เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้
- รู้ว่าความรอดมาจากการเชื่อและวางใจในพระเยซู ไม่ใช่เพราะหนูเกิดในครอบครัวที่เป็นคริสเตียน หรือมีคุณพ่อคุณแม่เป็นคริสเตียน
- รู้จักประเทศและพี่น้องชาวฮอนดูรัสมากขึ้น
- อธิษฐานเผื่อประเทศฮอนดูรัส และเด็กๆ ในประเทศนั้น
ข้อท่องจำ
“พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์”-โรม 8:28
แผนการสอนสำหรับวันนี้
- ต้อนรับเด็กๆ ร่วมกันอธิษฐานก่อนการเดินทาง
- แจกหนังสือเดินทางให้เด็กแต่ละคน (อธิบายวิธีการใช้หนังสือเดินทาง ครูอาจเรียกเก็บคืนท้ายชั่วโมงสำหรับชั้นเรียนสัปดาห์ต่อไป และสามารถมอบให้เด็กเมื่อเรียนจบบทเรียนทั้งหมดแล้ว)
- ร้องเพลงสองภาษา (ภาษาไทยและภาษาสเปน)
- ฝึกทักทายเป็นภาษาสเปน
- เปิดโลก สำรวจประเทศฮอนดูรัส
- ข้อท่องจำ
- เล่าเรื่อง “จอยอยากเป็นมิชชันนารี”
- อธิษฐานเผื่อพี่น้องชาวฮอนดูรัส
- กิจกรรม
- แจก “อ่านให้หนูฟังหน่อย” ให้เด็กนำกลับบ้าน
แนะนำวิธีใช้หนังสือเดินทาง
- แนะนำให้จดบันทึกสิ่งต่างๆ ที่ได้เรียน ได้ฟัง และได้ทดลองทำ โดยรวบรวมข้อมูลต่างๆ แล้วเติมในช่องว่าง
- ในแต่ละช่วงโดยเฉพาะหัวข้ออธิษฐาน ครูอาจจะต้องเตือนเด็กให้นำหนังสือเดินทางของเขาขึ้นมาจดบันทึกเวลาครูแบ่งปัน
- เมื่อเด็กทำเส
ร็จสมบูรณ์แล้ว ท้ายชั่วโมงครูอาจเตรียมสติกเกอร์ติดให้เป็นรางวัลแก่เด็ก เป็นการส่งเสริมให้เด็กรู้จักจดบันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้มา
ช่วงเปิดโลก
ฮอนดูรัส ( Honduras) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐฮอนดูรัส ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกากลางหรือละตินอเมริกา มีประเทศกัวเตมาลา เอลซัลวาดอร์
นิการกัว เป็นประเทศเพื่อนบ้าน และติดกับอ่าวฮอนดูรัส และทะเลแคริบเบียนทางตอนเหนือประชากร 90% ของฮอนดูรัสเป็นชาวเมสติโซ (ลูกผสมระหว่างเชื้อสายสเปนกับอินเดียนแดง)ส่วนที่เหลือเป็นชนกลุ่มน้อยชาวยุโรป,แอฟริกัน,เอเซียน,อาหรับ,และอินเดียนแดงชนเผ่าพื้นเมือง
ประเทศฮอนดูรัสจัดว่าเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดประเทศหนึ่งในแถบละตินอเมริกา เศรษฐกิจส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการเกษตรกรรม สินค้าส่งออกมากที่สุดคือกาแฟ กล้วยเคยเป็นสินค้าส่งออกอันดับสองของประเทศจนกระทั่งได้ถูกพายุเฮอริเคนมิชท์พัดทำลายเสียหายหมดในปีพ.ศ. 2541 และได้คืนสภาพมากว่า 50% แต่แล้วก็ถูกพายุพัดอีกครั้งในปีพ.ศ. 2543
เนื่องจากเคยตกเป็นเมืองอาณานิคมของประเทศสเปน ชาวฮอนดูรัสส่วนใหญ่จึงได้รับอิทธิพลจากสเปนในการนับถือศาสนาคริสต์โรมันคาทอลิก มีประชากรบางส่วนที่นับถือศาสนาคริสต์โปรแตสเตนท์ ฮอนดูรัสใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร ยกเว้นชนกลุ่มน้อยบางส่วนที่ยังคงใช้ภาษาเผ่าพื้นเมือง
