บทเรียน : คนร่างเล็กบนเกาะปาลาวัน

เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้

  • รู้ว่าพระเจ้าไม่ปรารถนาให้สักคนหนึ่งต้องพินาศไป ข่าวประเสริฐแห่งความรอดมีไว้สำหรับทุกคน
  • รู้ว่าหนูเองสามารถเป็นผู้นำข่าวดีไปให้กับคนอื่นๆ ได้
  • อธิษฐานเผื่อพี่น้องชาวปาลาวัน และเผื่อเพื่อนคนอื่นๆ ที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า

ข้อท่องจำ

“เท้าของคนเหล่านั้นที่นำข่าวดีมา ช่างงามจริงๆ หนอ” -โรม 10:15

แผนการสอนสำหรับวันนี้

  • ต้อนรับเด็กๆ ร่วมกันอธิษฐานก่อนการเดินทาง
  • แจกหนังสือเดินทางให้เด็กแต่ละคน (ดูหน้า 6 ในการใช้หนังสือเดินทาง)
  • ร้องเพลงสองภาษา (ภาษาไทยและภาษาตากาล๊อค)
  • ฝึกทักทายเป็นภาษาตากาล๊อค
  • เปิดโลก สำรวจประเทศฟิลิปปินส์
  • ข้อท่องจำ
  • เล่าเรื่อง “คนร่างเล็กบนเกาะปาลาวัน”
  • อธิษฐานเผื่อพี่น้องชาวฟิลิปปินส์
  • กิจกรรม
  • แจก “อ่านให้หนูฟังหน่อย” ให้เด็กนำกลับบ้าน

แนะนำวิธีใช้หนังสือเดินทาง

  • แนะนำให้จดบันทึกสิ่งต่างๆ ที่ได้เรียน ได้ฟัง และได้ทดลองทำ โดยรวบรวมข้อมูลต่างๆ แล้วเติมในช่องว่าง
  • ในแต่ละช่วงโดยเฉพาะหัวข้ออธิษฐาน ครูอาจจะต้องเตือนเด็กให้นำหนังสือเดินทางของเขาขึ้นมาจดบันทึกเวลาครูแบ่งปัน
  • เมื่อเด็กทำเส
    ร็จสมบูรณ์แล้ว ท้ายชั่วโมงครูอาจเตรียมสติกเกอร์ติดให้เป็นรางวัลแก่เด็ก เป็นการส่งเสริมให้เด็กรู้จักจดบันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้มา

ข้อมูลเพิ่มเติม และเว็ปไซด์ที่สามารถนำมาฉายให้เด็กในชั้นเรียนได้เห็นภาพและเข้าใจบทเรียนมากขึ้น

  • Youtube “The Philippines, Palawan: The Friendly Batak People Practice a Performance” (วีดีทัศน์ แสดงถึงวัฒนธรรมของชาวเกาะปาลาวันในอดีต)
  • Youtube “Palawan 2010 Medical Mission Trip” (วีดีทัศน์แสดงถึงทีมมิชชั่นที่ออกไปรับใช้พระเจ้าบนเกาะปาลาวันเป็นช่วงสั้นๆ เป็นการเสนอแนะให้เด็กเห็นอีกมิติในการออกไปรับใช้)

ช่วงเปิดโลก

สาธารณรัฐฟิลิปปินส์อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นหนึ่งในสมาชิกอาเชียนเช่นเดียวกับประเทศไทย ฟิลิปปินส์เป็นประเทศประกอบด้วย

เกาะมากมายถึง 7,107 เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก มีชนกลุ่มน้อยตามเกาะต่างๆ มากมาย  จึงมีภาษามากกว่า 170 ภาษา โดยใช้ภาษาตากาล๊อกและภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ

ชาวเกาะปาลาวันที่เด็กๆ จะได้เรียนในวันนี้ถือเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อาศัยอยู่บนเกาะปาลาวันเป็นเวลาหลายพันปีก่อนที่จะมีการแบ่งกั้นอาณาเขตประเทศขึ้นเสียอีก ปัจจุบันเกาะปาลาวันกลายเป็นไร่ปลูกปาล์ม  และสถานที่ตากอากาศชายทะเลสำหรับนักท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของฟิลิปปินส์

