เมื่อกลับบ้านวันนี้หนูจะได้
- คุ้นเคยเรื่องราวของการบังเกิดของพระเยซูและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับพระองค์
- รู้สึกชื่นชมกับการจัดเตรียมของพระเจ้าในการส่งพระเยซูคริสต์ลงมาเพื่อไถ่บาปผ่านคำพยากรณ์ของผู้เผยพระวจนะหลายคน และคำพยากรณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นจริงทุกคำ
- แบ่งปันข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูให้กับผู้อื่น
ข้อท่องจำ
“พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”
- ยอห์น 3:16
T I P S สำหรับคุณครู
เมื่อพูดถึงของขวัญ ทุกคนมักคิดถึงของขวัญที่เป็นสิ่งของจับต้องได้ แต่เคยสังเกตุไหมว่าของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา มักไม่ใช่สิ่งของ แต่มักเป็นบุคคล, เหตุการณ์หรือประสบการณ์ชีวิตที่ทำให้ชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เช่นกันในชั้นเรียนของคุณครู ครูคือสื่อการสอนที่ดีที่สุด ไม่ใช่ภาพประกอบบทเรียน กิจกรรมทำมือ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ในการสอน และของขวัญที่ดีที่สุดที่ครูสามารถยื่นให้กับเด็กๆ ได้ แน่นอนว่าไม่ใช่ของเล่น ขนม หรือตุ๊กตา แต่มันคือการหยิบยื่นพระเยซู และโอกาสที่เด็กจะได้ต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิตของเขา และเมื่อเขายินดีรับของขวัญที่ครูหยิบยื่นให้ เขาก็จะเปิดพบ “ชีวิตนิรันดร์ในพระเจ้า” ซึ่งจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา
เกม “ขี้ตู่กลางนา”
สิ่งที่ต้องเตรียม
- สิ่งของชิ้นเล็กๆ ที่เด็กจะสามารถกำได้โดยที่ผู้อื่นไม่เห็น และไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก
วิธีการเล่น
- ให้เด็กจับไม้สั้นไม้ยาว ใครได้ไม้สั้นที่สุดหรือไม้ยาวที่สุดเป็นคนทาย
- ให้คนทายไปนั่งอยู่ตรงกลางวง และให้เด็กคนอื่นๆ นั่งล้อมรอบ เด็กที่นั่งอยู่ล้อมรอบ ต้องเอามือไพล่หลังทุกคนในระหว่างที่เล่นเกม
- ให้เด็กที่เป็นคนทายหลับตา และครูนำสิ่งของหนึ่งอย่างไปใส่ในมือเด็กที่ไพล่หลังคนใดคนหนึ่ง เสร็จแล้วให้เด็กที่เป็นคนทายลืมตา
- เด็กทุกคนร้องเพลงขี้ตู่กลางนา ถ้าเด็กยังร้องไม่ได้ ให้ครูนำร้องก่อนเมื่อเพลงจบ ให้เด็กทายว่าของชิ้นนั้นอยู่ในมือใคร ให้ทายได้ 1 ครั้ง ถ้าผิดเด็กทุกคนก็ต้องร้องเพลงใหม่อีกครั้ง ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทายถูก ถ้าทายถูกแล้ว เด็กที่มีของอยู่ในมือต้องมาเป็นผู้ที่อยู่กลางวงเป็นผู้ทายแทน
หมายเหตุ ระหว่างที่เล่น เด็กที่เอามือไพล่หลังสามารถทำท่าทางหลอกล่อให้เพื่อนเข้าใจผิดได้ว่าเป็นคนที่มีสิ่งของนั้นโดยไม่ใช้เสียง ใช้เพียงท่าทางเท่านั้นโดยที่ยังมีมือไพล่หลังอยู่
