เมื่อกลับบ้านวันนี้หนูจะได้
- เข้าใจว่าพระคุณของพระเจ้าคือสิ่งที่มนุษย์ไม่สมควรจะได้รับ แต่เป็นความเมตตาของพระเจ้า
- ประทับใจกับการเสียสละและความกตัญญูของรูธต่อนาโอมี
- เลียนแบบชีวิตของรูธ ในการทำทุกสิ่งด้วยความเต็มใจเหมือนทำเพื่อถวายแด่พระเจ้า
ข้อท่องจำ
“คนซื่อสัตย์จะได้รับพระพรมากมาย” -สุภาษิต 28:20
T I P S สำหรับคุณครู
ในหนึ่งสัปดาห์โดยปกติทั่วไปเด็กมักใช้เวลา
- เกือบ 40 ชั่วโมงที่โรงเรียน และอีก 3-4 ชั่วโมงในการทำการบ้าน
- 10-20 ชั่วโมงหน้าจอทีวี คอมพิวเตอร์และมือถือ
- 5-10 ชั่วโมง เล่นกีฬา เล่นกลางแจ้ง หรือทำกิจกรรมพิเศษ
แต่เด็กๆ อาจมีเวลาเพียง 60-90 นาทีต่อสัปดาห์ในการเสริมสร้างจิตวิญญาณ ดังนั้น ขอให้คุณครูทำหน้าที่ของท่านด้วยถือว่าได้รับมอบหมายจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มองข้ามความสำคัญอันยิ่งยวดในการสร้างเด็กๆ ของเราให้รู้จักและรักพระเจ้า
เกม “คนแปลกหน้า”
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ดินสอ และกระดาษสำหรับเด็กทุกคน
วิธีเล่น
- แจกกระดาษและดินสอให้เด็กทุกคน และให้เด็กแต่ละคนเขียนหนึ่งสิ่งที่ไม่ธรรดาหรือแปลกประหลาดเกี่ยวกับตัวเองลงบนกระดาษโดยไม่ให้ใครเห็น โดยไม่ต้องเขียนชื่อของตัวเองลงบนกระดาษ ครูอาจร่วมเล่นเกมนี้ด้วย
- เมื่อเสร็จแล้วให้ครูรวบรวมกระดาษทั้งหมด และครูจะอ่านข้อความจากกระดาษทีละแผ่นหน้าชั้นเรียนและให้เด็กๆ ทายว่าเจ้าของความแปลกไม่ธรรมดานั้นเป็นเพื่อนคนไหนในห้องเรียน
- หลังจากทายเสร็จ อาจถามคำถามเด็กๆ ว่าเรื่องไหนที่แปลกมากที่สุด, เคยมีเด็กคนไหนเดินทางไปต่างแดนแล้วเห็นผู้คนทำอะไรที่แปลกแตกต่างจากเราไหม, เมื่อเด็กเห็นคนที่แตกต่างจากเขา เขามีท่าทีอย่างไร (ครูอาจใช้เกมนี้จะเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนได้)
บทนำเรื่อง "แก่นข้าว”
มีตำนานเรื่องเล่ากันว่าในสมัยก่อนมนุษย์เราไม่รู้จักกินข้าว คงกินแต่รำข้าว (เยื่อหุ้มเมล็ดข้าว) เมื่อทำนาได้ข้าวก็จะฝัดเอาแต่รำมากิน ส่วนเมล็ดข้าวซึ่งเรียกว่า”แก่นข้าว”จะทิ้งเป็นกองๆอยู่ทั่วไป
ต่อมามีครอบครัวที่มีลูกเล็กคนหนึ่งไม่ยอมกินรำข้าว ร้องไห้งอแงจนพ่อแม่รำคาญเลยเอาแก่นข้าวมาต้มให้เด็กกินด้วยความโมโห แต่เมื่อลูกกินเข้าไปแทนที่จะคายทิ้งกลับชอบอกชอบใจ กินอิ่มนอนหลับ จนข่าวนี้ลื่อไปทั่ว คนจึงได้หันมากินแก่นข้าวแทนรำข้าวกันตั้งแต่นั้นมาจนทุกวันนี้
คนไทยไม่ใช่ชาติเดียวที่กินข้าวเป็นอาหารหลัก ประเทศเพื่อนบ้านของเราก็กินข้าวเป็นอาหารหลักเช่นกัน หนูรู้ไหมว่าคนในสมัยพระคัมภีร์อาหารหลักของเขาก็มาจากข้าวเช่นกัน แต่เป็นข้าวคนละสายพันธุ์กับประเทศไทยของเรา ข้าวที่พวกเขากินเรียกว่าข้าวบาร์เลย์ และข้าวสาลี และธัญพืชชนิดต่างๆ
(ครูอาจเตรียมหารวงข้าวชนิดต่างๆ ให้เด็กได้มีโอกาสเห็นเมล็ดข้าวชนิดต่างๆ เช่น ข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวฟ่าง อธิบายและแสดงให้เด็กเห็นถึงวิธีการเก็บเกี่ยวข้าว ตีเมล็ดข้าวจากฟ่อนข้าว แกะข้าวเปลือกออกเพื่อให้เห็นแก่นข้าวที่อยู่ด้านใน สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น การได้สัมผัสฟ่อนข้าวธรรมดาๆ นี้อาจช่วยให้เรื่องราวในพระคัมภีร์มีชีวิตและจดจำได้ง่ายขึ้นสำหรับเด็ก)
และในวันนี้เราจะมาดูกันว่า ข้าวบาร์เลย์ได้ช่วยชีวิตครอบครัวของ นาโอมีและรูธไว้ได้อย่างไร?