ส่วนอาหารหลักของประชากรส่วนใหญ่มีวัตถุดิบใกล้เคียงกับประเทศไทย อาหารส่วนใหญ่จะเป็นข้าว ถั่ว ข้าวโพด เนื้อ ชาวฮอนดูรัสยังสามารถทานเผ็ดได้เหมือนคนไทยอีกด้วย
ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมทั้งเด็กและผู้ใหญ่จนกลายเป็นกีฬาระดับชาติ
ส่วนเกมที่เด็กๆ ชอบเล่นกันทั่วไป มีวิธีเล่นคล้ายเกมหมากเก็บในบ้านเราเพียงแต่ใช้จำนวนเบี้ย 10 เบี้ย
ที่มา : https://th.wikipedia.org
หนูอยากเป็นมิชชันนารี
ภาพที่ 1 จอยเป็นลูกหลานชาวสวีเดนที่เกิดและเติบโตในสหรัฐอเมริกา ตอนจอยอายุได้ห้าขวบเธอได้ยินเรื่องงานของมิชชันนารีในประเทศฮอนดูรัส เอ้! ฮอนดูรัสอยู่ที่ไหนหนอ? ใช่แล้ว อยู่ในทวีปอเมริกาตอนกลางติดกับทะเลแคริเบียน เมื่อจอยฟังชีวิตของผู้รับใช้พระเจ้าในต่างแดน จอยรู้สึกตื้นเต้นมาก ในเวลานั้นเองเธอตัดสินใจกับตัวเองว่า “โตขึ้นหนูจะไปรับใช้พระเจ้าเป็นมิชชันนารี แต่ไม่ใช่ที่ฮอนดูรัส หนูจะไปทวีปแอฟริกา” ด้วยอายุเพียงห้าขวบเธอก็คิดและตั้งใจของเธอเองโดยที่ไม่ได้ปรึกษาใคร
จอยคิดจะออกไปนำข่าวดีของพระเยซูคริสต์ไปเผยแพร่แก่คนที่อยู่ห่างไกลออกไป แต่หนูรู้ไหมว่าในเวลานั้นจอยเองยังไม่เข้าใจเลยว่าเธอเองจะต้องรับเอาข่าวดีของพระเยซูคริสต์มาเป็นของตัวเองเสียก่อน เพราะว่าจอยเกิดและเติบโตในครอบครัวคริสเตียน เมื่อมีใครถามว่าจอยเป็นคริสเตียนหรือยัง คนในครอบครัวมักจะตอบแทนเธอเสมอว่า เธอเป็นคริสเตียนแล้ว พ่อกับแม่ของจอยคงคิดว่าจอยเป็นคริสเตียนแล้วเพราะเธอได้ยินเรื่องของพระเยซูมาตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ แต่อันที่จริงจอยยังไม่เคยตัดสินใจรับเอาพระเยซูมาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเธอเลย จนกระทั่งอายุ 13 ปีมีอาจารย์ท่านหนึ่งแบ่งปันว่าพระเยซูรักจอยมากและยอมตายแทนความผิดบาปของเธอ เพื่อเธอจะได้รับชีวิตนิรันดร์ ในวันนั้นเองจอยเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า ลงมายอมตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่โทษบาปของเธอ พระองค์ถูกฝังไว้ในอุโมงค์และในวันที่สามพระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย พระเจ้ามีอำนาจเหนือความตาย และผู้ที่เชื่อในพระองค์ก็จะได้มีชีวิตอยู่กับพระองค์ตลอดไปบนสวรรค์ จอยตัดสินใจรับเอาพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตของเธอ ในวันนั้นจอยพูดได้เต็มปากว่าหนูเป็นคริสเตียนแล้ว เป็นลูกของพระเจ้าอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพราะพ่อแม่หนูเป็นคริสเตียน หรือหนูเกิดมาในครอบครัวคริสเตียน ไม่ใช่เพราะหนูไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ แต่เพราะหนูตัดสินใจเชื่อและรับเอาพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของหนูด้วยตัวเอง
