เมื่อกลับบ้านวันนี้หนูจะได้
- รู้ว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ และเป็นกษัตริย์ที่แท้จริงของเราทุกคน ไม่เหมือนกษัตริย์องค์ใดในโลก
- เข้าใจว่าพระเจ้าต้องการให้หนูแสวงหาพระองค์ และให้พระองค์เป็นกษัตริย์ผู้ปกครองสูงสูดในชีวิตของหนู
- เลือกพระเจ้าให้เป็นที่หนึ่งในชีวิตและไม่ดำเนินชีวิตตามกระแสนิยมของโลกนี้
ข้อท่องจำ
“แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้”
- มัทธิว 6:33
T I P S สำหรับคุณครู
“จงให้ทุกสิ่งมีความเหมาะสมและเป็นระเบียบ” 1 โครินธ์ 14:40 ห้องเรียนหรือสภาพแวดล้อมของชั้นเรียนมีความสำคัญต่อการเรียนการสอนไม่แพ้เรื่องอื่นๆ หากคุณครูจัดห้องเรียนให้สะอาด สดใส อุณหภูมิของห้องไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป ที่นั่งของเด็กๆ ไม่หันหน้าสู้แสง หรือหันไปหาหน้าต่างที่มีคนเดินไปมาพลุกพล่าน สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อการเรียนการสอนของคุณครูทั้งหมด รวมไปถึงการจัดตารางลำดับการเรียนการสอนในแต่ละสัปดาห์ เพื่อความพร้อมของคุณครูและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรับผิดชอบในแต่ละช่วงรายการ ก็จะสามารถลดปัญหาวินัยในชั้นเรียนได้อย่างเหลือเชื่อ ดังนั้นคุณครูควรสังเกตและยืดหยุ่นที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบของห้องเรียน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของเด็กๆ ในชั้นเรียนของเรา
เกม “เป่ายิงฉุบชิงบัลลังค์”
สิ่งที่ต้องเตรียม
- เก้าอี้
- มงกุฎของพระราชา (คุณครูต้องทำเตรียมไว้)
- เครื่องตกแต่งที่นั่ง เช่นผ้าห่มคลุมเก้าอี้, คทา ฯลฯ
- กระดาษที่เขียนเลข 1, 2 และ 3 เพื่อนำมาวางที่พื้น
วิธีการเล่น
- ให้เด็กทุกคน โอน้อยออกเพื่อเลือก 1 คน ที่จะมาเป็นพระราชา (หรือถ้าเด็กในห้องเยอะ อาจจะมีพระราชา 1 คนและพระราชินี 1 คนก็ได้)
- ให้พระราชานั่งประจำที่ ด้านหน้าให้วางกระดาษ 1, 2, 3 เป็นด่านแต่ละด่าน เหมือนป้อมปราการป้องกันบัลลังค์ และเด็กที่เหลือให้ยืนเรียงต่อแถวจากด่านแรกคือด่านที่ห่างจากเก้าอี้มากที่สุด แต่ละด่านอาจห่างกัน 1 เมตร
- โดยให้เด็กคนที่อยู่หัวแถวเป่ายิงฉุบกับพระราชา ถ้าชนะพระราชาให้เดินขึ้นไปด่านที่ใกล้ถัดไป แต่ถ้าแพ้ให้เดินไปต่อแถวหลังเพื่อน
- ใครสามารถเป่ายิงฉุบชนะฝ่าป้อมปราการถึงด่านที่ใกล้พระราชาที่สุดได้ จะได้ขึ้นเป็นพระราชาแทน
บทนำเรื่อง
ระบอบการปกครองในโลกปัจจุบันมีอยู่หลากหลายแบบ เช่นระบอบประชาธิปไตยคือการปกครองซึ่งประชาชนเป็นผู้ใช้สิทธิหรือเสียงเลือกตัวแทนผู้ปกครองที่จะทำหน้าที่ออกกฎหมายและปกครองบ้านเมือง เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เป็นต้น บางประเทศมีระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์โดยมีรัฐบาลกลางเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในมือ คล้ายกับระบบเผด็จการคือมีผู้นำที่กุมอำนาจเด็ดขาดในมือ เช่น ประเทศจีน คิวบา และเกาหลีเหนือ
