เมื่อกลับบ้านวันนี้หนูจะได้
- เห็นตัวอย่างความรักและความเมตตาที่ดาวิดมีให้แก่ลูกชายของโยนาธานเพื่อนรักของเขา
- ซาบซึ้งในความรักเมตตาที่พระเจ้ามีต่อหนู ถึงแม้หนูไม่สมควรจะได้รับ
- แสดงความรักและความเมตตาต่อผู้อื่น
ข้อท่องจำ
“ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์ไม่เคยหยุดยั้งและพระกรุณาของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด”
- เพลงคร่ำครวญ 3:22
T I P S สำหรับคุณครู
เอเฟซัส 4:32 “แต่จงมีใจกรุณา ใจสงสาร และใจให้อภัยแก่กันและกัน เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านในพระคริสต์” ใจกรุณา ใจรักสงสารเมตตา ใจให้อภัย ควรจะเป็นนโยบายหลักของชั้นเรียนพระคัมภีร์ การปฏิบัติต่อเด็กด้วยความรักเมตตา ไม่เพียงช่วยลดปัญหาวินัยในชั้นเรียน แต่ยังส่งผลไปถึงวิธีที่เด็กปฏิบัติต่อกันและกัน การตั้งกฎกติกาในชั้นเรียนโดยปราศจากความสัมพันธ์ มักนำมาถึงการแหกกฏหรือการต่อต้าน ความรักเมตตาที่ครูสามารถใช้ในชั้นเรียนแบบง่ายๆ ได้แก่ มีช่วงเวลาให้ครูและเพื่อนอธิษฐานเผื่อเด็กที่ต้องการคำอธิษฐานเป็นพิเศษ การร้องเพลงอวยพรวันเกิด ฉวยโอกาสในการชมเชยเด็ก และเมื่อเด็กทำผิดพลาด หาวิธีเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้แก้ไขและปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
เกม “ต่อกันวาด”
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กระดาน (หรือถ้าไม่มี คุณครูสามารถใช้กระดาษแผ่นใหญ่ก็ได้)
- ปากกาไวท์บอร์ดทีมละ 1 ด้าม
- ผ้าปิดตาทีมละ 1 ผืน
วิธีเล่น
- แบ่งเด็กออกเป็นทีม ทีมละ 3-4 คน
- แต่ละรอบให้ครูตั้งโจทย์ว่าจะให้เด็กวาดรูปสัตว์ชนิดไหน เช่น หมู หมา ไก่ แมว นก สิงโต เพนกวิน ช้าง ลิง หรือ อื่นๆ
- ให้แต่ละทีมปรึกษากันว่าแต่ละคนในทีมจะวาดส่วนไหนของสัตว์เช่น คนที่ 1 วาดหัว คนที่ 2 วาดแขน คนที่ 3 วาดลำตัว คนที่ 4 วาดขา
- ให้เด็กแต่ละทีมปิดตาและถือปากกาไว้รอหน้ากระดาน โดยแต่ละคนในทีมจะมีเวลาวาดเพียงแค่ 5 วินาที ให้คุณครูนับ 1-5 ดังๆ
- พอคนที่หนึ่งวาดเสร็จ ให้กลับมาที่ทีมแล้วถอดที่ปิดตาออกและให้ผ้าปิดตาและปากกากับคนต่อไปที่จะมาวาดส่วนต่อไปของสัตว์
- พอทุกทีมวาดเสร็จ ให้คุณครูให้คะแนนว่าทีมไหนวาดได้สมบูรณ์แบบที่สุด ทีมนั้นจะได้แต้มไป ทีมไหนได้ถึงสามแต้มก่อนถือว่าชนะ
บทนำเรื่อง “เจ็ดชั่วโคตร”
คนไทยส่วนใหญ่คงเคยได้ยินวลี "เจ็ดชั่วโคตร" กันมาบ้างแล้ว เพราะคนเฒ่าคนแก่มักจะพูดถึงการประหารเจ็ดชั่วโคตร หนูอาจจะไม่เคยรู้ว่าเจ็ดชั่วโคตรคืออะไรหรือมีที่มาจากอะไร วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับวลี "เจ็ดชั่วโคตร" กัน กฎหมายของไทยในสมัยก่อนกล่าวโทษของผู้เป็นกบฏต่อแผ่นดิน หรือลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ หรือเอาใจออกห่างและไปเข้ากับฝ่ายศัตรู หรือเป็นไส้ศึก ต้องได้รับโทษรุนแรง และหนึ่งในนั้นคือ ให้ริบคนรับใช้ติดตามและให้ประหารล้างโคตร หรือประหารเจ็ดชั่วโคตร