ฟิลิปปินส์เคยเป็นอาณานิคมของสเปนกว่า 350 ปีและในเวลานั้นได้กลายเป็นเมืองท่าค้าขายของชาวสเปนกับประเทศในอเมริกาใต้ (ละตินอเมริกา) ซึ่งเป็นอาณานิคมของสเปน ทำให้ฟิลิปปินส์ได้รับอิทธิพลจากประเทศเหล่านี้เป็นเวลานาน จนได้รับสมญานามว่าเป็นประเทศละตินอเมริกาที่ถูกคลื่นซัดมาตั้งอยู่ในเอเชีย หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ฟิลิปปินส์ได้อยู่ใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาเกือบ 50 ปี จึงทำให้ฟิลิปปินส์ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในภาษาราชการ ฟิลิปปินส์ยังเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชียที่มีศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ (92% ของประชากร) ประชากรส่วนใหญ่เป็นโรมันคาทอลิกมีเพียงประมาณ 10% เท่านั้นที่เป็นคริสเตียนโปรแตสเตนท์ ปัจจุบันมีชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากที่ออกไปรับใช้พระเจ้า

ในสาขาอาชีพต่างๆ ในต่างแดน เนื่องจากอิทธิพลทางภาษาและวัฒนธรรมที่เขาได้รับทำให้ลดอุปสรรคในการทำงานข้ามวัฒนธรรมได้เป็นอย่างมาก มีคริสเตียนจำนวนมากไปทำงานในฐานะพยาบาล วิศวกร ครู พี่เลี้ยงเด็ก ฯลฯ ในประเทศคอมมิวนิสต์ และประเทศตะวันออกกลางที่ห้ามมิชชันนารีและผู้ประกาศเข้าไปทำงาน

ที่มา : https://th.wikipedia.org

คนร่างเล็กบนเกาะปาลาวัน

ภาพที่ 1 ณ เกาะปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ ผืนป่าในแถบนี้มีชนพื้นเมืองผิวสีคล้ำ ตัวเล็ก ผมหยิกฟู อาศัยอยู่กระจัดกระจายเป็นหมู่บ้านเล็กๆ พวกเขากระฉับกระเฉงว่องไวอย่างกับลิงเมื่ออยู่บนต้นไม้หาของป่า พวกเขาสามารถปีนป่ายหน้าผาสูงชันขณะแบกของบนหัวหรือมีลูกเล็กๆ มัดอยู่ข้างสะโพก ในเวลานั้น ปี 1940 ยังไม่มีใครเข้าไปสำรวจเกาะนั้นมาก่อน พวกเขาปิดทางเข้าหมู่บ้านเพราะกลัวคนแปลกหน้า ทำให้ไม่มีมิชชันนารีคนไหนสามารถเข้าไปได้เลย มีลูกครึ่งชาวฟิลิปปินส์และอเมริกันคริสเตียนคนหนึ่งเป็นชาวสวนปาล์มน้ำมันได้มีโอกาสเข้าไปในป่าแถบนั้นเพื่อคุมคนงานสกัดยางจากต้นปาล์ม เมื่อเขาเห็นชนพื้นเมืองเหล่านี้ก็เกิดใจรักเมตตา คิดว่าจะประกาศข่าวประเสริฐกับคนพวกนี้ได้อย่างไร มิชชันนารีหลายคนพร้อมที่จะเข้าไปแต่ก็ไม่สามารถหาพวกเขาเจอการประกาศข่าวประเสริฐในป่ากับคนเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย จนพ่อของเขามีความคิดว่า น่าจะประกาศข่าวประเสริฐกับคนเหล่านี้ด้วยเครื่องเล่นแผ่นเสียงเป็นภาษาของพวกเขาเอง นี่เป็นหนทางเดียวที่จะนำข่าวประเสริฐไปถึงชาวพื้นเมืองที่อาศัยในป่าเป็นพันๆ คนนี้ได้ (ในตอนนั้น จอยเพิ่งจะเริ่มทำการบันเสียงข่าวประเสริฐเป็นภาษาสเปน ดังนั้นพวกเขายังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับงานของจอยและแอน)

แต่น่าเสียดายผ่านไปไม่กี่ปี ชายลูกครึ่งคนนี้ได้เสียชีวิตลงเมื่อญี่ปุ่นเข้าไปบุกฟิลิปปินส์ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 นิมิตที่จะนำข่าวประเสริฐไปถึงชนพื้นเมืองในเกาะปาลาวันดูเหมือนจะจบลงไปพร้อมกับชีวิตของเขาในเวลานั้น แต่ความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นคนเหล่านั้นเหมือนฝูงชนที่ไม่มีผู้เลี้ยง พระเยซูตรัสว่า “แกะอื่นซึ่งมิได้เป็นของคอกนี้เราก็มีอยู่ แกะเหล่านั้นเราก็ต้องพามาด้วย” พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนไม่ใช่เพื่อครูและหนูเท่านั้น แต่พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อคนเหล่านั้นบนเกาะห่างไกลความเจริญด้วยเช่นกัน

