแทน
บทนำเรื่อง
หนูรู้ไหมว่า...ชื่อเดิมของประเทศไทยคือชื่ออะไร? แต่ก่อนนั้นประเทศไทยเคยชื่อว่า “สยาม” ในสมัยของรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ท่านได้ให้เปลี่ยนชื่อจาก “สยาม” เป็น “ประเทศไทย” ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482 และให้เรียกชื่อประชาชนและสัญชาติด้วย โดยใช้คำว่า “คนไทย” และ ”สัญชาติไทย” คำว่าประเทศไทย มีความหมายว่า “แผ่นดินแห่งอิสรเสรี” ซึ่งในสมัยการปกครองของจอมพล ป. พิบูลสงครามนั้น มีความขัดแย้งเกิดขึ้นมากมายในบ้านเมืองประจวบกับอยู่ในช่วงเวลาของการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยท่านเองมีความพยายามที่จะเปลี่ยนค่านิยมของคนชาวสยามให้เป็นเหมือนกับชาวตะวันตกมากขึ้น โดยการออกกฎหมายห้ามผู้คนกินหมาก และให้แต่งกายใส่เสื้อผ้าเหมือนชาวตะวันตก และให้จับคนที่สนับสนุนการแต่งกายชุดประจำชาติ
การปกครองในสมัยของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นแบบเผด็จการ คือผู้นำมีอำนาจสั่งการทำทุกอย่าง หากจะพูดกันในเวลานั้นคนในชาติก็อยู่กันแบบไม่มีเสรีภาพเท่าไหร่นัก จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ประเทศไทยสามารถรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกได้เพียงประเทศเดียวในแถบเอเชียตะวันตกเฉียงใต้นี้ ทำให้คนไทยสามารถพูดด้วยความภาคภูมิใจในการเป็น “แผ่นดินแห่งอิสรเสรี” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์
ประเทศไทยเปลี่ยนชื่อมาจาก “สยาม” แต่หนูรู้ไหมว่ามีประเทศหนึ่งในปัจจุบันนี้ถูกตั้งชื่อตามชื่อของคนๆ หนึ่ง และเรื่องราวของประเทศนี้ก็ถูกบันทึกไว้จริงในพระคัมภีร์ (ครูชูพระคัมภีร์ขึ้น) ชายที่ใช้กลอุบายหลอกลวงพี่ชายฝาแฝดของเขา และต้องทนทุกข์ด้วยการเร่ร่อนหนีออกจากบ้าน ถึงแม้เขาเป็นคนไม่สัตย์ซื่อ แต่พระเจ้ายังสัตย์ซื่อต่อพระสัญญาของพระองค์ที่มีต่อเขาว่า พระองค์จะให้เขาเป็นชนชาติใหญ่ พอจะจำได้หรือยังว่าครูพูดถึงใคร? ใช่แล้ว.. ยาโคบนั่นเอง
ภาพที่ 1 หลังจากที่ยาโคบหนีเอซาวไปแล้ว เขาต้องเดินทางในทะเลทรายอย่างโดดเดี่ยว จากบ้านจากครอบครัวที่เขารัก หนทางก็คงไม่สะดวกสบาย และคงไม่มีโรงแรมให้เขาอยู่เมื่อดวงอาทิตย์ตก ในคืนวันหนึ่งเมื่อเขานอนหลับโดยใช้ก้อนหินเป็นหมอนหนุนหัวของเขา เขาก็ฝันเห็นบันไดอันหนึ่งทอดจากสวรรค์สู่แผ่นดินโลก และมีทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงบนนั้น และพระเจ้าประทับอยู่เหนือบันไดนั้น และอวยพรเขาว่า “เชื้อสายของเจ้าจะเป็นเหมือนผงคลีบนแผ่นดิน.. และบรรดาพงศ์พันธุ์ของมนุษย์โลกจะได้รับพระเพราะเจ้าและเชื้อสายของเจ้า เราอยู่กับเจ้า และจะนำเจ้ากลับมายังดินแดนนี้ เพราะเราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าจนกว่าเราจะได้ทำสิ่งซึ่งเราพูดกับเจ้าไว้นั้นแล้ว” (ปฐมกาล 28:14-15) (สำหรับครู—แผนการแห่งความรอดสำหรับมนุษย์โลก มาจากเชื้อสายของยาโคบ คือพระเยซูนั่นเอง ถึงแม้ยาโคบจะเป็นคนฉลาดแกมโกง และไม่รอคอยเวลาของพระเจ้า พระเจ้าก็ยังคงสัตย์ซื่อต่อสัญญาของพระองค์ หรืออีกนัยหนึ่งคือพระเจ้ามีพระคุณต่อยาโคบถึงแม้เขาไม่สมควรจะได้รับก็ตาม)