เพลงประกอบ
ขี้ตู่กลางนา ขี้ตาตุ๊กแก
ขี้มูกยายแก่ ถือไม้อ้อแอ้
อยู่มือคนไหน จำไว้ให้แน่
ออระแร้ ออระชอน
บทนำเรื่อง “ดวงดาวในวรรณคดีไทย”
ครูอ่านบทกลอนจากเรื่องพระอภัยมณี ซึ่งประพันธ์โดยสุนทรภู่ ให้เด็กๆ ลองนับดูว่ามีดาวอะไรบ้างในบทกลอนนี้
“ดูโน่นแนะแม่อรุณรัศมี ตรงมือชี้ ดาวเต่า นั่นดาวไถ
โน่นดาวธงตรงหน้าอาชาไนย ดาวลูกไก่ เคียงคู่เป็นหมู่กัน
องค์อรุณทูลถามพระเจ้าป้า ที่ตรงหน้าดาวไถ ชื่อไรนั่น
นางบอกว่า ดาวธง อยู่ตรงนั้น ที่เคียงกันเป็นระนาวชื่อ ดาวโลง
แม้ดาวกา มาใกล้ในมนุษย์ จะม้วยมุดมรณาเป็นห่าโหง
ดาวดวงลำ สำเภา มีเสากระโดง สายระโยงระยางหางเสือดาว
นั่นแน่ แม่ดู ดาวจระเข้ ศีรษะเร่หกหางขั้นกลางหาว
ดาวนิดพิศพายัพดูวับวาว เขาเรียก ดาวยอดมหาจุฬามณี
หน่อนรินทร์สินสมุทรกับบุตรี เฝ้าเซ้าซี้ซักถามตามสงกา”
- เปิดโอกาสให้เด็กลองตอบกันก่อนว่ามีดาวอะไรบ้างในบทกลอนที่ครูอ่านให้ฟัง คำตอบคือในบทกลอนนี้มี ดาวเต่า ดาวไถ ดาวธง ดาวลูกไก่ ดาวโลง ดาวกา ดาวสำเภา ดาวจระเข้ และดาวยอดมหาจุฬามณี
- ถามเด็กๆ ว่ารู้จักดาวอะไรบ้างบนท้องฟ้า ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นดาวที่อยู่ในบทกลอนนี้
- โยงเข้าสู่เรื่องกษัตริย์องค์ใหม่ ในวันที่พระเยซูบังเกิดเป็นทารกน้อย มีดาวประหลาดดวงหนึ่งเกิดขึ้นบนท้องฟ้า ไม่ใช่ดาวไถ ดาวเต่าหรือดาวลูกไก่ แต่เมื่อดาวประหลาดนี้ปรากฏบนฟ้า มันมีความหมายว่าได้มีกษัตริย์องค์ใหม่บังเกิดขึ้นแล้ว นักปราชญ์ที่ศึกษาเรื่องของดวงดาวได้เห็นดาวนั้นแล้วก็เริ่มออกเดินทางตามดาวนั้นมาเพื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์ (มัทธิว 2:1-23)
รูปภาพที่ 1 พวกนักปราชญ์จากทิศตะวันออกเดินทางไกลมายังเมืองเยรูซาเล็ม และถามชาวเมืองว่า “พระกุมารผู้ที่ทรงบังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่าน และเราจึงมาเพื่อจะนมัสการท่าน” ข่าวคราวการเดินทางมาตามดาวประหลาดที่ส่องประกายระยิบระยับสุกสว่างบนท้องฟ้าของพวกนักปราชญ์ และถามหาพระกุมารที่จะเป็นกษัตริย์ของคนยิวได้ล่วงรู้ไปถึงหูของกษัตริย์เฮโรด พระองค์จึงรู้สึกวุ่นวายใจเหลือเกิน ชาวเมืองเยรูซาเล็มก็วุ่นวายใจและอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ มีคนมาถามหากษัตริย์องค์ใหม่ กษัตริย์เฮโรด จึงเรียกประชุมพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์(ผู้ที่รู้พระคำของพระเจ้าและสอนบทบัญญัติของชาวยิว) และถามพวกเขาว่า “พระคริสต์ (หรือพระเมสสิยาห์) ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งไว้ จะทรงบังเกิดที่ไหน?” พวกหัวหน้าปุโรหิตและธรรมาจารย์ทั้งหลายทูลว่า “ที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดีย เพราะว่าผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้ดังนี้ว่า ‘บ้านเบธเลเฮมในแผ่นดินยูเดีย จะไม่เป็นบ้านที่เล็กน้อยที่สุดในสายตาของพวกผู้ครองแผ่นดินยูเดีย เพราะว่าเจ้านายองค์หนึ่งจะออกมาจากท่าน ผู้ซึ่งจะครอบครองอิสราเอล ชนชาติของเรา’” (มีคาห์ 5:2)