เจ็ดปีต่อมา เมื่อจอยและแอนกำลังบันทึกเสียงอยู่ในอลาสก้า เขาได้ยินเรื่องของชนพื้นเมืองในเกาะฟิลิปปินส์ บริเวณหมู่เกาะเหล่านั้นผู้คนยังห่างไกลความเจริญ อาศัยอยู่ตามป่าเขา อ่านหนังสือไม่ได้ และมีคนหลายสิบเผ่าที่ยังไม่เคยได้ยินเรื่องของพระเยซู ระหว่างที่พวกเธอบันทึกเสียงอยู่กับชาวเอสกิโม เสียงเรียกจากชนพื้นเมืองตัวเล็กในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ดังก้องอยู่ในสมองของพวกเธอ

โรม 10:13-14 “ผู้ที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์ จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้ และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้” โรม 10:17 กล่าวต่อไปว่า “ความเชื่อเกิดขึ้นได้เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์”

ภาพที่ 2  หลังจากกลับมาจากอลาสก้า พวกเธอไม่มีเงินสำหรับโครงการบันทึกเสียงในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ แต่พวกเธอก็เริ่มวางแผนการเดินทางราวกับว่ามีทุกอย่างพร้อมแล้ว สำหรับพวกเธอเคล็ดลับการรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่จากพระเจ้านั้นคือการรอคอยจนวินาทีสุดท้าย! เงินสำหรับค่าหนังสือเดินทางมาถึงตอนบ่ายวันเดียวกับที่จะต้องไปรับหนังสือเดินทาง เงินค่าวีซ่าก็มาทันเวลาพอดีกับวันที่จะต้องไปรับวีซ่า และเป็นเช่นเดียวกันกับค่าเรือโดยสารที่จะข้ามมหาสมุทรแปซิฟิคไปยังฟิลิปปินส์พระเจ้าก็ประทานให้หนึ่งอาทิตย์ก่อนวันที่พวกเธอออกเดินทาง

ภาพที่ 3  ในที่สุดวันที่นิมิตของพระเจ้าสำหรับคนในหมู่เกาะปาลาวันก็มาถึง เสียงภาษาปาลานาน นากรีโตถูกอัดลงบนแผ่นเสียง ประโยคแรกพูดว่า “หัวหน้าของท้องฟ้า ผู้สร้างฟ้า แผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น พระองค์ได้ส่งข่าวมายังชาวโลกทั้งหลาย” เมื่อชายชาวนากรีโตพูดจบ จอยบอกให้แอนกรอแผ่นเสียงเพื่อเล่นกลับให้เขาฟัง ชายนากรีโตอายุ 18 ปีฟังอย่างอัศจรรย์ใจ เขาไม่เคยได้ยินหรือเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย เสียงพูดภาษาของเขา เป็นเสียงของเขาเอง พูดออกมาจากกล่องใบนี้ เสียงพูดของตัวเอง ชายร่างเล็กสี่ฟุตหัวเราะตัวสั่นไปหมด พวกเขานั่งอัดเสียงข่าวประเสริฐเป็นเวลาหลายชั่วโมงสลับกับเสียงหัวเราะชอบใจของชายนากรีโตคนนั้น ที่อดประหลาดใจไม่ได้กับการบันทึกเสียง ข้อความที่บันทึกในวันนั้นพูดว่า “ลูกของหัวหน้าท้องฟ้าคือพระเยซู มายังโลกนี้เพื่อตายบนไม้กางเขนรับโทษบาปผิดของชาวโลกทุกคน เพื่อช่วยให้เขาทั้งหลายรอดจากหมู่บ้านชั่วร้ายที่อยู่ข้างล่างที่มีแต่บึงไฟ ส่วนทุกคนที่วางใจในพระเยซู ลูกของหัวหน้าท้องฟ้า ผู้นั้นจะได้กลายเป็นลูกของหัวหน้าท้องฟ้า และเมื่อความตายมาถึง เขาจะได้เข้าไปหมู่บ้านที่อยู่บนฟ้า ซึ่งที่นั่นมีแต่ความสุขและสิ่งที่สวยงาม ทุกคนที่ต้อนรับพระเยซูและเชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์จะประทานสิทธิให้เป็นลูกของหัวหน้าแห่งท้องฟ้า”