เจ็ดชั่วโคตร หมายถึง วงศ์สกุลที่สืบสายเลือดนับตั้งแต่ตัวเองขึ้นไป 3 ชั้น คือ ชั้นพ่อ ชั้นปู่ และชั้นทวด กับนับจากตัวเองลงมาอีก ๓ ชั้น คือ ชั้นลูก ชั้นหลาน และชั้นเหลน รวมเป็นเจ็ดชั่วโคตร ไม่นับผู้หญิงรวมด้วย สันนิษฐานว่าผู้หญิงน่าจะถูกริบให้เป็นข้ารับใช้พร้อมกับทรัพย์สินของผู้กระทำผิดก็เป็นได้
การปกครองบ้านเมืองของไทยสมัยโบราณ กฎการประหารฆ่าเจ็ดชั่วโคตรนั้นเป็นการนำมาใช้กับพวกคนที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อบ้านเมือง บุคคลประเภทนี้ถือว่าเป็นกบฏต้องถูกประหารชีวิต ในประวัติศาสตร์โลกยังมีการฆ่าล้างโคตรหรือล้างวงศ์ตระกูลให้เห็นในหลายประเทศ เมื่อผู้นำประเทศหรือกษัตริย์ราชวงศ์ใหม่ต้องการยึดครองอำนาจการปกครองประเทศนั้นๆ ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะต้องกำจัดวงศ์ตระกูล (โคตร) ของราชวงศ์เดิมอาจรวมถึงข้าราชบริพารแผ่นดินให้สิ้นซาก เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อสายของคนเหล่านั้นกลับมาต่อต้านหรือเป็นกบฏต่อแผ่นดิน แต่เรื่องเล่าพระคัมภีร์ในวันนี้ หนูจะได้เห็นถึงความเมตตากรุณาของกษัตริย์ดาวิดที่ทวนกระแสของสิ่งที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาโดยสิ้นเชิง
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์ (2 ซามูเอล บทที่ 9:1-13)
รูปภาพที่ 1 หลังจากที่ดาวิดได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของชาวอิส-ราเอล พระยาห์เวห์ทรงช่วยกู้ดาวิดในทุกแห่งที่พระองค์ออกไปรบ ดาวิดจึงทรงปกครองอิสราเอลทั้งสิ้นด้วยความยุติธรรมและเที่ยงธรรม วันหนึ่งดาวิดมีรับสั่ง “พงศ์พันธุ์ของซาอูลนั้นมีเหลือบ้างไหม? เพื่อเราจะแสดงความเมตตากรุณาแก่ผู้นั้นโดยเห็นแก่โยนาธาน” (ดาวิดได้เคยทำพันธสัญญากับโยนาธานเพื่อนรัก ซึ่งเป็นพระโอรสของซาอูลไว้ก่อนที่ดาวิดจะหลบหนีเอาชีวิตรอดจากการตามล่าของกษัตริย์ซาอูล พวกเขาเคยสัญญากันว่าวันใดถ้าโยนาธานตาย ขอดาวิดอย่าตัดความรักมั่นคงที่มีต่อพงศ์พันธุ์ของเขาเป็นนิจ หลังจากนั้นก่อนที่ดาวิดจะขึ้นครองราชย์ โยนาธานได้สิ้นชีวิตพร้อมกับกษัตริย์ซาอูลในสนามรบเมื่อต่อสู้กับชาวฟีลิสเตีย)
ขณะนั้นมีข้าราชบริพารคนหนึ่งของซาอูลชื่อศิบา ถูกเรียกตัวมาเข้าเฝ้าดาวิด ดาวิดพูดกับเขาว่า “เจ้าคือศิบาหรือ?” ศิบาตอบว่า “ผู้รับใช้ของพระองค์คือศิบาพ่ะย่ะค่ะ” ดาวิดจึงถามกลับว่า “ในพงศ์พันธุ์ของซาอูลมีใครเหลืออยู่บ้างไหม? เราจะได้แสดงความเมตตากรุณาของพระเจ้าต่อเขา” ศิบาจึงตอบว่า “มีโอรสของโยนาธานชื่อเมฟีโบเชทยังมีชีวิตอยู่ เท้าทั้งสองข้างของเขาเป็นง่อยพ่ะย่ะค่ะ” ดาวิดจึงถามศิบาว่า “เขาอยู่ที่ไหน?” ศิบาตอบว่า “เขาอยู่ที่บ้าน ในเมืองโลเดบาร์พ่ะย่ะค่ะ” ดาวิดจึงสั่งให้คนไปรับตัวเขามาจากเมืองโลเดบาร์
