บทเรียน : พิชิตกำแพงเมืองเยรีโค

เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้

  • เห็นฤทธานุภาพของพระเจ้าที่ไม่มีขีดจำกัด
  • รู้ว่าการเชื่อฟังพระเจ้าเป็นหัวใจของความสำเร็จ
  • หนูจะเชื่อฟังและทำตามคำของพระเจ้า

ข้อท่องจำ

“เพราะความเชื่อ เมื่อพวกอิสราเอลล้อมกำแพงเมืองเยรีโคไว้ถึงเจ็ดวัน แล้วกำแพงเมืองก็พังลง” -ฮีบรู 11:30

T I P S สำหรับคุณครู

  • เด็กจดจำเรื่องเล่าได้ดีกว่าคำอธิบาย
  • เด็กจดจำวัตถุสิ่งที่มองเห็นจับต้องได้ดีกว่าเรื่องเล่า
  • เด็กจดจำประสบการณ์ชีวิตของครูได้ดีเมื่อถูกใช้เพื่อเป็นบทเรียน
  • เด็กยังจดจำคำชมของครูได้ แม้จะลืมชื่อครูไปแล้วก็ตาม
  • และถึงแม้เด็กจะลืมทุกสิ่งที่ครูสอนไปเขาจะจำได้ว่าครูคนไหนรักเขา

เกม “รวมกันเราอยู่”

สิ่งที่ต้องเตรียม

กระดาษหนังสือพิมพ์ หรือ เทปกาวกระดาษ

วิธีเล่น

  • แบ่งเด็กออกเป็นกลุ่ม (กลุ่มละ 6-10 คน) จำนวนกลุ่มขึ้นอยู่กับจำนวนเด็ก
  • กำหนดพื้นที่ที่จะจำกัดให้แต่ละกลุ่มยืน โดยอาจใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ หรือเทปกาวกระดาษทำเป็นเขตพื้นที่ (อย่าให้เล็กหรือใหญ่เกินไปสำหรับจำนวนเด็กแต่ละกลุ่ม)
  • ให้เด็กแต่ละคนปรึกษาและตกลงกันว่า พวกเขาจะยืนรวมกันในลักษณะไหนที่จะให้กลุ่มมั่นคงที่สุด
  • ครูเริ่มกำหนดเขตพื้นที่ให้เล็กลงเรื่อยๆ เพื่อให้เด็กต้องใช้ความคิดว่าพวกเขาจะทำอย่างไรที่จะอยู่ร่วมกันได้ทั้งหมด

บทนำเรื่อง

(ครูอาจสลับเล่าบทนี้หลังบทเรียนพระคัมภีร์ก็ได้)

หลายคนมักจะถกเถียงกันว่าเรื่องราวในพระคัมภีร์นั้นเป็นเพียงนิทานปรำปรา เป็นเรื่องเล่าที่ไม่เป็นความจริง คนที่ไม่เชื่อพระเจ้ามักจะพูดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในพระคัมภีร์นั้นอัศจรรย์เกินไป เป็นไปไม่ได้ แต่หนูรู้ไหมว่าพระคัมภีร์เล่มนี้เป็นพระคำของพระเจ้า และเป็นความจริง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขียนในพระคัมภีร์เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่นิทาน และยิ่งกว่านั้นยังมีนักวิทยาศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดีจำนวนมากที่มีหลักฐานยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในพระคัมภีร์นั้นเกิดขึ้นจริง ยกตัวอย่างเช่น เรื่องที่หนูจะได้เรียนในวันนี้

ในปี 1997 นักโบราณคดีชื่อ ดร.ไบรอันท์ กูด ได้ขุดค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญอย่างหนึ่งที่พิสูจน์ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยของโยชูวานั้นเป็นจริง ดร.ไบรอันท์ กูดเป็นนักโบราณคดี (คล้ายกับอินเดียน่า โจนส์) ที่เดินทางไปขุดค้นหาเมืองเก่าจากซากปรักหักพัง หรือของมีค่าที่ถูกซ่อนอยู่ใต้ดิน ดร.ไบรอันท์ได้ขุดพบซากกำแพงเมืองเยรีโคทางตอนเหนือของทะเลตาย ตามที่ถูกเขียนไว้ในพระคัมภีร์ ยิ่งกว่านั้น ซากกำแพงเมืองนั้นแสดงถึงการทรุดตัวล้มลงบนตัวกำแพงเอง ลักษณะคล้ายกับแผ่นดินทรุด ไม่ใช่กำแพงเมืองที่ถูกตีหรือทำลายด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งก็ตรงกับที่ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ และที่แปลกและน่าสนเท่ห์มากก็คือ เมื่อเขาสำรวจกำแพงโดยรอบ มีกำแพงส่วนหนึ่งที่มีร่องรอยว่าเคยมีบ้านตั้งอยู่ และส่วนนี้เองเป็นกำแพงที่ไม่ถูกทำลายเพราะการทรุดตัว ซึ่งก็ตรงกับที่พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้เกี่ยวกับบ้านของนางราหับ

เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์

ชนชาติอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำนั้นคือเมืองเยรีโคที่โยชูวาได้ส่งชายสอดแนมสองคนไปสืบดูแผ่นดินอย่างลับๆ ก่อนที่จะยกชนชาติอิสราเอลเข้าไปยึดเมืองไว้ สามวันหลังจากที่ได้ข่าวว่าชาวเมืองเยรีโคนั้นก็ครั่นคร้ามอิสราเอล เพราะเป็นชนชาติที่พระเจ้าพระเยโฮวาห์สถิตย์อยู่ด้วย โยชูวาสั่งให้พวกปุโรหิตยกหีบพันธสัญญาขึ้นไปข้างหน้าประชาชน และให้ประชาชนติดตามหีบนั้นไป

ภาพที่ 1  เมื่อคนหามหีบมาถึงแม่น้ำจอร์แดน เท้าของปุโรหิตก้าวลงไปในแม่น้ำนั้น พระเจ้ากระทำให้น้ำที่ไหลมาจากด้านเหนือหยุด และนูนขึ้นเป็นกอง น้ำที่เหลือก็ไหลออกไปลงทะเลเค็ม (หรือทะเลตาย) ทำให้เกิดแผ่นดินแห้งให้ประชาชนทั้งหมดเดินข้ามไปได้ การอัศจรรย์ครั้งนี้พระเจ้าได้กระทำเพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่าพระเจ้าอยู่กับโมเสสมาแล้วอย่างไร พระเจ้าก็จะทรงใช้โยชูวาให้เป็นผู้นำชนชาติอิสราเอลเช่นกัน

ฝ่ายคนอิสราเอลได้มาตั้งค่ายที่กิลกาลข้างเมืองเยรีโค เขาได้ฉลองเทศกาลปัสกา(เทศกาลระลึกถึงการผ่านเว้นลูกชายหัวปีชาวอิสราเอล และการนำอิสราเอลออกจากการเป็นทาสในอียิปต์) วันรุ่งขึ้นพวกเขาได้กินผลหรืออาหารที่เกิดจากแผ่นดินคือขนมปังไร้เชื้อและข้าวคั่ว และตั้งแต่นั้นมานา อาหารทิพย์จากสวรรค์ก็ไม่ตกลงมาในค่ายอีกเลย เพราะพวกเขาสามารถหาอาหาร ผัก ผลไม้ได้จากแผ่นดินคานาอัน

เมื่ออิสราเอลตั้งค่ายข้างเมืองเยรีโค ประตูเมืองต้องถูกปิดไม่มีคนเข้าออกได้เลย พระเจ้าตรัสสั่ง     โยชูวาว่าพระองค์ได้มอบเมืองเยรีโคนี้ไว้แก่เขาแล้ว ให้เขานำขบวนปุโรหิตเจ็ดคนถือเขาแกะเจ็ดคันนำหน้าหีบพันธสัญญาและจงเดินขบวนรอบกำแพงเมืองรอบหนึ่ง ให้ทำอย่างนี้หกวัน และในวันที่เจ็ดให้เดินขบวนรอบเมืองเจ็ดรอบ และเมื่อได้ยินเสียงเขาแกะเป็นเสียงยาว ให้ประชาชนทั้งปวงโห่ร้องด้วยเสียงอันดัง แล้วกำแพงเมืองจะถล่มพังลงราบ และให้ประชาชนบุกเข้าไปยึดเมืองนั้นไว้

ภาพที่ 2   โยชูวาจึงสั่งแก่ประชาชน ให้ปุโรหิตพร้อมเขาแกะเจ็ดคนเดินนำหน้าหีบพันธสัญญา และให้มีทหารพร้อมอาวุธระวังทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ให้พวกเขาเดินรอบเมืองหนึ่งรอบ แต่อย่าให้มีเสียงหรือคำพูดอื่นใดหลุดจากปากของพวกเขาจนกว่าโยชูวาจะสั่งให้โห่ร้องขึ้น ในเช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาได้ตั้งขบวน ปุโรหิตเป่าเขาแกะเรื่อยไปและออกเดินเวียนรอบเมืองหนึ่งรอบ แล้วก็กลับเข้าค่าย นอนค้างคืนในค่าย และพวกเขาทำเช่นนี้อยู่ 6 วัน