การปกครองที่กล่าวมาข้างต้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ปัจจุบันที่เกิดความวุ่นวาย ความขัดแย้งทางการเมือง การจลาจล หรือถ้ารุนแรงขึ้นก็กลายเป็นสงครามกลางเมือง มักจะมีสาเหตุมาจากผู้นำประเทศที่มักจะลุ่มหลงกับเงินทอง อำนาจ มนุษย์ซึ่งมีธรรมชาติบาปหรือแนวโน้มที่จะทำบาป ไม่สมบูรณ์ มักจะตกลงในการทดลอง และนำประเทศไปสู่ความหายนะ
แท้ที่จริงแล้วยังมีระบอบการปกครองอีกแบบหนึ่งที่เด็กๆยังไม่เคยรู้มาก่อน นั่นคือการปกครองแบบเทวาธิปไตย เป็นระบอบการปกครองที่มีพระเจ้าเป็นผู้ปกครองเหนือประชาชนของพระองค์ เหมือนอย่างในสมัยอิสราเอลโดยมีผู้วินิจฉัยหรือผู้รับใช้ถือเป็นตัวแทนของพระเจ้าในการนำชนชาติอิสราเอล เป็นการปกครองที่ไม่มีวันล้มเหลว เพราะพระเจ้าเป็นพระเจ้าที่สมบูรณ์แบบ สัพพัญญูรอบรู้ทุกสิ่ง และมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์ (1 ซามูเอล 8:1-10:27, 13:1-15)
รูปภาพที่ 1 เมื่อซามูเอลเป็นผู้นำอิสราเอลมานาน เขาก็เริ่มแก่และชรามากขึ้น เขาเลยได้แต่งตั้งบุตรชายทั้งสองของเขา ชื่อโยเอลและอาบียาห์ให้เป็นผู้นำอิสราเอล แต่ทั้งสองไม่ได้ดำเนินตามแบบอย่างของซามูเอลพ่อของเขา พวกเขาโลภในเงินทอง รับสินบน และบิดเบือนความยุติธรรม พวกผู้อาวุโสจึงรวมตัวกันและพบซามูเอล พวกเขาพูดว่า “ท่านแก่มากแล้ว ลูกๆ ของท่านก็ไม่ได้ดำเนินตามอย่างท่าน บัดนี้ขอให้ท่านแต่งตั้งกษัตริย์ขึ้นมานำเราเหมือนประชาชาติอื่นๆ ทั้งปวงเถิด”
รูปภาพที่ 2 ซามูเอลก็รู้สึกไม่พอใจ จึงอธิษฐานกับพระเจ้า พระเจ้าพูดกับซามูเอลว่า “จงฟังทุกสิ่งที่พวกเขาบอกเถิด เพราะพวกเขาไม่ได้ทอดทิ้งเจ้าแต่ทอดทิ้งเรา และไม่ต้อง การให้เราเป็นกษัตริย์ของพวกเขา นับตั้งแต่เราพาพวกเขาออกมาจากอียิปต์ พวกเขาก็ทอดทิ้งเราอยู่เสมอและหันไปหาพระอื่นๆ พวกเขาก็กำลังทำกับเจ้าอย่างเดียวกัน บัดนี้จงรับฟังพวกเขา แต่จงเตือนพวกเขาให้รู้ว่ากษัตริย์ที่จะมาปกครองพวกเขานั้นจะทำสิ่งใดบ้าง” ซามูเอลจึงแจ้งสิ่งที่พระเจ้าได้พูดกับเขาให้แก่บรรดาประชาชนว่า “กษัตริย์ที่จะปกครองพวกท่านจะมีสิทธิ์ครอบครองเหนือพวกเจ้า
- เขาจะเกณฑ์บรรดาบุตรชายของท่านให้เป็นพลทหารของเขา ให้บางคนมาไถนาและเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ของเขา บางคนทำอาวุธไว้ใช้ทำศึก เขาจะเกณฑ์บุตรสาวของพวกท่านไปทำงานในครัว ทำขนม
- เขาจะริบพืชผลส่วนที่ดีที่สุดจากทุ่งนา จากสวนองุ่น และสวนมะกอกของท่าน แล้วแจกจ่ายให้กับคนของเขา เขาจะเอาวัวลาที่ดีที่สุดของท่านไปใช้สอย
- และท่านเองจะตกเป็นทาสของเขา
เมื่อถึงวันนั้นท่านจะวอนขอการปลดปล่อยจากกษัตริย์ที่ท่านเลือก แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงตอบ” แต่ประชากรก็ไม่ฟังคำเตือนของซามูเอล พวกเขายังยืนยันว่าพวกเขาต้องการกษัตริย์ปกครองเหนือพวกเขาเหมือนคนต่างชาติ ซามูเอลจึงบอกให้ทุกคนกลับไปยังเมืองของตน