รูปภาพที่ 2 เมื่อกษัตรย์เฮโรดรู้ว่า พระคริสต์จะมาบังเกิดที่หมู่บ้านเบธเลเฮม พระองค์จึงได้เชิญพวกนักปราชญ์ให้เข้ามาพบพระองค์อย่างลับๆ โดยไม่ให้ใครรู้ และก็สอบถามพวกนักปราชญ์ทั้งหลายถึงช่วงเวลาที่ดาวประหลาดนั้นได้ปรากฏขึ้น เมื่อรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว พระองค์พูดกับพวกนักปราชญ์เหล่านั้นว่า “จงไปตามหาพระกุมารนั้นเถิด เมื่อพบแล้วจงกลับมาแจ้งแก่เราเพื่อเราจะไปนมัสการท่านด้วย” พวกนักปราชญ์จึงไปตามที่กษัตริย์เฮโรดบอก และให้ดาวประหลาดนั้นเป็นเครื่องหมายสำคัญนำทางพวกเขา
รูปภาพที่ 3 เมื่อพวกนักปราชญ์เดินทางไปเรื่อยๆ จนถึงบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านเบธเลเฮม ดาวประหลาดที่นำทางพวกเขาก็หยุดเหนือบ้านหลังนั้น พวกนักปราชญ์เห็นเช่นนั้นก็ดีใจและรู้แน่ชัดว่า ที่บ้านหลังนี้มีพระกุมารที่พวกเขากำลังตามหา พวกเขาจึงพากันเข้าไปในบ้านและได้พบพระกุมารเยซูและมารีย์ผู้เป็นแม่ นักปราชญ์ทุกคนได้ก้มลงนมัสการ และเปิดหีบสมบัติที่พวกเขาเตรียมมาเพื่อถวายให้กับพระกุมาร ภายในนั้นมี ทองคำ กำยาน และมดยอบ (ทองคำ หมายถึงความมั่งคั่ง เป็นของขวัญที่มีค่าและเหมาะสมในการถวายแด่กษัตริย์ เท่ากับการยอมรับว่าพระกุมารเยซูบังเกิดมาเป็นกษัตริย์ ส่วนกำยานใช้สำหรับนมัสการพระเจ้าที่พระวิหาร และโดยปกติแล้วผู้ที่จะถวายกำยานนี้ คือปุโรหิต ซึ่งมีหน้าที่เป็นตัวแทนของพระเจ้า พวกเขาจะสั่งสอนประชาชนให้รู้เรื่องของพระเจ้าและกฎหมายของพระองค์ และปุโรหิตยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนเมื่ออยู่ต่อหน้าพระเจ้าด้วย เขาจะถวายเครื่องบูชาและอธิษฐานอ้อนวอนเพื่อประชาชน ซึ่งการถวายกำยานเท่ากับเป็นการยอมรับว่าพระกุมารเยซูนี้คือ ผู้ที่มาบังเกิดเป็นปุโรหิต ซึ่งเป็นคนกลางระหว่างมนุษย์บนโลกและพระเจ้าบนสวรรค์ หรืออีกนัยหนึ่งคือ พระองค์จะนำการกลับคืนดีมาให้ระหว่างมนุษย์และพระเจ้า มดยอบเป็นยาและเครื่องหอมที่ใช้ในพิธีอาบศพ เพื่อรักษาสภาพศพให้คงรูป เหมือนเป็นการเล็งเห็นถึงการตายสิ้นพระชนม์ของพระกุมารเยซูตั้งแต่แรกเกิด
หลังจากที่พวกนักปราชญ์ได้ถวายทองคำ กำยาน และมดยอบให้กับพระกุมารเยซูแล้ว ทูตสวรรค์ได้มาปรากฏกายในความฝันของพวกเขา และบอกไม่ให้พวกเขากลับไปเฝ้ากษัตริย์เฮโรดอีก พวกเขาจึงเดินทางกลับไปยังเมืองของตนเองโดยไม่ผ่านเมืองเยรูซาเล็มเลย