หลายปีผ่านไปในที่สุดความฝันที่เธอจะได้เป็นมิชชันนารีก็มาถึง หนูคิดว่าจอยได้นำข่าวดีไปถึงแอฟริกาอย่างที่เธอเคยตั้งใจไว้ตอนยังเด็กไหม? อิสยาห์ 55:9 กล่าวว่าฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด วิถีของพระเจ้าก็สูงกว่าทางของเรา ความคิดของพระเจ้าก็สูงกว่าความคิดของเราฉันนั้น จอยได้ออกไปแต่เธอไม่ได้ไปแอฟริกาอย่างที่ตั้งใจ พระเจ้าส่งเธอไปที่ประเทศฮอนดูรัสและรับใช้กับพี่น้องที่พูดภาษาสเปน
ภาพที่ 2 “อูโน โตรส เตรส” (หนึ่ง-สอง-สาม) จอยต้องเริ่มหัดเรียนภาษาสเปนเพื่อจะสื่อสารกับพี่น้องที่นั่น จอยมีภาระใจที่จะออกเดินทางไปเสาะแสวงหาคนที่ยังไม่เคยได้ยินเรื่องของพระเยซูมาก่อนเลย วันหนึ่งจอยมีโอกาสไปเยี่ยมหญิงม่ายยากจนชาวพื้นเมือง ตาสีดำ ผมยาวดำบนเทือกเขาในฮอนดูรัส เธอเล่าถึงความรอดที่พระเจ้าเตรียมให้กับทุกคนผ่านทางไม้กางเขน หญิงนั้นตัดสินใจต้อนรับเอาพระเยซูเป็นพระเจ้าในชีวิตของเธอด้วยใจร้อนรน และไม่เพียงแต่เธอเท่านั้นที่เชื่อ แต่ลูกสะใภ้ของเธอก็เชื่อด้วย ในคืนวันนั้นถึงแม้ จอยต้องเดินทางกลับท่ามกลางสายฝน บนเทือกเขาที่ลื่นเละเป็นโคลน บนหลังลาไปตามทางแคบๆ 12 กม. ตัวที่เปียกโชกแต่จิตใจของเธอกลับเต็มไปด้วยเสียงเพลงเพราะมีสองคนในวันนั้นมาถึงพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว ต่อมาหญิงม่ายคนนี้ถูกข่มเหง แต่ความเชื่อของเธอก็ไม่ได้ลดถอย เธอยิ่งกระหายที่จะฟังเรื่องราวของพระเจ้ามากขึ้น ใช่แล้ว “ฟัง” เพราะหญิงม่ายยากจนคนนี้ไม่มีพระคัมภีร์และเธอก็อ่านหนังสือไม่ได้ จอยจะให้เธอค่อยๆ ท่องข้อพระคัมภีร์โดยให้พูดตามอย่างตะกุกตะกักช้าๆ ซ้ำไปซ้ำมา ด้วยความหวังว่าข้อพระคัมภีร์เพียง 2-3 ข้อนี้หากเธอจำได้จะเป็นอาวุธที่จะคอยช่วยป้องกันเธอจากความบาปและการทดลอง
ภาพที่ 3 หลังจากนั้นไม่นานจอยไม่มีโอกาสกลับไปสอนหญิงม่ายคนนั้นอีก เพราะจอยได้รับอาหารเป็นพิษ ทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอ ซูบผอมจากโรคท้องร่วงและไข้มาลาเรีย จอยอาการไม่ดีขึ้นจนในที่สุดต้องเดินทางกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิดของเธอ เวลาผ่านไปหลายเดือนจอยพักฟื้นอยู่ที่บ้านของเธอ อาการของเธอไม่ดีขึ้นเลย ความหวังที่จะได้กลับไปฮอนดูรัสก็น้อยลงไปทุกที