มีชายคนหนึ่งชื่อคีช บุตรชายคนหนึ่งของเขาชื่อ ซาอูล เป็นคนหนุ่มรูปงาม เขาสูงกว่าประชาชนตั้งแต่บ่าขึ้นไป วันหนึ่งฝูงลาของคีชหายไป เขาจึงสั่งให้ซาอูลออกตามหาลาที่หายไป แต่เขาก็ไม่พบ เมื่อซาอูลเดินทางมาถึงดินแดนศูฟ ขณะกำลังเดินเข้าเมืองเขาก็ได้พบกับซามูเอล ก่อนหน้านี้พระเจ้าได้สำแดงแก่ซามูเอลแล้วว่า “วันพรุ่งนี้จะมีชายคนหนึ่งมาหาเจ้า จงเจิมคนนั้นให้เป็นผู้นำอิสราเอล เขาจะช่วยอิสราเอลให้รอดพ้นจากชาวฟีลิสเตีย” เมื่อซามู เอลเห็นซาอูล พระเจ้าก็บอกว่า “คนนี้แหละที่เราบอกเจ้าไว้ เขาจะปกครองประชากรของเรา” ซามูเอลก็เทน้ำมันชโลมศีรษะของซาอูล จูบเขาและกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเจิมตั้งท่านให้เป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของพระองค์ แล้วซามูเอลก็ทำนายถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าต่างๆ ที่ซาอูลจะพบเจอ ก่อนจะจากกันซามูเอลได้พูดว่า “พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า จะลงมาสวมทับท่านด้วยฤทธานุภาพ และท่านจะเปลี่ยนเป็นคนละคน เมื่อสำเร็จตามหมายสำคัญต่างๆ เหล่านี้แล้ว จงทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นภาระหน้าที่ของท่านเถิด เพราะพระเจ้าสถิตกับท่าน”
หลังจากนั้นซามูเอลสั่งซาอูลว่า “จงเดินทางไปรอเราก่อนที่เมืองกิลกาล ดูเถิดข้าจะมาหาท่านเพื่อถวายเครื่องบูชา ท่านจงรอคอยเราอยู่ที่นั่นเจ็ดวันจนกว่าเราจะมาหาท่าน แล้วเราจะบอกให้ท่านรู้ว่าท่านควรทำอะไร” ขณะที่ซาอูลหันหลังไปจากซามูเอล พระเจ้าทรงเปลี่ยน แปลงจิตใจของซาอูล และหมายสำคัญทั้งปวงก็เป็นจริงในวันนั้น
รูปภาพที่ 3 ซามูเอลได้เรียกชาวอิสราเอลมา และพูดกับพวกเขาว่า “พระเจ้าพูดว่า ‘เราได้นำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์ และกอบกู้พวกเจ้าจากอำนาจของอียิปต์และอาณาจักรทั้งปวงที่กดขี่ข่มเหงเจ้า’ แต่บัดนี้ท่านทอดทิ้งพระเจ้าของท่าน ผู้ทรงช่วยท่านจากภัยพิบัติและความทุกข์ยากทั้งปวง และพวกท่านกล่าวว่า ‘ขอให้ตั้งกษัตริย์ปกครองเรา’ ฉะนั้นจงแสดงตัวต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทีละเผ่าทีละตระกูล” เมื่อซามูเอลนำทุกเผ่ามาแล้ว ก็ได้เลือกเผ่าเบนยามิน จากนั้นซามูเอลนำแต่ละตระกูลมา ก็ได้เลือกตระกูลมัตรี และในที่สุดได้เลือกซาอูลบุตรของคีช แต่เมื่อเขามองหาซาอูลไม่พบ คนเหล่านั้นจึงถามพระเจ้าว่า “เขามาถึงที่นี่แล้วหรือยัง?” พระเจ้าตอบว่า “มาแล้ว เขาซ่อนตัวอยู่ในกองสัมภาระ” พวกเขาไปนำตัวซาอูล ออกมา เขาตัวสูงกว่าคนอื่นๆ ซามูเอลบอกกับประชากรว่า “ท่านเห็นคนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสรรหรือไม่? ไม่มีผู้ใดเหมือนเขาอีกแล้วในหมู่ประชากร” แล้วประชากรทั้งปวงโห่ร้องว่า “ขอกษัตริย์จงทรงพระเจริญ!” ซาอูลมีอายุได้สามสิบปีเมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์