รูปภาพที่ 2 (2 ซามูเอล 4:4) เมื่อเมฟีโบเชทอายุได้เพียงห้า ขวบ ได้มีข่าวเรื่องการตายของซาอูลและโยนาธานส่งมาถึงพระราชวังที่เมฟีโบเชทอาศัยอยู่ พี่เลี้ยงอุ้มเมฟีโบเชทลุกขึ้นเพื่อหนีภัย แต่เมื่อเธอรีบหนีไปนั้นก็ทำเด็กนั้นหล่นลง และกลายเป็นง่อยตั้งแต่นั้นมา
เมื่อมีรับสั่งให้เมฟีโบเชทเข้าเฝ้ากษัตริย์ดาวิด เขาอาจตกอยู่ในความกลัว เพราะทุกคนต่างรู้ว่าหากกษัตริย์ราช วงศ์ใหม่ขึ้นครองราชย์เมื่อใด จะต้องมีธรรมเนียมปฏิบัติให้ประหารชีวิตลูกท่านหลานเธอของกษัตริย์องค์ก่อนให้สิ้นซากเพื่อพงศ์พันธุ์เหล่านั้นจะไม่ก่อการกบฏหรือคิดยึดอำนาจกลับในภายหลัง
รูปภาพที่ 3 ดังนั้นเมื่อเมฟีโบเชทบุตรโยนาธานมาเข้าเฝ้าดาวิด เขารีบย่อตัวซบหน้าลงถึงดินเพื่อแสดงความเคารพยกย่อง ดาวิดจึงพูดว่า “เมฟีโบเชทเอ๋ย!” เขาทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า ผู้รับใช้ของพระองค์อยู่ที่นี่” ดาวิดเลยบอกกับเขาว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเราจะแสดงความเมตตากรุณาต่อเจ้าเพราะเห็นแก่โยนาธานบิดาของเจ้าอย่างแน่นอน เราจะคืนที่ดินทั้งหมดของซาอูลปู่ของเจ้าให้กับเจ้า และเจ้าจะมานั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับเราเสมอ” เมฟีโบเชท กราบลงแล้วพูดว่า “ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นผู้ใดเล่า? ควรหรือที่สุนัขตายเช่นข้าจะได้รับพระกรุณาจากฝ่าพระบาท” ดาวิดจึงเรียกตัวศิบาข้าราชบริพารของซาอูลมาและพูดกับเขาว่า “เราได้ยกข้าวของทุกอย่างที่เป็นของซาอูลและพงศ์พันธุ์ของเขาให้แก่เมฟีโบเชทโอรสเจ้านายของเจ้ารวม ทั้งตัวเจ้ากับบุตรของเจ้าและคนรับใช้ จงทำไร่ไถนาให้เขาและนำพืชผลมาเพื่อเลี้ยงดูโอรสของนายเจ้า และเมฟีโบ- เชทโอรสของนายเจ้าจะร่วมโต๊ะอาหารกับเราเสมอ” ฝ่าย ศิบามีบุตรชาย 15 คนกับคนใช้ 20 คน ศิบาจึงทูลดาวิดว่า “ข้าพระบาทจะทำทุกอย่างตามที่ได้รับสั่ง”
รูปภาพที่ 4 ดังนั้นเมฟีโบเชทจึงร่วมโต๊ะเสวยกับดาวิดเหมือนเป็นโอรสของกษัตริย์องค์หนึ่ง เมฟีโบเชทมีบุตร ชายคนหนึ่งชื่อมีคา ทุกคนในครัวเรือนของศิบาเป็นคนรับใช้ของเมฟีโบเชท ตั้งแต่นั้นมาเมฟีโบเชทจึงอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มและร่วมโต๊ะอาหารกับดาวิดเสมอมา
แผนการแห่งความรอด
ความรักมั่นคงของดาวิดที่มีต่อโยนาธานนั้นยังคงอยู่เสมอ เพราะทั้งสองได้สัญญาที่จะเป็นเพื่อนแท้ต่อกัน ถึงแม้โยนาธานจะเป็นลูกของกษัตริย์ซาอูลที่เคยตามเข่นฆ่าเขา และเมฟีโบเชทจะเป็นเชื้อสายตรงของกษัตริย์ ซาอูลก็ตาม ความรักมั่นคงที่ดาวิดมีต่อโยนาธานเพื่อนรักของเขานั้นถูกส่งต่อมาถึงเมฟีโบเชท โอรสของโยนาธาน ดาวิดทรงเมตตากรุณาต่อเมฟีโบเชทและคนอื่นๆ รวมถึงคนรับใช้ในวงศ์ตระกูลของซาอูล ความเมตตากรุณานี้สะท้อนให้เห็นถึงความรักและความเมตตาของพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา” (โรม 5:8) เราคือมนุษย์ทุกคนรวมทั้งครูและหนูด้วยที่เป็นคนบาป และโทษของบาปคือความตาย แต่พระเยซูยอมสละชีวิตของพระองค์ตายบนไม้กางเขนแทนครูและหนู เพื่อเราจะได้รับการยกเว้นโทษ และสามารถกลับคืนดีกับพระเจ้าได้ นี่คือความเมตตากรุณาของพระเจ้าสำหรับมนุษย์ทุกคน
