เมื่อกลับบ้านวันนี้หนูจะได้
- เรียนรู้จักชีวิตของพระเยซูในวัยเด็ก
- ให้ความสำคัญกับชีวิตด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายร่างกาย อารมณ์จิตใจ และฝ่ายจิตวิญญาณ
- เลียนแบบชีวิตพระเยซูในวัยเด็กที่จะเติบโตขึ้นเป็นที่ชอบต่อพระเจ้า และต่อหน้าคนทั้งปวง
ข้อท่องจำ
“พระเยซูเจริญขึ้นในด้านสติปัญญาและด้านร่างกาย เป็นที่ชอบต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าคนทั้งหลายด้วย”
- ลูกา 2:52
T I P S สำหรับคุณครู
ความสุภาพนอบน้อมและการแสดงความเคารพเป็นคุณลักษณะที่สำคัญในวัฒนธรรมไทยและสอดคล้องกับหลักคำสอนในพระคัมภีร์ เราคงอยากเห็นเด็กๆ มีความสุภาพอ่อนน้อมทั้งในคำพูดและการกระทำของเขา คุณครูสามารถปลูกฝังลักษณะนิสัยเหล่านี้ได้ในชั้นเรียน โดยการเป็นต้นแบบ เป็นตัวอย่างในคำพูดและการกระทำ เช่น การใช้คำพูดสุภาพโดยเฉพาะเวลาตักเตือนเด็กๆ การเคารพและให้เกียรติเด็กโดยการรับฟังความคิดเห็นของเด็ก การไม่ดูถูกหรือล้อเลียนสิ่งที่เด็กทำต่อหน้าเด็กคนอื่น เมื่อมีการตอบคำถามหรือแบ่งปัน ครูสามารถสอนเด็กให้เกียรติเพื่อนของตนโดยการนั่งฟังให้เพื่อนพูดจนจบก่อน ไม่พูดแทรกหรือขัดจังหวะ อย่าลืมว่าการกระทำของเรามักจะดังกว่าคำพูดเสมอ!
เกม “ต่อตัว”
วิธีเล่น
- ให้เด็กยืนเรียงตามลำดับไหล่จากต่ำไปสูง หรือสูงไปต่ำ
- แบ่งกลุ่มแล้วแต่คุณครู แต่ทุกกลุ่มต้องมีจำนวนเด็กเท่ากัน เช่น ถ้าครูต้องการให้มีจำนวน 5 กลุ่ม ให้เด็กนับ 1-5 ไล่ไปตามลำดับความสูง
- เมื่อได้จำนวนตามที่ต้องการ ให้เด็กหาวิธีในการต่อตัวให้ยาวที่สุด โดยมีข้อแม้ว่า ห้ามใช้สิ่งของอื่นนอกจากอวัยวะของสมาชิกในกลุ่มเท่านั้น หากสถานที่กลางแจ้งเอื้ออำนวย ครูอาจพาเด็กไปเล่นเกมนี้ด้านนอกก่อนเริ่มชั้นเรียน
บทนำเรื่อง “ในหลวง ร.5”
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จขึ้นครองราชย์วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุเพียง 15 พรรษา พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ได้แก่ พระองค์โปรดให้มีการเลิกทาสและไพร่ในประเทศไทย การป้องกันการเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิฝรั่งเศสและจักรวรรดิอังกฤษ ได้มีการประกาศให้มีเสรีภาพในการนับถือศาสนาในประเทศ โดยผู้นับถือศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามสามารถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ได้มีการนำระบบต่างๆ มาใช้ในประเทศไทย ได้แก่ระบบการใช้ธนบัตรและเหรียญบาท ระบบการแบ่งเขตการปกครอง ได้มีการสร้างรถไฟสายแรก คือกรุงเทพฯ - อยุธยา ทรงก่อตั้งการประปา การไฟฟ้า ไปรษณีย์โทรเลข โทรศัพท์ การสื่อสาร การรถไฟ การคมนาคม นอกจากนี้ พระองค์ทรงเห็นว่าทาสมักถูกเจ้านายกดขี่ข่มเหง มักถูกลงโทษอย่างรุนแรงโดยไม่เป็นธรรม พระองค์ทรงมีเมตตาต่อมนุษย์จึงเริ่มออกกฎหมายเพื่อการปลดปล่อยเลิกทาสอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจากการลดจำนวนทาสลง ปล่อยให้ลูกทาสเป็นอิสระ จนกระทั่งออกพระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. 124 (พ.ศ. 2448) ให้มีการห้ามซื้อขายทาสในแผ่นดินไทย และปล่อยทาสทุกคนให้เป็นอิสระ