ภาพที่ 2 เมื่อยาโคบตื่นขึ้น เขานมัสการพระเจ้า และเมื่อเดินทางมาถึงบ่อน้ำแห่งหนึ่งจึงได้พบกับราเชล ซึ่งเป็นลูกสาวของลาบันพี่ชายของแม่ยาโคบเอง ยาโคบตกหลุมรักราเชลและได้อาศัยอยู่กับลาบัน ในที่สุดยาโคบก็ได้รับผลการกระทำของเขา โดยเขาถูกลาบันหลอกให้ทำงานรับใช้เป็นเวลา 7 ปีเพื่อแลกกับการได้แต่งงานกับราเชลหญิงที่เขาหลงรัก แต่ในวันแต่งงานลาบันกลับให้นางเลอาห์พี่สาวของราเชลเข้าพิธีแต่งงาน แล้วหลังจากนั้นลาบันก็ยกนางราเชลให้แก่ยาโคบโดยมีเงื่อนไขว่าเขาต้องรับใช้ลาบันอีก 7 ปี
ภาพที่ 3 ในระหว่างนั้นยาโคบก็มีบุตร 11 คนที่เกิดจากนางเลอาห์ นางราเชลและสาวใช้ของนาง (สำหรับครู -ลูกคนที่ 12 เบนยามินเกิดหลังจากที่ยาโคบกลับไปพบเอซาวแล้ว) ยาโคบทำงานให้ลาบันโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ยาโคบจึงต่อรองเรื่องขอฝูงสัตว์กับลาบัน และด้วยความฉลาดของยาโคบ เขาก็ได้เพิ่มพูนฝูงสัตว์ของเขาเป็นจำนวนมาก จนลูกชายของลาบันก็บ่นและอิจฉาริษยา ยาโคบที่ได้ทรัพย์สมบัตินี้มาจากพ่อของเขา พระเจ้าบอกยาโคบให้เดินทางกลับบ้านเกิดของตน และบอกว่าพระองค์จะอยู่กับเขา
ในที่สุดเขาและครอบครัวก็หนีไปจากลาบันพร้อมทั้งทรัพย์สมบัติของเขา เพื่อจะเดินทางกลับบ้านตามที่พระเจ้าบอกเขา แต่ยาโคบเกรงกลัวเอซาวอยู่ เพราะเขาเคยหลอกเอซาวพี่ชายของเขา เขาจึงอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยเหลือเขา ยาโคบส่งของกำนัลไปให้เอซาวล่วงหน้าก่อนที่เขาจะไปถึง
ภาพที่ 4 กลางคืนนั้นเอง ยาโคบก็พาให้ภรรยาและลูกๆ ของเขาพร้อมทรัพย์สมบัติลุยข้ามแม่น้ำไป ยาโคบเหลืออยู่ที่นั่นผู้เดียว มีบุรุษผู้หนึ่งมาปล้ำสู้กับเขาจนเวลาเช้ามืด เมื่อบุรุษผู้นั้นเห็นว่าจะเอาชนะยาโคบไม่ได้ ก็ถูกต้องที่ข้อต่อตะโพกของยาโคบขณะที่ปล้ำสู้กัน ข้อต่อตะโพกของยาโคบก็เคล็ด บุรุษนั้นจึงว่า “ปล่อยให้เราไปเถิดเพราะใกล้สว่างแล้ว” แต่ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ท่านไป นอกจากท่านจะอวยพรแก่ข้าพเจ้า” บุรุษผู้นั้นจึงถามยาโคบว่า “เจ้าชื่ออะไร” ยาโคบตอบว่า “ข้าพเจ้าชื่อยาโคบ” บุรุษนั้นจึงว่า “เขาจะไม่เรียกเจ้าว่ายาโคบอีกต่อไปแต่จะเรียกว่า “อิสราเอล” เพราะเจ้าสู้กับพระเจ้าและมนุษย์และได้ชัยชนะ” ยาโคบจึงถามบุรุษผู้นั้นว่า “ขอท่านบอกข้าพเจ้าว่าท่านชื่ออะไร” แต่บุรุษนั้นกล่าวว่า “เหตุไฉนเจ้าจึงถามชื่อเรา” แล้วก็อวยพรยาโคบที่นั่น ยาโคบจึงเรียกสถานที่นั้นว่าเปนีเอล กล่าวว่า “เพราะข้าพเจ้าได้เห็นพระพักตร์ของพระเจ้าแล้วยังมีชีวิตอยู่” เมื่อยาโคบผ่านเปนีเอลดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว เขาเดินโขยกเขยกเพราะเจ็บตะโพก เหตุฉะนี้คนอิสราเอลจึงไม่กินเส้นเอ็นที่ตะโพก ซึ่งอยู่ที่ข้อต่อตะโพกนั้นจนทุกวันนี้ เพราะพระเจ้าทรงถูกต้องข้อต่อตะโพกของยาโคบตรงเส้นเอ็นที่ตะโพก
หนูคิดว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากเหตุการณ์นี้?