ภาพที่ 3  ในวันที่เจ็ดเขาลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ และเดินรอบเมืองอย่างเคยเจ็ดรอบ และในครั้งที่เจ็ดเมื่อปุโรหิตเป่าเขาแกะเป็นเสียงยาว โยชูวาก็สั่งให้ประชาชนส่งเสียงโห่ร้องเพราะพระเจ้าได้มอบเมืองนี้ให้แก่พวกเขาแล้ว โยชูวายังสั่งอีกว่าทุกอย่างไม่ว่าผู้คน สัตว์ สิ่งของที่อยู่ในเมืองจะต้องถูกทำลายถวายแด่พระเจ้า ยกเว้นนางราหับหญิงโสเภณีและญาติพี่น้องที่อยู่ในบ้านของนางจะรอดชีวิต เนื่องจากนางได้ช่วยชีวิตของชายสอดแนมสองคนไว้ นอกนั้นทุกสิ่งต้องถูกทำลายเกรงว่าถ้าท่านเก็บของที่จะต้องถวายแด่พระเจ้าไว้ในค่าย พวกเขาเองจะต้องถูกทำลายไปด้วย ส่วนบรรดาเงินและทอง เครื่องใช้ที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์และเหล็กให้เป็นของถวายในคลังของพระเจ้า (สำหรับครู- อ้างอิงจากเลวีนิต 27:28-29 เมืองเยรีโคเป็นเหมือนผลแรกจากการเข้ายึดครองแผ่นดินคานา ดังนั้นโยชูวาจึงสั่งให้อิสราเอลนำของทั้งหมดที่อยู่ในเมืองถวายแด่พระเจ้า)

ภาพที่ 4  ดังนั้นเขาแกะก็เป่าเสียงดังยาว  ประชาชนจึงโห่ร้องเสียงดัง ในทันใดนั้นกำแพงเมือง (อาจจะสูงประมาณ 30 ฟุต) ก็พังราบลงมา ประชาชนก็บุกเข้าไปยึดเมืองเยรีโค

หลังจากนั้นชายสอดแนมสองคนก็ได้ไปช่วยนางราหับและครอบครัวพี่น้องที่อยู่ในเรือนของนาง พร้อมทั้งทรัพย์สิ่งของที่อยู่ในนั้น พวกเขารอดชีวิตจากกำแพงถล่มและการถูกทำลาย นางราหับและครอบครัวได้อาศัยอยู่ในอิสราเอลตั้งแต่นั้นมา

แผนการของพระเจ้า

เมื่อสี่สิบปีก่อนหน้านี้ อิสราเอลได้เดินทางมาจากอียิปต์และที่ตรงหน้าเขาคือแผ่นดินคานาอัน แผ่นดินพันธสัญญาที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้พวกเขา แต่ในเวลานั้นอิสราเอลไม่มีความเชื่อ ตีอกชกตัวโวยวายว่าพระเจ้านำพวกเขามาให้ถูกฆ่า ผลลัพธ์ในวันนั้นก็คือพวกเขาต้องเดินวนเวียนอยู่ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาถึงสี่สิบปี และในวันนี้อิสราเอลรุ่นที่สอง(ลูกและหลาน)ได้เป็นพยานถึงความสัตย์ซื่อ และฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าต่อพระสัญญาของพระองค์เองต่อพวกเขา เมืองเยรีโคเป็นหัวเมืองแรกที่พวกเขาได้ยึดครอง ไม่ใช่ด้วยกำลังของพวกเขาเอง แต่พระเจ้าทรงกระทำให้

พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร

ภาพที่ 5  ในชีวิตของหนูอาจมีหลายสิ่งที่หนูทำไม่ได้ หรือในครอบครัวของหนูอาจมีเหตุการณ์บางอย่างที่หนูไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่หนูก็ไม่สามารถแก้ไขได้ (ให้เด็กยกตัวอย่างในชีวิตของเขา) วันนี้หนูเรียนรู้แล้วว่าพระเจ้าสามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าไม่มีขีดจำกัด ดังนั้นไม่มีสักสิ่งเดียวในชีวิตหนูที่พระเจ้าช่วยไม่ได้ เพียงแต่เงื่อนไขของพระองค์คือหนูต้องเชื่อและทำตามพระคำของพระเจ้า เหมือนอิสราเอลที่เขาเชื่อฟังเดินวนรอบกำแพงเมืองอยู่เจ็ดวัน แค่เขาเชื่อและทำตามที่พระเจ้าสั่ง สิ่งอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

รูปภาพประกอบ

ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ  เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา

คำถามอภิปราย

(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่กระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน ในขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย)