หนูๆ ควรภาคภูมิใจที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทย มีพระมหากษัตริย์ที่มองการณ์ไกล ทำให้ประเทศไทยไม่มีการซื้อขายทาส แถมเรายังไม่เคยตกเป็นทาสของประเทศมหาอำนาจยุคล่าอาณานิคมอีกต่างหาก ประเทศอิสราเอลต่างจากประเทศไทยในเรื่องนี้ อิสราเอลเคยตกเป็นทาสของอียิปต์กว่า 400 ปี ดังนั้นอิสราเอลจึงมีวันที่พวกเขาเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาในทุกๆ ปี เพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ที่พระเจ้าได้ช่วยนำประชาชนอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ และปลดปล่อยพวกเขาออกจากการเป็นทาส
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์ (ลูกา 2:39 - 3:22)
หลังจากที่ครอบครัวของโยเซฟเดินทางกลับไปอยู่ที่เมืองนาซาเร็ธ แคว้นกาลิลี พระเยซูเติบโตขึ้นเป็นเด็กที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ พระองค์มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า พระเยซูเต็มเปี่ยมด้วยสติปัญญา และพระคุณของพระเจ้าอยู่กับพระองค์
รูปภาพที่ 1 เมื่อพระเยซูอายุ 12 ปี พระองค์ได้ร่วมเดินทางไกลไปกับครอบครัวของพระองค์ โอ้โห! ดูนั่นสิ ผู้คนมาจากไหนกันมากมาย ทุกคนกำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขามาทำอะไรกันที่กรุงเยรูซาเล็มหรือนี่? ใช่แล้ว ประชาชนอิสราเอลจะมารวมตัวกันทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา (คำว่า ปัสกา แปลว่า การผ่านเว้น) เป็นเทศกาลที่คนอิสราเอลหรือคนยิวระลึกถึงการที่พระเจ้าพระยาห์เวห์ทรงนำพวกเขาออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ ในช่วงประมาณ 1,500 ปีก่อนพระเยซูมาบังเกิด ในเวลานั้นอิสราเอลเป็นทาสอยู่ในประเทศอียิปต์กว่า 400 ปี พวกเขาวิงวอนทูลขอการช่วยกู้จากพระเจ้า พระเจ้าจึงส่งโมเสสและอาโรนมาเป็นผู้นำเจรจากับกษัตริย์ฟาโรห์ให้ปล่อยคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ แต่จนแล้วจนรอดไม่ว่าพระเจ้าจะส่งภัยพิบัติลงมาบนแผ่นดินอียิปต์ถึง 9 ครั้ง ฟาโรห์ก็มีหัวใจแข็งกระด้างไม่ยอมปล่อยคนอิสราเอลไป
รูปภาพที่ 2 จนในที่สุด พระเจ้าพระยาห์เวห์ทรงให้เกิดภัยพิบัติครั้งสุดท้ายขึ้น พระองค์สั่งให้คนอิสราเอลฆ่าลูกแกะที่ไม่มีตำหนิ แล้วเอาเลือดของลูกแกะนั้นป้ายบนวงกบประตูทั้งด้านบนและด้านข้างทั้งสองข้าง และห้ามคนอิสราเอลออกไปพ้นประตูบ้านของพวกเขาในคืนนั้นจนถึงรุ่งเช้า เพื่อพระองค์จะ“ผ่านเว้น”และจะไม่เข้าไปประหารคนในบ้านนั้น ในคืนวันนั้นเองทูตของพระเจ้าได้ประหารลูกชายหัวปีทุกคนของชาวอียิปต์ ตั้งแต่ราชบุตรหัวปีของฟาโรห์จนถึงลูกหัวปีของนักโทษในคุกมืด ไม่มีบ้านไหนเลยที่ไม่มีคนตาย ยกเว้นบ้านของคนอิสราเอลที่มีเลือดของลูกแกะทาบนวงกบประตู ทูตของพระเจ้าได้ผ่านเว้นไปและบุตรหัวปีของครอบครัวของพวกเขาก็รอดชีวิต เหตุการณ์นี้ทำให้ฟาโรห์ยอมปล่อยประชาชนชาวอิสราเอลไป หลังจากนั้นคนของพระเจ้าได้เดินทางออกจากแผ่นดินอียิปต์ ถูกปลดปล่อยจากการเป็นทาส และได้กลับคืนสู่แผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาไว้ให้กับพวกเขา ดังนั้นในช่วงเวลานี้ของทุกๆ ปี (ประมาณเดือนมีนาคมและเมษายน ใกล้เคียงกับสงกรานต์ของบ้านเรา) คนยิวก็จะร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกา และในคืนปัสกาก็จะมีการทานอาหารมื้อพิเศษ ซึ่งมีแกะที่ย่างทั้งตัว ขนมปังไร้เชื้อและผักที่มีรสขม