ในขณะที่เธอนอนอยู่บนเตียงนั้น เธอได้ตัดสินใจที่จะเผชิญทุกสิ่งด้วยความเชื่อว่า “พระเจ้าทรงทำให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่งสำหรับคนที่รักพระองค์” (โรม 8:28) ดังนั้นเธอตัดสินใจที่จะเผชิญความเจ็บป่วย ความทุกข์ทรมาน ความผิดหวังด้วยการสรรเสริญพระเจ้า เธอพูดกับตัวเองว่า “ฉันต้องสรรเสริญ ฉันควรจะสรรเสริญ ฉันสามารถสรรเสริญ และฉันจะสรรเสริญและขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี”
เมื่อจอยตัดสินใจดังนั้นแล้ว ความเชื่อของเธอก็เข้มแข็งขึ้น ความชื่นชมยินดีและความหวังเข้ามาแทนที่ความผิดหวัง แม้เธอจะออกไปทำงานไม่ได้ เธอเริ่มอธิษฐานเผื่อพี่น้องที่ฮอนดูรัสอย่างจริงจัง และแล้วพระเจ้าก็ประทานความคิดให้กับเธอ “ทำไมไม่ทำแผ่นเสียงที่ร้องเพลงและประกาศข่าวประเสริฐเป็นภาษาสเปน” พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของเธอแล้ว พระองค์ให้มีหนทางในการประกาศข่าวประเสริฐกับพี่น้องที่ฮอนดูรัส นี่แหละเป็นหนทางที่คนไม่มีความรู้ อ่านหนังสือไม่ออก จะสามารถสะสมสมบัติแห่งพระคำไว้ในใจ พวกเขาสามารถฟังซ้ำกลับไปกลับมา ไม่ต้องรอให้จอยหรือใครเดินทางไปอ่านให้เขาฟัง ข้อความเหล่านี้จะถูกเปิดในหมู่บ้านที่ห่างไกลในฮอนดูรัส หลายๆ หมู่บ้านในเวลาเดียวกันก็ได้
ภาพที่ 4 ดังนั้นในปี 1938 จอยจึงใช้เงินที่เธอสะสมมาเป็นเวลา 8 เดือนจัดเตรียมอัดเพลงและข่าวประเสริฐโดยใช้เจ้าของภาษาสเปนซึ่งพูดได้ชัดและเข้าใจได้มากกว่าที่จอยจะเป็นคนอัดเสียงเอง จอยรู้สึกว่าที่ผ่านมาเขาใช้เวลาขุดดินที่แห้งและแข็ง พยายามประกาศข่าวประเสริฐแก่ชาวฮอนดูรัสทีละคน ทีละหมู่บ้าน งานก้าวหน้าไปอย่างยากเย็น แต่ตอนนี้พระเจ้ากำลังเปิดบ่อน้ำมันอันล้ำค่าให้เธอ มันพุ่งขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง พระเจ้าใช้แผ่นเสียงที่เธอทำขยายข่าวประเสริฐออกไปมากกว่าแค่หนึ่งหมู่บ้าน เสียงบันทึกต่างๆ ถูกนำไปใช้ในสถานีวิทยุกว่า 40 สถานีในทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ มีจดหมายมาจากทั่วสารทิศเล่าถึงดวงวิญญาณที่ได้รับความรอด คนจำนวนเป็นร้อยๆ ที่อยู่ห่างไกล คนที่ไม่เคยมีโอกาสได้ยินข่าวประเสริฐโดยทางอื่น ตอนนี้ได้ยินข่าวประเสริฐจากแผ่นเสียงสีดำแผ่นเล็กๆ
บ่อน้ำแห่งความชื่นชมยินดีพุ่งขึ้นในใจของจอย พระเจ้าใช้ความอ่อนแอและสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิตของจอยทำให้มันเกิดผลดีอย่างที่มนุษย์ไม่สามารถคาดคิดได้ พระเจ้าเริ่มพันธกิจอันยิ่งใหญ่นี้ตอนจอยแทบไม่มีอะไรเลย ร่างกายก็อ่อนแอซูบผอม จอยไม่มีเงิน แต่เธอตั้งใจที่จะสรรเสริญและยินดีในการรอคอยพระเจ้า แล้วพระองค์ก็ได้กระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ
บทเรียนนี้เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร?