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์ (นางรูธ 2:1-23)
นางนาโอมีและรูธเดินทางมาอาศัยในเมืองเบธเลเฮ็มในช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์ (ในเดือนมีนาคม-เมษายน) ด้วยความกตัญญู ปรารถนาจะดูแลเลี้ยงดูแม่ผัวของตน นางจึงพูดกับนาโอมีว่า “ขอให้ฉันไปที่ทุ่งนาเพื่อจะเก็บรวงข้าวตกตามแต่ใครจะมีใจกรุณาเถิด”
ภาพที่ 1 นาโอมีตอบนางว่า “ลูกของแม่เอ๋ย จงไปเถิด” เพราะนาโอมีรู้ว่าในธรรมเนียมชาวยิว พระเจ้าเคยบัญญัติแก่โมเสสว่า เมื่อใครเกี่ยวข้าวในนา อย่าเกี่ยวเก็บข้าวที่ขอบนาให้หมด และอย่าเก็บข้าวที่ร่วงตก จงเหลือไว้ให้คนยากจนและคนต่างด้าวบ้าง (เลวีนิติ 23:22)
ดังนั้นนางรูธจึงเข้าไปในนาของโบอาสและออกเดินตามคนเกี่ยวข้าวเพื่อคอยเก็บรวงข้าวที่ร่วงตกพื้น โบอาส ญาติข้างสามีของนางนาโอมีเมื่อเห็นรูธในนาของเขา จึงถามผู้คุมคนงานเกี่ยวข้าวของเขาว่า “หญิงสาวคนนี้เป็นคนของใคร”
ภาพที่ 2 ผู้คุมจึงตอบว่า “เธอเป็นหญิงชาวโมอับ กลับมาจากแผ่นดินโมอับพร้อมกับนาโอมี นางมาขออนุญาตเดินตามคนเกี่ยวคอยเก็บข้าวตกระหว่างฟ่อนข้าว และนางก็มาเก็บข้าวตั้งแต่เช้าจนถึงบัดนี้ และนางได้หยุดพักเพียงหน่อยหนึ่งเท่านั้น”
โบอาสจึงเดินไปหานางรูธแล้วพูดว่า “ลูกเอ๋ย ขอฟังหน่อย อย่าไปเกี่ยวข้าวที่นาอื่นหรือทิ้งนานี้ไปเสียเลย จงอยู่ใกล้ๆ สาวใช้ของฉัน ตาของเจ้าจงมองดูตามนาที่เขากำลังเก็บเกี่ยวกันอยู่ แล้วก็จงติดตามเขาไป ข้าได้สั่งพวกหนุ่มๆ มิให้รบกวนเจ้า เมื่อเจ้ากระหายน้ำก็เชิญไปที่หม้อน้ำ ดื่มน้ำซึ่งคนหนุ่มๆ ตักไว้” นางรูธก้มหน้าลงที่ดินกราบโบอาสแล้วพูดว่า “ดิฉันเป็นเพียงคนต่างด้าว ทำไมท่านถึงมีน้ำใจกับดิฉันอย่างนี้”
โบอาสจึงตอบนางว่า “ทุกอย่างที่เจ้าได้ปฏิบัติต่อแม่ผัวของเจ้าตั้งแต่สามีของเจ้าสิ้นชีวิตแล้วนั้น มีคนเล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว เจ้ายอมจากบิดามารดาและบ้านเกิดเมืองนอนของเจ้า มาอยู่กับชนชาติที่เจ้าไม่รู้จักมาก่อน ขอพระเจ้าทรงตอบแทนความดีของเจ้า และขอให้พระเจ้าของชนชาติอิสราเอลซึ่งเจ้าได้เข้ามาพึ่งพิง ทรงปูนบำเหน็จอย่างบริบูรณ์แก่เจ้า”
นางรูธจึงตอบไปว่า “เจ้านายของดิฉัน ท่านมีพระคุณต่อดิฉันมากที่สุดเพราะท่านได้พูดจาปลอบโยนใจฉัน และเมตตาเอ็นดูดิฉันทั้งๆที่ดิฉันไม่เหมาะสมแม้แต่จะเป็นคนใช้ของท่าน”