ภาพที่ 4  จอยและแอนอยู่ที่ฟิลิปปินส์เป็นเวลาเกือบหนึ่งปี ที่นั่นพวกเธอทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง พวกเธอเดินทางทั้งทางเท้า ถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่น ทั้งนั่งเรือที่ทำจากเปลือกหอยข้ามไปยังเกาะต่างๆ อาศัยหลับนอนบนกระท่อมไม้ไผ่ยกพื้น พวกเธอบันทึกเสียงข่าวประเสริฐเป็นภาษาต่างๆ ได้ 92 ภาษา ในจำนวนนั้นมีสิบภาษาที่บันทึกในเกาะปาลาวัน ซึ่งเป็นที่ชายลูกครึ่งเคยมีนิมิตในการประกาศข่าวประเสริฐกับชนพื้นเมืองที่นั่น วันนี้ความฝันของเธอสำเร็จแล้ว ชาวพื้นเมืองบนเกาะปาลาวันมีโอกาสได้ยินได้ฟังเรื่องของพระเยซูแล้ว

บทเรียนนี้เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร?

ภาพที่ 5  “เท้าของผู้นำข่าวดีมาช่างงามจริงๆ หนอ” เมื่อหนูเห็นเด็กตัวมอมแมมนั่งขอทานอยู่ข้างถนน หรือคนเฒ่าคนแก่ที่หูตาฟ่าฟาง คนป่าที่อยู่ในป่าไม่ใส่เสื้อผ้า หนูเคยคิดดูถูกพวกเขาไหมว่า พวกเขาไม่เหมือนหนู ไม่รู้เรื่องอะไร ไม่มีคุณค่า ทำให้หนูเผลอคิดไปว่าตัวหนูดีกว่าเขา มีความรู้มากกว่าเขา ความคิดเช่นนี้ไม่ได้มาจากพระเจ้า เพราะพระเจ้ารักพวกเขาเช่นเดียวกับ ที่พระองค์รักหนู พระเจ้ามีแผนการแห่งความรอดสำหรับทุกคน พระองค์ไม่ปรารถนาให้แม้สักคนหนึ่งต้องพินาศไป ในสายตาของพระเจ้าคนเหล่านั้นมีคุณค่าเท่าเทียมกับตัวหนู และต้องการการช่วยกู้ในชีวิตของเขาเช่นเดียวกับหนู พวกเขาต้องการความรอดเหมือนกับครูและหนู แต่ถ้าพวกเขาไม่ได้ยินเรื่องของพระเยซู พวกเขาจะเชื่อพระองค์ได้อย่างไร ถ้าพวกเขาไม่เชื่อพระเยซู พวกเขาจะได้รับความรอดได้อย่างไร ครูหนุนใจให้เด็กๆ ออกไปเป็นทูตข่าวดีของพระเจ้า (เรียกเด็กถวายตัวในการรับใช้พระเจ้า)

รูปภาพประกอบ

ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ  เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา

  • เพราะความยากจนในชนบท เด็กๆ จำนวนมากไม่มีโอกาสไปโรงเรียน แต่ต้องไปทำงานหาเงิน เด็กกว่า 60,000 คนต้องทำงานผิดกฎหมาย ถูกหลอกเอาไปขายเป็นแรงงานเด็ก และโสเภณี อธิษฐานขอพระเจ้าจะยื่นมือของพระองค์ไปช่วยเด็กๆ เหล่านี้ผ่านทางคริสตจักรและผู้รับใช้ของพระองค์
  • บนเกาะปาลาวันในปัจจุบัน มีชาวมุสลิมเข้าไปตั้งถิ่นฐานเป็นจำนวนมาก ทำให้ศาสนาอิสลามมีอิทธิพลครอบคลุมวิถีชีวิตของชาวเกาะนั้นมาก อธิษฐานเผื่อคริสตจักรและผู้รับใช้บนเกาะนั้นที่จะมีความเชื่อที่เข้มแข็ง และเป็นแสงสว่างของพระเจ้าบนเกาะปาลาวัน
  • อธิษฐานเผื่อชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากที่ถวายตัวออกไปรับใช้ในที่ต่างๆ โดยเฉพาะในแถบประเทศตะวันออกกลาง พี่น้องเหล่านี้ไปทำงานเป็นคนเลี้ยงเด็ก พยาบาล ครู และนำข่าวดีของพระเจ้าไปในประเทศที่ไม่อนุญาตให้มิชชันนารีเข้าไปประกาศได้

กิจกรรม

ขนม “ตูรอน”

อาหารของประเทศฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่จะมีรสชาติใกล้เคียงกับอาหารไทย อาจจะเนื่องมาจากทั้งสองประเทศมีวัตถุดิบท้องถิ่นคล้ายๆ กัน เช่น กล้วย มะพร้าว ขนุน มะม่วง ข้าว อาหารทะเล เป็นต้น “ตูรอน” เป็นขนมหรืออาหารว่างยอดนิยมชนิดหนึ่งของฟิลิปปินส์ มีลักษณะคล้ายปอเปี๊ยะทอด แต่ข้างในจะสอดไส้กล้วยและขนุนที่คลุกเคล้ากับน้ำตาลทรายแดง ตูรอนสามารถหาซื้อหากินได้ทั่วไปตามร้านรถเข็นริมทาง คล้ายๆ กับร้านลูกชิ้นปิ้ง หรือร้านกล้วยแขกในบ้านเราทีเดียว

ขนมประจำชาติวันนี้ ต้องทอดในน้ำมันร้อน ซึ่งหากสถานที่และอุปกรณ์ไม่เอื้ออำนวยให้เด็กทำกันในชั้นเรียน คุณครูอาจจะต้องทำเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้า และให้เด็กๆ ได้ลองลิ้มชิมรสขนมของชาวฟิลิปปินส์กันดู เพื่อเพิ่มสีสรรและความตื่นเต้นให้กับเด็กๆ ในชั้นเรียน

สิ่งที่ต้องเตรียม  (สำหรับทำตูรอน 10 ชิ้น)

  • แผ่นปอเปี๊ยะ 10 แผ่น
  • กล้วย 5 ผล
  • ขนุนแกะเมล็ดแล้ว 5 ชิ้น
  • น้ำตาลทรายแดง  1 ถ้วยตวง
  • น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ

  • เตรียมปลอกกล้วยและผ่าครึ่ง ฉีกขนุนออกชิ้นประมาณพอดีคำ
  • เทน้ำตาลทรายแดงลงในจานสำหรับคลุกกล้วย
  • นำกล้วยแต่ละชิ้นคลุกกับน้ำตาลทรายแดง ให้น้ำตาลคลุมปิดกล้วยทั้งหมด
  • วางกล้วยลงบนแผ่นปอเปี๊ย และนำขนุนที่ฉีกไว้วางลงบนกล้วยอีกที
  • ห่อแผ่นปอเปี๊ยวีธีเดียวกับการห่อปอเปี๊ยทั่วไป ให้ปิดหัวและท้ายให้มิดชิด
  • นำไปทอดในน้ำมันร้อนจัดจนเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
  • อาจโรยน้ำตาลทรายแดงที่เหลือบนกล้วยทอดที่ร้อนอยู่ก็ได้ (แล้วแต่ชอบ)

กิจกรรม

เท้าของผู้นำข่าวดี

สิ่งที่ต้องเตรียม 

  • กระดาษโปสเตอร์สีแข็ง
  • ดินสอ
  • กรรไกร
  • ที่เจาะรู
  • เชือก หรือ ริบบิ้นสี
  • กากเพชร หรือ เศษกระดาษเงินกระดาษทอง หรือ เศษกระดาษสีต่างๆ สำหรับประดับตกแต่ง

วิธีทำ

  • แจกกระดาษโปสเตอร์ให้เด็กคนละหนึ่งแผ่น (ขนาดของกระดาษให้ใหญ่พอสำหรับที่เด็กจะลอกรูปเท้าของเขาเองทั้งสองข้างลงไปได้)
  • ให้เด็กแต่ละคนวางเท้าของตัวเองลงบนกระดาษ ใช้ดินสอลอกรูปเท้าทั้งข้างซ้ายและข้างขวาลงบนกระดาษ
  • ตัดกระดาษตามรอยที่ลากเส้นรูปเท้าไว้
  • ใช้ปากกาเขียนเท้าด้านซ้ายว่า “เท้าของ______ (ชื่อของเด็ก)เป็นเท้าที่นำข่าวดีไปให้ผู้อื่น” ส่วนด้านขวาให้เด็กเขียนข้อท่องจำของวันนี้ “เท้าของคนเหล่านั้นที่นำข่าวดีมา ช่างงามจริงๆ หนอ” โรม 10:15
  • หลังจากนั้นตกแต่งด้วยกากเพชร หรือ เศษกระดาษสีให้สวยงาม
  • เจาะรูที่ส้นเท้าทั้งสองข้าง แล้วร้อยด้วยริบบิ้นให้เท้าทั้งสองข้างเข้าคู่กัน

กิจกรรม

ทำที่บ้าน