รูปภาพที่ 4 ในขณะเดียวกันก็มีทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งมาปรากฏกายในฝันของโยเซฟ แล้วบอกกับโยเซฟว่า “จงลุกขึ้นพาพระกุมารกับมารีย์หนีไปประเทศอียิปต์ และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า เพราะว่าเฮโรดจะแสวงหาพระกุมารเพื่อจะประหารชีวิตเสีย” เมื่อโยเซฟตื่นจากความฝัน จึงรีบพาพระกุมารเยซูกับมารีย์ออกเดินทางอพยพไปอียิปต์ทันที
ส่วนกษัตริย์เฮโรดเมื่อรู้ว่าพวกนักปราชญ์ไม่กลับมาเฝ้าอีก ก็กริ้วและออกคำสั่งให้ทหารออกไปฆ่าเด็กผู้ชายทุกคนที่อยู่ในหมู่บ้านเบธเลเฮม และหมู่บ้านใกล้เคียง ที่มีอายุน้อยกว่า 2 ขวบ เพราะพระองค์นับช่วงเวลาที่พระกุมารเยซูเกิดตามที่พวกนักปราชญ์ได้บอกไว้ เหตุการณ์นี้ก็ตรงตามที่เยเรมีย์ผู้เผยวจนะได้บอกไว้ว่า “ได้ยินเสียงในหมู่บ้านรามาห์ เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้เสียงดัง คือ นางราเชลร้องไห้คร่ำครวญเพราะบรรดาบุตรของตนนางไม่รับฟังคำปลอบใจ เพราะบุตรทั้งหลายไม่อยู่แล้ว” เยเรมีย์ 31:15 (ในสมัยของเยเรมีย์ อิสราเอลตกเป็นเชลยศึก และถูกทำลายโดยคนต่างชาติ แผ่นดินต้องสูญเสียลูกหลานอิสราเอลมากมาย เยเรมีย์ได้เขียนอ้างถึงนางราเชลในพระธรรมปฐมกาล ภรรยาของยาโคบที่เสียชีวิตตอนคลอดลูกชายชื่อเบนยามินที่เมืองรามาห์ เป็นนัยว่าแม่ของอิสราเอลได้คร่ำครวญเพราะสูญเสียลูกหลานของเขาไป และยังเป็นคำพยากรณ์ถึงเสียงคร่ำครวญร้องไห้จากการสูญเสียของบรรดาแม่ที่ลูกของตนต้องถูกฆ่าจากคำสั่งชั่วร้ายของเฮโรดด้วย)
ส่วนครอบครัวของโยเซฟได้อาศัยอยู่ที่ประเทศอียิปต์ จนกระทั่งวันหนึ่งกษัตริย์เฮโรดสิ้นพระชนม์ ทูตสวรรค์ก็มาปรากฏกายในความฝันของโยเซฟ และบอกว่า “จงลุกขึ้นพาพระกุมารกับมารดากลับมายังแผ่นดินอิสราเอล เพราะพวกที่เป็นภัยต่อชีวิตของพระกุมารนั้นตายแล้ว” สิ่งที่ทูตสวรรค์ได้บอกกับโยเซฟนั้นก็เหมือนกับที่ผู้เผยพระวจนะได้บอกไว้ว่า พระเจ้าจะเรียกบุตรของพระองค์ให้ออกมาจากอียิปต์ โยเซฟจึงพาพระกุมารเยซูกับมารีย์กลับมายังอิสราเอล แต่เมื่อเขารู้ว่าอารเคลาอัสโอรสของกษัตริย์ เฮโรดขึ้นเป็นกษัตริย์ และทูตสวรรค์ได้มาเตือนเขาอีกครั้ง โยเซฟก็ไม่กล้ากลับไปอาศัยที่เบธเลเฮ็ม ครอบครัวของเขาจึงเดินทางขึ้นเหนือไปตั้งรกรากที่เมืองนาซาเร็ธ แคว้นกาลิลี เหมือนกับที่ผู้เผยพระวจนะได้พยากรณ์ว่าพระคริสต์(หมายถึง ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้) จะมาจากนาซาเร็ธ
แผนการแห่งความรอด
พระเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง พระองค์รู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า ตั้งแต่พวกนักปราชญ์เดินทางไกลมาพร้อมกับทองคำ กำยาน และมดยอบ เพื่อถวายให้กับพระกุมารเยซู สิ่งของเหล่านี้ไม่ใช่ของที่จะมอบให้กับคนธรรมดาทั่วไป แต่เป็นการจัดเตรียมของพระเจ้าตั้งแต่วันแรกที่พระเยซูมาบังเกิด เพื่อแผนการแห่งความรอดที่พระองค์จะมาเป็นพระผู้ไถ่มนุษย์จากบาปและความตาย มีเหตุการณ์ต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นและเป็นไปตามที่ผู้เผยพระวจนะได้พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วหลายร้อยปี เช่น เสียงร้องไห้ของแม่ๆ ที่สูญเสียลูกชายเพราะถูกเฮโรดสั่งฆ่า พระเจ้าจะเรียกบุตรของพระองค์ให้ออกมาจากอียิปต์ และพระเยซูเป็นชาวนาซาเร็ธ ฯลฯ เพื่อจะทำให้ชาวยิว คนของพระองค์รู้แน่ว่า พระเจ้าได้ส่งพระเยซูลงมาบนโลก พระองค์เป็นพระคริสต์ (พระเมสสิยาห์) ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้เพื่อจะมาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของชาวยิวและคนทั่วโลก
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร
หากหนูยังไม่เคยต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด วันนี้หนูก็ได้รู้และเห็นแล้วว่า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ พระองค์เป็นผู้ควบคุมและรู้เหตุการณ์ทุกอย่าง พระเจ้าเองยังมีแผนการสำหรับทุกๆ เรื่องในชีวิตของทุกคนรวมทั้งครูและหนูด้วย หนูสามารถให้พระเจ้าเป็นผู้นำชีวิตของหนูได้เพียงแค่หนูต้องเชื่อและยอมรับให้พระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของหนู
สำหรับเด็กที่รับเชื่อแล้ว หนูจะเห็นถึงการเชื่อและวางใจของครอบครัวโยเซฟที่มีต่อพระเจ้า เห็นถึงการจัดเตรียมทุกๆ อย่างของพระเจ้าเพื่อครอบครัวของพระเยซู หนูเองก็สามารถมอบความกลัว ความกังวลใจในปัญหาทุกอย่างในชีวิตของหนูไว้กับพระเจ้าได้ เพราะพระองค์ทรงห่วงใยหนู และพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้สามารถจัดเตรียมทุกสิ่งที่จำเป็นให้ลูกของพระองค์เสมอ
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
[quads id=3]
คำถามอภิปราย
(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่ช่วยกระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ช่วยให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน ในขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย)
- ทำไมพวกนักปราชญ์จากทิศตะวันออกจึงเดินทางมายังเมืองเยรูซาเล็ม?
- ทำไมกษัตริย์เฮโรดจึงอยากรู้ว่าพระกุมารเยซูอยู่ที่ไหน?
- หนูคิดว่ากษัตริย์เฮโรดกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับเรื่องอะไร?
- พวกนักปราชญ์ถวายอะไรให้กับพระกุมารเยซู และเพราะอะไร?
- ถ้าหนูเป็นนักปราชญ์ หนูจะทำอะไรบ้างเมื่อเจอกับพระกุมารเยซู?