ฝูงชนชาวอิสราเอลมากมายพากันเดินทางเข้ากรุงเยรูซาเล็มเพื่อมาร่วมกันระลึกถึงการอัศจรรย์ที่พระเจ้าช่วยกู้พวกเขา พระเยซูและครอบครัวของพระองค์ก็รวมอยู่ในฝูงชนเหล่านี้ด้วย พวกเขาใช้เวลาฉลองเทศกาลนี้ถึง 7 วัน เมื่อครบกำหนดวันเทศกาลปัสกาแล้ว ครอบครัวของพระเยซูก็ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาของตน ส่วนพระเยซูยังคงค้างอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม แต่โยเซฟและมารีย์ไม่รู้ว่าพระเยซูยังคงอยู่ในเมือง เพราะทั้งสองคนคิดว่าลูกชายเดินทางมาพร้อมกับกลุ่มคนที่มาด้วยกัน ในวันถัดมาขณะที่ทั้งสองยังคงเดินทางอยู่นั้น ก็เริ่มออกตามหาพระเยซูจากญาติพี่น้องและกลุ่มคนที่มาด้วยกัน แต่ก็ไม่พบ ทั้งสองจึงรีบกลับไปที่กรุงเยรูซาเล็ม ทั้งสองออกตามหาพระเยซูอยู่ถึง 3 วัน จึงมาพบพระเยซูนั่งพูดคุยกับพวกอาจารย์อยู่ในพระวิหาร
รูปภาพที่ 3 (โดยปกติแล้วเด็กชาวยิวเมื่ออายุครบ 12-13 ปี ก็จะเข้าพิธีกรรมเพื่อประกาศตนว่าเป็นลูกของธรรมบัญญัติ หรือพิธีประกาศตนว่าเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ มีความ สามารถปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้าได้เหมือนผู้ใหญ่ และจะมีโอกาสเรียนรู้พระบัญญัติของพระเจ้ากับอาจารย์ที่วิหารของพระเจ้า เพราะถือว่าเป็นวัยที่ก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ส่วนเด็กที่อายุน้อยกว่า 12 ปี พ่อกับแม่จะรับหน้าที่เป็นผู้สอน ดังนั้นการที่พระเยซูจะนั่งพูดคุยหรือซักถามเกี่ยวกับพระบัญญัติของพระเจ้ากับอาจารย์ จึงเป็นเรื่องที่เด็กอายุ 12 ปีสามารถทำได้) ผู้คนมากมายที่ได้ฟังการพูดคุยของพระเยซูกับพวกอาจารย์ต่างประหลาดใจกับสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดและคำตอบของพระองค์ เมื่อ โยเซฟและมารีย์พบพระเยซูแล้ว มารีย์ได้กล่าวกับพระเยซูว่า “ลูกเอ๋ย ทำไมถึงทำกับเราอย่างนี้ ดูซิ พ่อกับแม่เที่ยวตามหาลูกด้วยความทุกข์ใจ”พระเยซูจึงตอบว่า “พ่อกับแม่ตามหาลูกทำไม พ่อกับแม่ไม่รู้หรือว่าลูกต้องอยู่ในพระนิเวศของพระบิดา (อาจมีความหมายว่า พ่อกับแม่เที่ยวเดินตามหาลูกซะจนทั่วทำไม พ่อกับแม่น่าจะรู้ว่าลูกต้องอยู่ในพระนิเวศของพระบิดา ไม่ใช่ที่อื่นแน่นอน)” แต่ทั้งสองก็ไม่เข้าใจกับสิ่งที่พระเยซูตอบ พระองค์รู้ว่าพระองค์คือพระบุตรพระเจ้า และมีเป้าหมายอะไรในการบังเกิดบนโลกมนุษย์ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการเตรียมให้โยเซฟกับ มารีย์รับรู้ว่า พระองค์ไม่ได้เหมือนกับเด็กทั่วๆไป ในภายหน้าพระองค์จะกระทำการต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามแผนการหรือพระบัญชาของพระเจ้าที่ได้ส่งพระองค์ลงมาบนโลกมนุษย์