รูปภาพที่ 4 หลังจากที่ซาอูลได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ในเวลานั้นชาวฟีลิสเตียเกลียดชังชาวอิสราเอลมาก จึงรวมตัวกันมาสู้กับอิสราเอล เมื่อชาวอิสราเอลเห็นกองทัพของตนถูกตีอย่างหนักก็หนีซ่อนตัวตามถ้ำ ซาอูลรออยู่เจ็ดวันตามที่ ซามูเอลกำหนดไว้เพราะซามูเอลสัญญาว่าจะกลับมาถวายเครื่องบูชาด้วยตัวของเขาเอง แต่เมื่อซามูเอลยังไม่มา ซาอูลจึงสั่งว่า “จงนำเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชามา” แล้วซาอูลก็จัดการถวายเครื่องเผาบูชา ทันทีที่ถวายเสร็จ ซามูเอลก็มาถึงพร้อมกับพูดว่า “ท่านทำอะไรลงไปแล้วนี่?” ซาอูลตอบว่า “ข้าเห็นทหารของเรากระจัดกระ จายไป และท่านไม่มาตามเวลาที่กำหนดไว้ เราเองก็ยังไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องถวายเครื่องเผาบูชา” ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นคำแก้ตัวที่มีเหตุมีผล แต่อันที่จริงแล้วผู้ที่จะถวายเครื่องบูชาได้คือปุโรหิตผู้แทนของพระเจ้าเท่านั้นไม่ใช่หน้าที่ของกษัตริย์ เมื่อซาอูลเห็นสถานการณ์ไม่ดี เขารีบตัดสินใจทำตามความคิดในใจของตัวเองและคิดจะควบคุมสถานการณ์ด้วยตัวของเขาเอง แทนที่จะเลือกวางใจในพระเจ้าและเชื่อฟังรอคอยให้ซามูเอลมาถวายเครื่องเผาบูชาอย่างที่เขาได้กำกับสั่งไว้แล้ว ซาอูลในเวลานั้นเลือกที่จะทำตามความ คิดของตนเองเพราะคิดว่าตัวเองเป็นกษัตริย์แล้ว และละ เลยที่จะเชื่อฟังทำตามคำสั่งของซามูเอลซึ่งเปรียบเสมือนเป็นบัญชาของพระเจ้า
ซามูเอลก็ตำหนิซาอูลว่า “ท่านทำตัวโง่เขลา ท่านไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้า บัดนี้อาณาจักรของท่านจะไม่ยั่งยืน (หมายถึงพงศ์พันธุ์ของซาอูลจะไม่รับการสืบทอดให้เป็นกษัตริย์อีกต่อไป) พระเจ้าได้เลือกคนที่พระองค์ทรงชอบพระทัย และทรงแต่งตั้งเขาให้เป็นผู้นำประชากรของพระองค์ เนื่องจากท่านไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า”
แผนการแห่งความรอด
ชนชาติอิสราเอลน่าจะเป็นตัวอย่างของความดื้อด้านของมนุษย์ ทุกครั้งที่พวกเขาตกทุกข์ได้ยาก เขาจะร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า แต่หลังจากที่พระเจ้าช่วยพวกเขาแล้ว พวกเขากลับละเลยพระเจ้าไป พวกเขาลืมไปว่าอันที่จริงเขามีกษัตริย์ผู้นำที่ดีที่สุดในโลก ไม่มีกษัตริย์ของชาติไหนจะดีไปกว่า กษัตริย์องค์นั้นคือพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ของพวกเขา แต่ไม่ว่าพวกเขาจะดื้อด้านต่อต้านพระองค์แค่ไหน ในเยเรมีย์ 31:3 พระเจ้าพูดต่อคนอิสราเอลว่า “เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เพราะฉะนั้นเราจึงนำเจ้ามาด้วยความรักมั่นคง” พระเจ้ามีพระคุณมากเหลือล้นต่อชนชาติอิสราเอล และต่อมนุษย์ทุกคนที่พระองค์ทรงสร้าง ไม่ว่าเราจะผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า สมควรได้รับโทษ และไม่สมควรได้รับการอภัย แต่ความรักและพระเมตตาของพระเจ้าต่ออิสราเอลและต่อมนุษย์ทุกคน รวมถึงครูและหนู ก็ยังพร้อมที่จะยกโทษอภัยบาปต่อคนที่หันกลับมาและแสวงหาพระองค์