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร
พระเยซูทรงมอบความรักและความเมตตาให้กับหนูทุกวันไม่เว้นเลยสักวัน ไม่ว่าหนูจะมีหน้าตาหรือมีรูปลักษณ์อย่างไร พระเยซูทรงรักหนูในแบบที่หนูเป็น
สำหรับเด็กที่เชื่อพระเจ้าแล้ว ดังนั้นพระองค์อยากให้หนูรักคนอื่นอย่างที่พระองค์รักหนู หนูสามารถให้กำลังใจเพื่อน ใจดีกับน้อง สามารถให้อภัยคนอื่น เมื่อเขาทำผิดต่อหนู หนูสามารถช่วยเหลือพ่อแม่หรือคนอื่นๆ โดยไม่คิดว่าจะได้อะไรตอบแทน ความรักเช่นนี้แหละ คือความรักแบบไม่มีเงื่อนไขที่พระเจ้ารักหนู
สำหรับเด็กที่ยังไม่เชื่อ ครูและหนูล้วนเป็นคนที่อ่อนกำลังเหมือนเมฟีโบเชท หนูอาจจะไม่ได้พิการ ง่อยเปลี้ยเสียขาเหมือนเมฟีโบเชท แต่ครูและหนูอยู่ในฐานะที่เราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เหมือนเมฟีโบเชท ต้องรับความเมตตาของดาวิดเท่านั้นถึงจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ เช่นเดียวกับครูและหนูที่เราไม่สามารถช่วยตัวเราเองให้หลุดพ้นจากเวรกรรมที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดได้ สำหรับพระเจ้าแล้ว เวรกรรมที่หนูรู้จักก็คือความบาปที่นำเราไปสู่ความตาย ทางเดียวที่เราจะรอดจากเวรกรรม หรือบาปกรรมนี้ได้ คือหนูต้องรับเอาความเมตตากรุณาของพระเจ้าเข้ามาในชีวิตหนูเท่านั้น คือยอมรับว่าพระเยซูมาตายบนไม้กางเขนเพื่อรับโทษแทนหนู และหนูก็จะได้มีสิทธิ์เข้าเป็นครอบครัวของพระเจ้า เหมือนที่เมฟี-โบเชทได้นั่งร่วมโต๊ะเสวยกับดาวิด และเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของดาวิด หากหนูทำเช่นนี้หนูจะได้รับสิทธิเป็นบุตร เป็นครอบครัวของพระเจ้า
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่ช่วยกระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ช่วยให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน ในขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย)
- กษัตริย์ที่ปกครองชนชาติอิสราเอลคือใคร?
- เมฟีโบเชทคือใคร เขาเกี่ยวข้องกับซาอูลอย่างไร?
- ดาวิดต้องการหาคนที่เหลืออยู่ในเชื้อสายของซาอูลทำไม?
- เกิดอะไรขึ้นกับเมฟีโบเชทเมื่อเขายังเป็นเด็ก?
- ชีวิตของหนู เปรียบเทียบได้อย่างไรกับเมฟีโบเชท?
- ดาวิดแสดงความเมตตากรุณาอย่างไรบ้างต่อเมฟีโบเชท?
- ความรักเมตตาของดาวิดต่อเมฟีโบเชท คล้ายกับความรักของพระเจ้าที่แสดงต่อครูและหนูอย่างไรบ้าง?