ภาพที่ 5
- ถ้าหนูเหมือนจอยตอนเด็กๆ ที่เกิดในครอบครัวคริสเตียน ทุกคนคิดว่าหนูเป็นคริสเตียนแล้วเพราะหนูไปโบสถ์กับพ่อแม่ทุกอาทิตย์ แต่หนูรู้ว่าหนูยังไม่เคยตัดสินใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดด้วยตัวของหนูเอง วันนี้เป็นโอกาสดีหากหนูต้องการตัดสินใจเชื่อและวางในในพระเยซู (เปิดโอกาสให้เด็กต้อนรับพระเยซู)
- หนูสามารถเอาชีวิตของจอยเป็นตัวอย่างในการตั้งใจที่จะสรรเสริญและขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี หนูสามารถถวายเกียรติพระเจ้าได้ในทุกที่ที่พระเจ้าวางหนูไว้ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน กับเพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งตอนที่หนูนอนป่วยอยู่บนเตียงนอน
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
- เด็กในชุมชนแออัด และเด็กเร่ร่อนจำนวนมาก (อาจมากถึง 40% ของจำนวนเด็กทั้งประเทศ) เนื่องจากความยากจนของครอบครัวซึ่งมีผลมาจากพายุเฮอริเคนที่พัดทำลายพื้นที่ทำมาหากินของประชาชน อธิษฐานเผื่อเด็กๆ เหล่านี้ที่จะได้รับการช่วยเหลือด้านปัจจัยสี่ มีอาหาร เสื้อผ้า ที่พัก และมีโอกาสที่จะได้เรียนหนังสือ
- การเมืองที่จะมั่นคงขึ้น ผู้นำประเทศที่จะยอมเสียสละเพื่อประชาชนส่วนรวม ไม่เอารัดเอาเปรียบ และข่มเหงประชาชน อธิษฐานเผื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เพื่อประชาชนจะอยู่กันอย่างปลอดภัย
- อธิษฐานเผื่อข่าวประเสริฐจะถูกเผยแพร่ออกไปทุกๆ หมู่บ้าน และเมล็ดของข่าวประเสริฐนั้นจะงอกและเกิดผลในพี่น้องที่ได้ยินได้ฟัง อธิษฐานเผื่อคริสตจักรในฮอนดูรัสที่จะเติบโตและเข้มแข็งขึ้น
กิจกรรม
อาหารสุดฮิต “ชิป กับ ซัลซ่า”
ชิปกับซัลซ่าเป็นอาหารยอดนิยมของชาวละตินอเมริกา เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยหรืออาหารทานเล่นกันเมื่อมีงานสังสรรค์ ชิปมีลักษณะเป็นแผ่นแป้งบางๆ ตัดเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ทอดในน้ำมัน ซัลซ่าจะเป็นน้ำจิ้มหรืออาจาดมีส่วนผสมของมะเขือเทศ หอมใหญ่ พริก ผักชี คนทั่วไปจะใช้ชิปแทนช้อนตักลงไปในชามซัลซ่าทานร่วมกัน รสชาติของชิปจะมีรสเค็มนิดๆ จิ้มกับซัลซ่ารสเปรี้ยวและเผ็ด
ส่วนผสมของชิป
(แผ่นแป้งทำเองได้ หรือหาซื้อได้ตามร้านค้าที่ขายอาหารต่างชาติ ให้คุณครูทำเตรียมไว้ล่วงหน้าสามารถเก็บไว้ในถุงหรือกระป๋องมีฝาปิดมิดชิดได้หลายวัน)
- แป้งสาลี 4 ถ้วยตวง
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำมันหรือเนย 6 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 1 1/2 ถ้วย
- ผงฟู 2 ช้อนชา (ถ้ามี)
วิธีทำ
- ผสมแป้ง เกลือและผงฟูเข้าด้วยกัน เติมน้ำและน้ำมันนวดให้เข้ากันจนเป็นก้อน หลังจากนั้นใส่ถุงพลาสติกพักไว้สัก 30 นาทีเพื่อให้แป้งอยู่ตัว ไม่คืนรูปเวลาคลึงเป็นแผ่นบางๆ