ภาพที่ 5 ยาโคบและครอบครัวเดินทางไปพบเอซาวพี่ชายของเขา เมื่อเขาเงยหน้าดูก็เห็นเอซาวพร้อมกับพวกอีกสี่ร้อยคน ยาโคบเดินนำหน้าขบวนไปก่อนและก้มกราบ ขอโทษเอซาวลงถึงดินถึงเจ็ดครั้ง เอซาวได้ยกโทษให้ยาโคบ ต้อนรับและกอดยาโคบร้องไห้ แล้วพี่น้องก็คืนดีกัน ความสงบสุขก็เกิดขึ้นและต่างก็มีลูกหลานสืบต่อกันไป
“อิสราเอล” เป็นชื่อใหม่ที่พระเจ้าตั้งให้กับยาโคบ และเป็นชื่อที่พระเจ้าเรียกชนชาติของพระองค์ คือชนชาติอิสราเอล และก็คือประเทศที่ยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าอิสราเอลจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ก็ไม่มีประเทศใดเอาชนะอิสราเอลได้ เพราะพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับพวกเขา และพระเจ้าอวยพรพวกเขาตามพระสัญญาของพระองค์
แผนการแห่งความรอด
พระเจ้ามีแผนการที่จะอวยพรยาโคบให้มีลูกหลานสืบเชื้อสายมากมายจนนับไม่ถ้วน แม้ว่ามนุษย์มักจะเปลี่ยนแปลงและไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่แผนการของพระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้บางครั้งมนุษย์จะทำผิดแผนของพระเจ้า พระองค์ก็สามารถทำให้ร้ายกลายเป็นดีได้ ยาโคบถูกเลือกให้เป็นบิดาของชนชาติอิสราเอล ลูกทั้ง 12 คนของเขาก็กลายเป็นอิสราเอล 12 เผ่าในเวลาต่อมา พระองค์ทรงให้พระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดลงมาในโลก เพื่อช่วยคนทุกชาติพันธุ์ให้ได้รับความรอด พ้นจากโทษของบาปผ่านทางพงศ์พันธุ์ของยาโคบหรืออิสราเอลนั่นเอง
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร
พระเจ้าเป็นแบบอย่างของความรักและการยกโทษความผิดบาปของมนุษย์ ในสายตาของหนูอาจจะคิดว่า ยาโคบไม่สมควรที่จะได้รับความเมตตาจากพระเจ้า เพราะเขาโกหกหลอกลวงพี่ชายและพ่อของเขา พระเจ้าผู้มีพระคุณให้อภัยเขา แต่เขาก็ยังรับผลของการกระทำมากมาย เช่นถูกไล่ฆ่าโดยพี่ชาย ถูกลาบันลุงของตัวเองหลอกใช้งานเป็นเวลาหลายปี หนูลองยกตัวอย่างของความผิดบาปที่หนูไม่ควรทำได้ไหม? (โกหก ตบตีเพื่อนหรือน้อง อิจฉาริษยา ไม่เชื่อฟังพ่อแม่หรืออกัตญญู)เมื่อหนูทำผิดบาปและหนูสารภาพความผิดนั้นโดยการอธิษฐานกับพระเจ้า หนูสามารถแน่ใจได้ว่าพระเจ้าจะทรงอภัยบาปโทษให้หนูได้ และในขณะเดียวกัน เมื่อมีคนทำผิดต่อหนู เมื่อเขามาขอโทษหนูก็ควรจะอภัยและยกโทษให้กับเขาด้วย เหมือนกับเอซาวที่ยกโทษให้กับยาโคบน้องชายของเขา หากหนูทำผิดกับเพื่อนหรือพี่น้อง หนูควรจะพูดว่า “เราขอโทษ ขอเธอยกโทษให้เราได้ไหม?” และเมื่อมีคนมาขอโทษแบบนี้กับหนูๆ ควรจะบอกเขาว่า “สิ่งที่เธอทำ เราไม่ชอบเลย แต่เรายกโทษให้” (ครูอาจจะให้เด็กจับคู่ฝึกพูดประโยคเหล่านี้ เป็นการฝึกที่จะช่วยให้เด็กรู้จักขอโทษและยกโทษให้ผู้อื่นออกมาเป็นคำพูดซึ่งจะช่วยให้เด็กไม่สับสนกับความรู้สึกของตัวเองหากต้องเก็บไว้ข้างใน)
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
- ยาโคบต้องประสบกับความทุกข์อะไรบ้าง หลังจากที่เขาเดินทางออกจากบ้าน?