กิจกรรม
ดอกไม้แห่งความเมตตา
สิ่งที่ต้องเตรียม:
- กระดาษ A4 คนละแผ่น
- กระดาษสีต่างๆ (ขนาด 8x8 ซม.) คนละ 5 แผ่น สำหรับตัดเป็นรูปหัวใจ
- กรรไกร กาว สีไม้ ปากกาเมจิก
วิธีทำ
- ครูแจกกระดาษ A4 ให้เด็กคนละหนึ่งแผ่น และกระดาษสีต่างๆ คนละ 5 แผ่น
- พับครึ่งกระดาษสีแล้วใช้กรรไกรตัดกระดาษให้เป็นรูปครึ่งหนึ่งของหัวใจ เมื่อคลี่กระดาษออกจะได้หัวใจเต็มดวง
- ให้เด็กเขียนวิธีการแสดงความรักเมตตา การมีน้ำใจลงไปบนหัวใจแต่ละดวงว่าเขาจะแสดงออกได้อย่างไรบ้าง จากนั้นพับหัวใจตรงแกนกลางลงครึ่งซีก เช่น ขอบคุณพ่อกับแม่ ช่วยเหลือเพื่อน กอดน้อง ฯลฯ
- นำหัวใจที่พับครึ่งมาติดให้เป็นวงกลมเหมือนกลีบดอกไม้ โดยติดหัวใจแค่ครึ่งหนึ่งที่พับไว้ เพื่ออีกครึ่งหนึ่งจะสามารถเปิดหัวใจออกเพื่ออ่านข้อความด้านในได้
- ให้เด็กวาดก้านและใบของดอกไม้ ตกแต่งให้สวยงามพร้อมกับตั้งชื่อดอกไม้
กิจกรรม
หนูเลือกที่จะรักและเมตตา
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ
- อุปกรณ์สร้างความเมตตา เช่น กระดาษทิชชู ไม้กวาด ขนม แอลกอฮอล์ล้างมือ ดอกไม้ แก้วน้ำ หรือ อื่นๆ
วิธีทำ
- วางอุปกรณ์สร้างความเมตตาต่างๆ ไว้บนโต๊ะ
- ให้เด็กๆ จับคู่กันหรือคุณครูจะจับคู่ให้ก็ได้
- ถามเด็กๆ ว่า “เราจะใช้อุปกรณ์เหล่านี้ในการแสดงความเมตตาต่อคนอื่นได้อย่างไรได้บ้าง? หรือใครจะไม่ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ก็ได้ อาจจะเป็นการแสดงความเมตตาแบบไม่ต้องใช้อุปกรณ์” (คุณครูอาจจะยกตัวอย่าง เช่น เอาทิชชูให้คนที่โบสถ์ตอนทานอาหาร, ใช้ไม้กวาดกวาดบ้านช่วยพ่อแม่, เอาขนมแบ่งเพื่อนๆ, แบ่งแอลกอฮอล์ล้างมือให้เพื่อนใช้, มอบดอกไม้ให้ผู้สูงอายุ, เสิร์ฟน้ำให้คนอื่น, ช่วยคนเปิดประตู, ช่วยคนเก็บเก้าอี้, อื่นๆ)
- ให้แต่ละคู่เลือกอุปกรณ์หนึ่งอย่างบนโต๊ะ (หรืออาจจะไม่ใช้อุปกรณ์ก็ได้แล้วแต่เด็กๆ) และเขียนลงในกระดาษว่าจะใช้อุปกรณ์อะไรพร้อมกับเขียนว่าจะใช้อุปกรณ์นั้นๆ ในการแสดงความเมตตาต่อผู้อื่นอย่างไรลงในกระดาษ โดยสิ่งเหล่านั้นต้องเป็นสิ่งที่ทำได้จริง
- ให้คุณครูรวบรวมและตรวจสอบว่าแต่ละเหตุการณ์นั้นทำได้จริง จากนั้นพับรวมสลับกัน
- ให้แต่ละคู่ออกมาหยิบกระดาษที่คุณครูได้สลับแล้วคู่ละหนึ่งแผ่นและเปิดอ่าน
- ให้แต่ละคู่แยกกันไปทำภารกิจแสดงความเมตตาที่ได้รับมอบหมายในสัปดาห์ที่จะถึง โดยให้คุณครูช่วยเด็กตามความเหมาะสม และให้เด็กออกมาแบ่งปันภารกิจที่เขาได้ไปทำในสัปดาห์ถัดไป