- แบ่งแป้งออกเป็นก้อนเท่าฝ่ามือ คลึงให้เป็นแผ่นบางความหนาเท่ากระดาษแข็ง
- ใช้มีดตัดเป็นแผ่นสามเหลี่ยมความยาวประมาณ 2 นิ้ว นำไปทอดในน้ำมันจนเหลือง (ใช้เวลา 2-3 นาทีเท่านั้น) ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันโรยด้วยเกลือป่นเล็กน้อย สำหรับเด็ก 10 คน
ส่วนผสมของซัลซ่า
(ครูเตรียมหั่นส่วนผสมไว้ล่วงหน้า และสามารถให้เด็กลงมือผสมในชามพร้อมกับปรุงรสในชั่วโมงเรียน หลังจากนั้นให้ทุกคนมีโอกาสได้ขอบคุณพระเจ้าและชิมอาหารฝีมือของเขาเอง)
- มะเขือเทศลูกใหญ่ 4 ลูก (หรือประมาณ 4 ถ้วยตวง)
- หอมใหญ่ขนาดใหญ่ 1 ลูก
- ผักชี 2 ต้น
- น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ น้ำตาล และพริกตามชอบ
วิธีทำ
- หั่นมะเขือเทศ หอมใหญ่เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า เติมฝักชีหั่นฝอย
- ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว เกลือ น้ำตาล และพริก (จะเป็นพริกป่นหรือพริกสดก็ได้) ให้มีรสเปรี้ยวนำ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ เทใส่ชามเสริฟพร้อมกับชิป
กิจกรรม
ประดิษฐ์เกมสุดฮอต “พินนาต้า”
เกมพินนาต้าเป็นเกมที่ใช้เล่นกันช่วงวันเกิดหรืองานเลี้ยงของพวกเด็กๆ ในละตินอเมริกา พินยาต้าจะถูกทำเป็นรูปทรงต่างๆ เช่นลูกบอล ทรงสี่เหลี่ยม หรืออาจะเป็นตัวสัตว์ ตัวการ์ตูน ทำด้วยโครงกระดาษแข็ง กระดาษสีและกาว ด้านในกลวงเพื่อไว้ซ่อนลูกอมและขนมชิ้นเล็กๆ วิธีเล่นคล้ายๆ กับเกมหลับตาตีหม้อ
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กล่องขนมกระดาษขนาดประมาณ 15x10x5 นิ้ว (หากเด็กจำนวนมากให้ใช้กล่องขนาดใหญ่ขึ้น)
- กระดาษสีอย่างบางหลายๆ สี
- กาว หรือแป้งเปียก
- ลูกอม ขนมชิ้นเล็กๆ ที่ห่อด้วยพลาสติกเรียบร้อยแล้ว
- เชือกสำหรับแขวนพินนาต้า
วิธีทำ
- นำลูกอม ขนมจำนวนให้เหมาะสมกับจำนวนเด็กในชั้นเรียน บรรจุลงในกล่องกระดาษที่ไม่แข็งหรือหนาเกินไป หลังจากนั้นปิดฝาให้เรียบร้อย
- ใช้กระดาษสีทากาวแปะทับให้ทั่วกล่อง สามารถตกแต่งให้มีลวดลาย เส้นสายตามต้องการ
วิธีเล่น
- ครูนำกล่องเจาะรูเพื่อผูกกับเชือก และนำไปห้อยไว้บนคานหรือใต้ต้นไม้ ให้พินยาต้าอยู่สูงระดับที่เด็กเอื้อมมือถึง
- ให้เด็กเข้าแถวเรียงหนึ่ง เพื่อเด็กทุกคนจะมีโอกาสเดินไปตีพินยาต้าได้ทีละคน ให้ห่างจากพินยาต้าประมาณ 5 ก้าว
- เตรียมผ้าปิดตา และไม้สำหรับตี
- ให้เด็กที่ถูกปิดตาเดินไป และตีพินยาต้าให้ถูก แต่ละคนมีโอกาสตีได้ 1-3 ครั้ง (ตามความเหมาะสมและเวลา) เด็กๆ จะสลับกันออกไปตีจนพินยาต้าแตก และลูกอมหล่นลงมา
- หลังจากนั้นเด็กๆ ทุกคนสามารถวิ่งไปหยิบลูกอมได้
คำเตือน
ครูต้องกำชับให้เด็กยืนเข้าแถว และอยู่หลังเส้นที่กำหนดไว้ตลอดเวลา เพราะหากไม่เชื่อฟังคำสั่ง เด็กอาจได้รับอันตรายจากเพื่อนที่ปิดตาและถือไม้เพื่อตีพินยาต้าได้