- ถ้าพวกนักปราชญ์กลับไปบอกกษัตริย์เฮโรด จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง?
- หนูได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าอย่างไรในบทเรียนนี้?
กิจกรรม
ดาวประหลาด (กิจกรรมทำมือ)
สิ่งที่ต้องเตรียม:
- ถุงกระดาษ (ใส่ขนมหรือกล้วยทอดแบบมีก้นหรือไม่มีก็ได้) สีอะไรก็ได้สำหรับเด็กคนละ 8 ใบ
- กรรไกร กาว
- เชือกหรือด้าย สำหรับห้อยดาว
วิธีทำ
- แจกถุงกระดาษให้เด็กแต่ละคนๆ ละ 8 ใบให้วางซ้อนทับกันขึ้นด้านบน
- ทากาวบริเวณก้นถุงใบแรกและบริเวณสันกลางของถุง หากถุงที่ใช้ไม่มีก้น ให้ทากาวในลักษณะรูปตัว T คว่ำคือทาขอบด้านล่างของถุงและทาขึ้นมาตามสันกลางของถุง (ตามรูป)
- วางถุงใบที่ 2 แปะลงบนถุงใบแรก โดยให้ถุงหันขึ้นไปในทางเดียวกัน หลังจากนั้นทากาวด้านบนของถุงใบที่ 2 ในลักษณะเดียวกันกับถุงใบแรก
- วางถุงใบต่อไปบนถุงที่ทากาว และทำเช่นนี้จนครบ 8 ใบ รอสักครู่เพื่อให้กาวแห้ง
- ใช้กรรไกรตัดปากถุงให้มีลักษณะเป็นปลายแหลม ซึ่งจะเป็นปลายแฉกของดาวประหลาดเมื่อเสร็จเรียบร้อย
- ทากาวบนถุงใบที่ 8 หรือใบด้านบนสุดเหมือนทากาวบนถุงใบอื่นๆ แต่เมื่อทากาวแล้ว ให้กางถุงออกเป็นวงกลมเพื่อให้ถุงใบสุดท้ายที่ทากาวมาประกบกับถุงใบแรก ในเวลานี้ครูอาจหนุนใจให้เด็กใจเย็นๆ จับส่วนที่ทากาวเพื่อรอให้แห้งสักครู่ เพื่อดาวที่ประกบกันจะอยู่ทรงอย่างดี
- เจาะรูร้อยเชือก หลังจากนั้นเด็กแต่ละคนจะได้ดาวประหลาดสวยงามน่าชม ไว้ประดับห้องเรียน คริสตจักร หรือจะเอาไปแขวนไว้ที่บ้านเพื่อระลึกถึงดาวประหลาดที่พระเจ้าใช้นำพวกโหราจารย์มาพบพระเยซูก็ได้
กิจกรรม
ดาวข่าวประเสริฐ (สอนแบ่งปันพระเยซู)
สิ่งที่ต้องเตรียม:
- กระดาษสีเหลือง (ถ่ายเอกสารแบบดาว)
- กรรไกร
- ปากกา
- สี
วิธีทำ
- ตัดกระดาษตามเส้นให้เป็นรูปดาว เขียนสัญลักษณ์ และคำตามภาพ (เมฆและลูกศร รางหญ้า ไม้กางเขน ใช่ ไม่ใช่ หัวใจและข้อพระคัมภีร์ ยอห์น3:16) แล้วระบายสีให้สวยงาม
- พับตามรอยจะได้เป็นรูปห้าเหลี่ยม (เหมือนในภาพ)
- สอนเด็กถึงวิธีใช้ดาวข่าวประเสริฐโดยการสาธิตให้เด็กดู และให้เด็กๆ มีโอกาสฝึกฝนกับเพื่อนในชั้นเรียน หลังจากนั้นหนุนใจให้หาโอกาสที่จะแบ่งปันข่าวประเสริฐนี้กับเพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัวของเขา
- เมฆและลูกศร ให้พูดว่า “เราเฉลิมฉลองบุตรของพระเจ้าลงมาสู่โลกมนุษย์ พระเยซูยอมจากบ้านที่สวยงามบนสวรรค์ ในพระคัมภีร์บอกเราว่า พวกเราทุกคนไม่มีใครชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย ทุกคนล้วนเป็นคนบาปรวมทั้งครูและหนูด้วย และเพราะความบาปนี้เองทำให้เราไม่สามารถมีสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า แต่ในยอห์น 3:16 ตอนแรกบอกกับเราว่า เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกคือรักทุกคนในโลกนี้ พระองค์จึงส่งพระเยซูจากสวรรค์ลงมาในโลกนี้
- รางหญ้า ให้พูดว่า “พระเยซูเกิดในคอกสัตว์ นอนในรางหญ้า พระองค์เป็นพระเจ้า บริสุทธิ์ ไม่มีบาป แต่พระองค์ยอมสละชีวิตของพระองค์ เพื่อมารับโทษบาปแทนมนุษย์ที่พระองค์รัก”
- ไม้กางเขน ให้พูดว่า “อันที่จริงแล้วครูและหนูเป็นคนบาปและสมควรได้รับการลงโทษ แต่เมื่อพระเยซูเติบโตขึ้นมา พระองค์ยอมถูกตอกตะปูตรึงไว้บนกางเขน ที่นั่นพระองค์ยอมตายเพื่อชดใช้บาปแทนหนู และแทนบาปของคนในโลกนี้”
- ยอห์น3:16 (ให้พับ “ใช่” และ “ไม่ใช่” ไปด้านหลัง ให้เห็นแต่คำว่ายอห์น3:16 อ่านหรือท่องข้อพระคัมภีร์) ให้พูดว่า “พระเจ้าบอกเราว่าพระองค์ส่งพระบุตรของพระองค์มาเพื่อตายแทนเรา พระองค์ถูกฝังและในวันที่ 3 พระองค์เป็นขึ้นจากความตาย และหลังจากนั้นพระเยซูก็เสด็จกลับขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ พระคัมภีร์ตอนนี้บอกว่า ถ้าคนที่เชื่อวางใจในพระบุตร จะไม่พินาศคือไม่ต้องพบกับความทุกข์ทรมานถูกแยกจากพระเจ้าตลอดไป แต่จะมีชีวิตนิรันดร์ หนูเองจะต้องเป็นคนที่ตัดสินใจ”
- “ใช่ - ไม่ใช่” ให้พูดว่า “หนูจะพูดว่า “ใช่ หนูรู้ว่าหนูเป็นคนบาป หนูเชื่อว่าพระเยซูเป็นบุตรของ พระเจ้าที่ตายเพื่อบาปของหนู หนูต้องการพระเยซูให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของหนู” หรือไม่ พระองค์จะยกโทษความผิดบาปของหนูและประทานของขวัญที่ล้ำค่าคือชีวิตนิรันดร์ให้หนู ถ้าหนูพูดว่า “ไม่ใช่ หนูไม่เชื่อว่าพระเยซูมาตายแทนหนู หนูก็จะต้องชดใช้ความผิดบาปด้วยตัวของหนูเอง นั่นหมายถึงความตายและความทุกข์ทรมานนิรันดร์”
- ดาว ให้พูดว่า “พระเจ้าได้ใช้ดาวประหลาดบนท้องฟ้าเพื่อประกาศการเกิดของบุตรพระเจ้าเมื่อนานมาแล้ว และในวันนี้พระเจ้าได้ใช้พระคัมภีร์เพื่อบอกหนูถึงแผนการพิเศษที่พระเจ้ามีสำหรับชีวิตของหนู หนูจะ“ต้อนรับ”พระเยซูวันนี้หรือไม่”
หมายเหตุ ให้โอกาสเด็กที่จะรับคำปรึกษาไม่ว่าคำตอบจะ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่”
แหล่งที่มา: “Pointing in the Right Direction” Evangelizing Today’s Child, May 2001—N/D’01