รูปภาพที่ 4 หลังจากนั้นทุกคนก็พากันเดินทางกลับไปเมืองนาซาเร็ธ มารีย์ก็ได้แต่เก็บเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดไว้ในใจ หลายปีผ่านไปพระเยซูก็เติบโตขึ้นทั้งด้านสติปัญญาและร่างกาย และทำตามพระบัญญัติของ พระเจ้า เป็นที่โปรดปรานต่อพระเจ้าและเป็นที่รักแก่ผู้คนต่างๆ มากมาย
แผนการแห่งความรอด
ลูกแกะปัสกาเป็นภาพสะท้อนถึงแผนการไถ่อันถาวรที่พระเจ้าได้จัดเตรียมไว้ให้กับมนุษย์ เมื่อพระเยซูเติบโตขึ้นพระองค์เองจะเป็นเหมือนลูกแกะปัสกาที่จะถูกฆ่าและตรึงตายบนไม้กางเขน และโลหิตที่ไหลออกก็เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากการเป็นทาสบาป และทุกคนที่วางใจในพระองค์จะได้รับความรอด พระเยซูในวัยเยาว์รู้ว่าพระองค์เองเป็นใคร และมีเป้าหมายที่จะทำอะไร แต่ในวัยเยาว์พระเยซูแสดงถึงใจสุภาพนอบน้อมโดยการเชื่อฟังโยเซฟและมารีย์ และยอมทำสิ่งที่ควรทำในฐานะที่เป็นลูก พระเยซูทำตามพระบัญญัติของพระเจ้า ทำให้เรารู้ว่าพระองค์รักพระเจ้าและเคร่งครัดต่อการปฏิบัติตนตามแบบอย่างความเชื่อของคนยิวในสมัยนั้น พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า แต่ในขณะเดียวกันพระองค์ก็มีเลือดเนื้อเป็นมนุษย์ปุถุชน ดำเนินชีวิตในวัยเด็กเจริญเติบโตขึ้นทั้งทางร่างกาย สติปัญญาและจิตวิญญาณ
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร
ชีวิตของพระเยซูในวัยเด็กเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับหนู พระองค์เติบโตขึ้นด้านร่างกาย สติปัญญา สังคมและจิตวิญญาณ พระองค์เติบโตขึ้นในทุกๆ ด้านพร้อมๆ กัน ไม่ใช่ด้านใดด้านเดียวเท่านั้น หนูเองก็ไม่ควรสนใจชีวิตด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว เช่น เอาแต่การเรียนเพื่อจะเรียนให้เก่งๆ แต่ไม่ดูแลร่างกายของหนูเอง หรือเอาแต่เล่นกีฬาเพื่อจะเป็นนักกีฬา แต่ไม่สนใจให้เวลากับครอบครัวของหนู ฯลฯ (เปิดโอกาสให้เด็กอภิปราย) แต่หนูควรดูแลสุขภาพของหนูให้สะอาด แข็งแรง ทานอาหารที่มีประโยชน์ ฝึกทักษะชีวิตให้มีความสุภาพอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ มีน้ำใจต่อเพื่อนๆ และที่สำคัญ ไม่ลืมที่จะใช้เวลากับพระเจ้า และเชื่อฟังทำตามพระคำของพระองค์
หากหนูยังไม่เคยต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด วันนี้หนูได้รู้แล้วว่า พระเยซูเป็นผู้ที่มีใจถ่อม พระองค์เชื่อฟังพ่อแม่ในฐานะที่เป็นลูก และทำตามพระบัญญัติของพระเจ้า หนูเองก็เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ด้วยการเชื่อฟังท่าน และหนูก็ยังสามารถเป็นลูกของพระเจ้าเข้าอยู่ในครอบครัวของพระองค์ได้ ในยอห์น 1:12 กล่าวว่าคนที่เชื่อวางใจในพระเยซู พระองค์ก็จะประทานสิทธิให้เป็นลูกของพระเจ้า และจะได้เข้าเป็นครอบครัวของพระเจ้า
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่ช่วยกระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ช่วยให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน ในขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย)
- ครอบครัวของพระเยซูเดินทางไปฉลองเทศกาลปัสกาที่ไหน?