  1. การอัศจรรย์ที่พระเจ้าทำเพื่อให้ประชาชนมั่นใจในตัวโยชูวาว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเขาคืออะไร?
  2. พระเจ้าสั่งให้อิสราเอลทำอะไรเพื่อจะเข้าไปยึดครองเมืองเยรีโค?
  3. หนูคิดว่าสิ่งที่พระเจ้าสั่งอิสราเอลนั้นยากไหม? สิ่งเดียวที่อิสราเอลต้องทำคืออะไร? (เชื่อและทำตาม)
  4. เมื่ออิสราเอลทำตามที่พระเจ้าสั่ง ในวันที่เจ็ดเกิดอะไรขึ้นกับกำแพงเมืองเยรีโค?
  5. การที่กำแพงเมืองถล่มลงนั้น เป็นฝึมือของพระเจ้าหรือเป็นกำลังของมนุษย์?
  6. มีอีกคำสั่งหนึ่งที่พระเจ้าสั่งให้อิสราเอลกระทำเมื่อเข้าไปยึดเมืองเยรีโค คำสั่งนั้นคืออะไร?
  7. หนูคิดว่าการเชื่อฟังและทำตามพระเจ้านั้นสำคัญแค่ไหน? อย่างไร?

กิจกรรม

แตรแห่งชัยชนะ

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • กระดาษแข็งขนาด A4 คนละ 1 แผ่น
  • ลูกโป่ง คนละ 1 ลูก
  • กาวหรือเทปสองหน้า
  • กรรไกร

วิธีทำ

  • ครูเตรียมกระดาษแข็งขนาด A4 1 แผ่นและลูกโป่ง 1 ลูกสำหรับเด็กแต่ละคน
  • ให้เด็กม้วนกระดาษเป็นทรงกรวย ปลายข้างหนึ่งเล็ก อีกข้างหนึ่งกว้างให้มีลักษณะคล้ายแตร ติดเทปให้เรียบร้อย
  • ใช้กรรไกรตัดปลายก้นลูกโป่งออก และสอดปลายลูกโป่งเข้าไปในกรวยกระดาษด้านที่เล็กกว่า
  • ให้เหลือปลายปากลูกโป่งไว้ด้านนอก พับปากลูกโป่งกลับเพื่อจะสวมกับปากกรวย
  • เคล็ดลับสำคัญ — ให้ใช้มือบีบปากกรวยที่หุ้มด้วยลูกโป่งให้แบน
  • เด็กๆ ก็จะได้แตรที่สามารถเป่าและส่งเสียงดังกึกก้องได้ เหมือนแตรที่ชาวอิสราเอลเป่าตอนที่กำแพงเมืองเยรีโคถล่มล้มราบเป็นหน้ากอง
  • (สามารถใช้กิจกรรมนี้ร่วมกับกิจกรรม “พิชิตกำแพงเมืองเยรีโค” ได้)

กิจกรรม

พิชิตกำแพงเมืองเยรีโค

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • กล่องกระดาษหลายๆ กล่อง (ถ้าเป็นไปได้)
  • เสื่อหรือผ้าพลาสติกสำหรับปูพื้น
  • แตร (จากกิจกรรม “แตรแห่งชัยชนะ”)

หมายเหตุ-กิจกรรมนี้เป็นเหตุการณ์สมมติ ครูสามารถใช้อุปกรณ์ประกอบที่สามารถหาได้เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นให้กับเด็กเหมือนกองทัพที่กำลังจะออกรบ เช่น กิ่งไม้แทนไม้ดาบหรืออาวุธ ผ้าทำเป็นธง ฯลฯ

วิธีทำ

  • ครูควรหาสถานที่ที่กว้างพอสมควร ปูเสื่อและเรียงกล่องกระดาษขึ้นให้สูงบนเสื่อ เพื่อให้เด็กจินตนาการถึงกำแพงเมืองเยรีโค
  • ครูอาจกำหนดให้เด็กมีหน้าที่ต่างๆ ในขบวน เช่น เป็นปุโรหิตคอยเป่าแตร หรือ แบกหีบพันธสัญญา เป็นทหารถืออาวุธเดินตามขบวน (ขึ้นอยู่กับจำนวนเด็ก)
  • ให้ครูเป็นคนให้สัญญาณว่า “วันที่หนึ่ง” เด็กเริ่มเดินรอบกำแพงหนึ่งรอบ แล้วกลับมาที่ค่ายที่ครูกำหนด ทำท่านอนหลับเหมือนทหารนอนหลับในค่าย “วันที่สอง” ให้เด็กเริ่มทำเหมือนเดินจนครูให้สัญญาณ “วันที่เจ็ด” ครูเตือนให้เด็กทุกคนโห่ร้อง เป่าแตร ส่งเสียงดังอย่างผู้ชนะศึกสงคราม
  • ให้ครูดึงเสื่ออย่างแรง เพื่อให้กล่องที่เรียงบนเสื่อนั้นล้มลงเกลื่อนกลาด
  • ครูสรุปบทเรียนที่เด็กได้เรียน และเน้นย้ำว่าการเชื่อฟังและทำตามพระเจ้านั้นสำคัญมากเพียงไร

กิจกรรม

ทำที่บ้าน