- ยาโคบได้หลอกลวงพ่อของเขา และหนีออกจากบ้าน แต่ทำไมพระเจ้าจึงยังมาหาเขาและอวยพรเขา?
- หนูคิดว่าทำไมยาโคบถึงยอมทำงานให้ลาบันเป็นเวลาหลายปีโดยไม่มีค่าจ้างตอบแทน?
- เมื่อยาโคบตัดสินใจพาครอบครัวของเขากลับบ้าน ในระหว่างทางยาโคบพบใคร? และเกิดอะไรขึ้น?
- พระเจ้าให้ชื่อใหม่กับยาโคบว่าอะไร?
- เอซาวยอมยกโทษให้ยาโคบหรือไม่? อย่างไร?
- หากหนูเป็นเอซาว หนูจะยอมยกโทษให้น้องชายหรือไม่? ทำไมหนูถึงคิดเช่นนั้น?
กิจกรรม
“พระเจ้าสัตย์ซื่อ” (เกมทบทวนข้อท่องจำ)
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กระดาษสีโปสเตอร์, ปากกาเมจิก, กรรไกร
- ให้ครูเขียนข้อท่องจำลงบนกระดาษสีโปสเตอร์แล้วตัดออกเป็นชิ้นเหมือนภาพจิกซอร์ ขนาดชิ้นเล็กหรือใหญ่ให้เหมาะสมกับอายุของเด็กในชั้นเรียนของครู ใช้กระดาษสีข้อท่องจำหนึ่งแผ่นต่อเด็ก 4-5 คน หากมีเด็กมาเรียน 16 คน ครูควรจะเตรียมกระดาษสีที่ต่างกัน 4 สีแต่ละสีมีข้อท่องจำเขียนไว้
- ก่อนเข้าห้องเรียน ให้ครูนำเอาชิ้นส่วนของข้อท่องจำไปซ่อนตามที่ต่างๆ ในห้องเรียนหรือสนามโดยไม่ให้เด็กเห็นก่อนเวลากิจกรรม
วิธีเล่น
- แบ่งเด็กออกเป็นกลุ่มๆ ละ 4-5 คน และตั้งกลุ่มตามสีของกระดาษข้อท่องจำที่ครูเตรียมไว้
- ให้เด็กออกไปหาชิ้นส่วนสีของทีมตนเองที่ซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ
- รวบรวมและนำมาต่อกันจนเป็นข้อท่องจำที่เด็กเรียนในวันนี้ ฮีบรู 10:23
- ทีมไหนเสร็จก่อนเป็นผู้ชนะ และให้แต่ละทีมออกมาท่องข้อท่องจำ
กิจกรรม
“แผนที่ประเทศอิสราเอล” (ค้นหาแผนที่)
สิ่งที่ต้องเตรียม
- แผนที่โลกสี่สี ขนาดให้เหมาะกับขนาดของชั้นเรียน
วิธีทำ
- ถ่ายเอกสารแบบฝึกหัดรูปแผนที่สำหรับเด็กแต่ละคน (ต้นแบบแนบมาท้ายบทเรียน)
- แนะนำเด็กว่าประเทศอิสราเอลอยู่ในทวีปอะไร (ครูจะให้เด็กค้นคว้าหาประเทศอิสราเอลโดยอาจใช้คำถามต่อไปนี้ เช่น อิสราเอลอยู่ในทวีปอะไร อเมริกาใช่ไหม (อิสราเอลอยู่ในทวีปเอเชีย หรือเรียกอีกอย่างว่าตะวันออกกลาง, อิสราเอลอยู่ใกล้กับประเทศอะไรบ้าง)
- ครูอาจจะหารูปภาพสภาพภูมิประเทศ วิถีชีวิตของคน อิสราเอลในปัจจุบัน และแนะนำประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ ใกล้เคียง