- เทศกาลปัสกาสำคัญอย่างไร?
- ลูกแกะปัสกาเป็นภาพสะท้อนถึงการไถ่ของพระเยซูได้อย่างไร?
- ทำไมโยเซฟและมารีย์ไม่รู้ว่าพระเยซูยังอยู่ที่เมืองเยรูซาเล็มหลังจากที่พวกเขาเดินทางกลับแล้ว?
- ถ้าหนูไปร่วมกิจกรรมที่มีคนมากๆ แล้วพลัดหลงกับพ่อแม่ หนูควรทำอย่างไร?
- หนูคิดว่าทำไมพระเยซูพูดว่า “พ่อกับแม่ตามหาลูกทำไม พ่อกับแม่ไม่รู้หรือว่าลูกต้องอยู่ในพระนิเวศของพระบิดา”?
- หนูคิดว่ามีอะไรบ้างที่หนูต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ชีวิตของหนูเป็นที่ชอบต่อหน้าพระเจ้า? และอะไรบ้างที่จะทำให้หนูเป็นที่ชอบต่อหน้าคนทั้งปวงหรือคนรอบข้างหนู?
กิจกรรม
ตารางกิจวัตรประจำวัน “เติบโตขึ้น”
สิ่งที่ต้องเตรียม:
- ถ่ายเอกสารตารางกิจวัตรประจำวันให้เด็กแต่ละคน
วิธีทำ
- ให้เด็กวาดรูปของตัวเองในอนาคตที่เด็กๆ ตั้งใจหรือฝันไว้ว่าอยากจะเป็นตามจินตนาการ ระบายสีให้สวยงาม
- ความฝันของเด็กจะเป็นจริงได้ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ ครูอธิบายลูกา 2:52 ว่าพระเยซูจำเริญขึ้นทั้งในด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์ และจิตวิญญาณ พระองค์เป็นที่ชอบต่อหน้าคนทั้งปวง และต่อหน้าพระเจ้าด้วย
- ให้เด็กดูตารางที่ครูแจกไปพร้อมกัน พระเยซูเป็นต้นแบบให้กับเด็กๆ ที่จะเติบโตขึ้นในทุกๆ ด้าน เด็กจะมีร่างกายแข็งแรงเติบโตด้านร่างกาย ก็ต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย เด็กจะมีสติปัญญาที่ดีก็ต้องตั้งใจเรียนรู้ และการอ่านพระคัมภีร์ และเชื่อฟังทำตาม ไม่เพียงแต่ทำให้เด็กมีปัญญา แต่ยังเป็นที่ชอบใจของพระเจ้าด้วย และการใช้เวลาอย่างมีความสุขกับครอบครัว และเรียนรู้ที่จะเล่นกับเพื่อนๆ อย่างดี ก็จะช่วยให้เด็กมีสุขภาพจิตที่ดี มีความสุข ร่าเริง แจ่มใส
- ให้เด็กนำตารางกลับบ้าน และในแต่ละวันในสัปดาห์ ให้เด็กใส่เครื่องหมาย üลงในช่องที่เด็กได้ลงมือทำ
- นำแผ่นตารางกลับมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ ในชั้นเรียนในสัปดาห์ต่อไป