ภาพที่ 3 เมื่อถึงเวลาอาหารโบอาสก็ยังชวนให้นางรูธมานั่งร่วมวงหักขนมปังจิ้มในน้ำจิ้ม และยังส่งข้าวคั่วให้นางได้กินจนอิ่มหนำ แถมยังมีอาหารเหลือด้วย หลังอาหารเมื่อนางกลับไปเก็บร่วงข้าว โบอาสก็กำชับให้พวกคนงานหนุ่มๆ ให้ดึงรวงข้าวออกจากฟ่อนข้าวทิ้งไว้ให้นางได้เก็บข้าวที่ตกบนพื้น และอย่าว่าหรือไล่นางไปไหน
นางรูธเดินเก็บรวงข้าวที่ตกในทุ่งนาจนถึงเวลาเย็น
ภาพที่ 4 นางได้มัดข้าวเป็นฟ่อนแล้วฟาดรวบรวมข้าวบาร์เลย์ได้ประมาณ 1 เอฟาร์ (ประมาณ 10 กก.) หลังจากนั้นนางก็แบกข้าวและอาหารที่นางมีเหลือกลับบ้านและมอบให้นางนาโอมี แม่ผัวถึงกับเอ่ยปากถามนางรูธว่า “วันนี้ลูกไปเก็บเศษข้าวที่ไหนมา ลูกไปทำงานที่ไหนมา ขอให้คนที่เอาใจใส่ลูกได้รับพระพรเถิด”
นางรูธจึงตอบว่า “ชายที่ให้ลูกเข้าไปเก็บข้าวในนาของเขาชื่อว่า โบอาส”
นาโอมีพูดต่อว่า “ขอพระเจ้าอวยพรแก่ผู้นั้น ชายคนนั้นเป็นญาติคนหนึ่งของเราเอง เขาเป็นญาติสนิทที่มีสิทธิ์ไถ่เราได้”
นางรูธเล่าต่อไปว่า “เขายังบอกกับลูกว่าให้อยู่ใกล้ๆ คนงานของเขาจนกว่าฤดูเก็บเกี่ยวจะสิ้นสุดลง”
นาโอมีจึงเอ่ยว่า “ดีแล้วลูกของแม่เอ๋ย ที่เจ้าจะไปทำงานกับสาวใช้ของโบอาส เกรงว่าถ้าไปยังที่นาอื่น เจ้าอาจถูกคนทำร้ายเอาได้”
แผนการแห่งความรอด
ความรักเสียสละที่รูธมีต่อแม่ม่ายนาโอมี และความเมตตาของโบอาสที่มีต่อรูธหญิงต่างชาติ สะท้อนให้เห็นภาพความรักเมตตาของพระเจ้าที่มีพระคุณต่อชีวิตของครูและหนู ซึ่งเป็นคนผิดบาปสมควรจะได้รับการลงโทษ แต่พระเยซูกลับเต็มใจเสียสละพระองค์เองมาตายบนไม้กางเขนเพื่อคนบาปอย่างครูและหนู หากหนูเชื่อวางใจในพระเยซูแทนที่จะได้รับการลงโทษกลับได้รับของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ เหมือนกับตอนที่นางรูธพูดกับโบอาสว่า “ข้าเป็นเพียงหญิงต่างด้าว ทำไมท่านถึงมีน้ำใจต่อดิฉันอย่างนี้” พระคุณของพระเจ้าคือสิ่งที่เราไม่สมควรจะได้รับ แต่พระเจ้าหยิบยื่นให้ครูและหนูโดยไม่คิดมูลค่าใดๆ
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร
ภาพที่ 5 การออกไปเดินเก็บข้าวตกในทุ่งนา อาจดูเหมือนเป็นงานเล็กน้อย ไม่มีเกียรติ แต่การที่นางรูธทำด้วยความกตัญญูและเสียสละตนเองเพื่อดูแลแม่สามีนั้นยิ่งใหญ่มากในสายตาของพระเจ้า หนูสามารถเลียนแบบชีวิตของนางรูธที่รักดูแลครอบครัวของนาง และทุ่มเททำงานที่เขาสามารถทำได้อย่างสุดกำลัง เช่น ถ้าหนูเป็นนักเรียน หนูสามารถตั้งใจเรียนหนังสือและทำการบ้านที่ได้รับมอบหมายอย่างสุดความสามารถของหนูให้เหมือนหนูทำเพื่อถวายพระเจ้า ถ้าหนูช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน หนูก็ควรทำด้วยความตั้งใจและใส่ใจเหมือนทำเพื่อถวายพระเจ้าเช่นกัน (เปิดโอกาสให้เด็กแบ่งปันหน้าที่รับผิดชอบของเขา) พระคัมภีร์สัญญากับเราว่า คนที่ซื่อสัตย์ในสิ่งที่พระเจ้ามอบหมายให้ จะได้รับพระพรมากมาย
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
- นางรูธได้แสดงความรักกตัญญูต่อนาโอมีอย่างไร?
- ธรรมเนียมของชาวยิวที่พระเจ้าได้บัญญัติไว้เกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวข้าวในทุ่งนาคืออะไร?
- นางรูธได้เข้าไปในนาของใคร?
- โบอาสทำอะไรเมื่อพบนางรูธและได้ยินเรื่องราวของเธอกับแม่สามี?
- ความเมตตาของโบอาสต่อนางรูธแสดงให้เราเห็นภาพอะไรเกี่ยวกับพระเจ้า?
- หากหนูเป็นนางรูธ หนูจะช่วยนาโอมีเหมือนที่รูธทำไหม? หรือหนูจะทำอะไรที่แตกต่างออกไป? อย่างไร? (เปิดโอกาสให้เด็กได้ลองคิดวิธีต่างๆ ในการตอบแทนผู้มีพระคุณ)
- หนูประทับใจกับบทเรียนในวันนี้อย่างไรบ้าง?
กิจกรรม
ที่คั่นหนังสือ “เมล็ดข้าวช่วยชีวิต”
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กระดาษแข็งสำหรับถ่ายเอกสารรูปรวงข้าว
- ที่เจาะกระดาษ
- ริบบิ้นผ้าสีเหลืองหรือสีทอง ขนาดกว้าง 2 ซม.
- กรรไกร
วิธีทำ
- ครูถ่ายเอกสารรูปรวงข้าว (ตามแบบท้ายบทเรียนหน้า 28) ลงบนกระดาษแข็งสีอะไรก็ได้ตามชอบ กระดาษ A4 จะสามารถตัดเป็นที่คั่นหนังสือได้ 4 ชิ้น
- ก่อนเริ่มชั้นเรียน ครูเตรียมเจาะรูบนที่คั่นหนังสือตามรูป และตัดริบบิ้นสำหรับเด็กแต่ละคนให้มีความยาวเส้นละ 3 ฟุต
- เด็กแต่ละคนจะได้ที่คั่นหนังสือคนละ 1 ชิ้นพร้อมริบบิ้นคนละ 1 เส้น
- ให้เด็กใช้สก๊อตเทปใสพันปลายริบบิ้นเพื่อจะง่ายในการร้อยริบบิ้นไปตามรูบนรูปรวงข้าวที่เจาะไว้
- เริ่มร้อยริบบิ้นจากด้านล่างขึ้นจนสุดปลายรวงข้าวแล้วกลับลงมาอีกฝั่งหนึ่ง
- เมื่อร้อยริบบิ้นเสร็จเรียบร้อย ใช้สก๊อตเทปปิดเพื่อเก็บริบบิ้นไว้ด้านหลัง
- เจาะรูด้านบนและผูกริบบิ้นด้านบนที่คั่นหนังสือเพื่อความสวยงาม
- เด็กสามารถใช้ที่คั่นหนังสือนี้กับพระคัมภีร์หรือหนังสืออื่นๆ เพื่อให้เขาระลึกถึงเรื่องของนางรูธ และความจริงในพระคัมภีร์ที่ว่า คนซื่อสัตย์ พระเจ้าจะอวยพรอย่างมากมาย