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร
หนูเคยอยากได้อะไรบางอย่างเหมือนอย่างคนอื่นๆ บนโลกนี้ไหม? มันอาจไม่ผิดที่เราจะอยากจะได้อะไรที่โลกนิยม แต่หนึ่งสิ่งที่หนูจะระมัดระวังคือกระแสค่านิยมของโลกนี้หลายครั้งมันทำให้หนูห่างเหินจากพระเจ้า หรือบ่อยครั้งที่มันสามารถดึงดูดให้หนูตกอยู่ในการทดลองที่จะทำสิ่งที่ไม่ดี ทำบาปและทำให้หนูสูญเสียสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าไป เช่น เมื่อหนูเลือกทำสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย ให้กระแสค่า นิยมของโลกนี้มีความสำคัญกว่าพระเจ้า (เปิดโอกาสให้เด็กแบ่งปันว่ามีอะไรที่เป็นค่านิยมของโลกที่พระเจ้าไม่พอพระทัย)
พระองค์ทรงรักหนูมาก พระองค์ทรงรู้ว่าอะไรดีและไม่ดีสำหรับหนู ถึงหนูอยากจะได้อะไรก็อย่าให้สิ่งเหล่านั้นมาแทนที่ที่ของพระเจ้า หรือเข้ามาแทรก แซงตำแหน่งของพระเจ้าไป เพราะบางสิ่งที่โลกคิดว่าดี ความจริงแล้วมันอาจจะเป็นหลุมพรางทำให้หนูหลงทางไปก็ได้ พระเจ้าต้องการหัวใจของหนู วันนี้ให้หนูเลือก ที่จะให้พระเจ้ามาเป็นที่หนึ่งในชีวิตของหนู และระมัดระวังในการดำเนินชีวิตอย่างเด็กที่มีปัญญา
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่ช่วยกระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ช่วยให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน เพื่อเด็กๆ จะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นในเวลาเดียวกัน)
- ทำไมอิสราเอลถึงอยากได้กษัตริย์?
- เมื่อลูกชายของซามูเอลไม่เดินตามแบบอย่างของซามูเอล ทำให้ประชาชนเริ่มกังวลเรื่องผู้นำของพวกเขา หนูคิดว่า พวกเขาสามารถแก้ปัญหานี้อย่างไรบ้าง โดยไม่ทำให้พระเจ้าเสียใจ?
- ซามูเอลตอบสนองอย่างไรเมื่อได้ยินว่าอิสราเอลอยากได้กษัตริย์?
- พระเจ้าตอบซามูเอลอย่างไรเมื่อรู้ว่าประชากรของพระองค์ต้องการกษัตริย์?
- พระเจ้าเตือนประชาชนว่ากษัตริย์ที่จะมาปกครองเหนือพวกเขาจะใช้สิทธิ์ของเขาทำอะไรบ้างต่อประชาชน?
- ทั้งๆ ที่ประชาชนได้ฟังคำเตือนเกี่ยวกับกษัตริย์แล้ว หนูคิดว่าทำไมพวกเขาก็ยังไม่ยอมฟังคำเตือนเหล่านั้น?
- ซาอูลทำอะไรที่เป็นเหตุให้พระเจ้าไม่พอใจและจะตัดพงศ์พันธุ์ของเขาออกจากการเป็นกษัตริย์?
- หนูได้เรียนรู้อะไรจากชีวิตของซามูเอลและซาอูล?
กิจกรรม
พระราชาของฉัน
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กระดาษที่มีแบบมงกุฎสำหรับเด็กแต่ละคน
- กระดาษสีต่างๆ และลูกปัดเพชรพลอยเทียม (หากมี) สำหรับตกแต่ง
- สี
- กรรไกร
- กาว
วิธีทำ
- คุณครูแจกกระดาษที่มีแบบมงกุฎให้เด็กแต่ละคน แบบมงกุฎแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่เป็นแถบเรียบๆ 2 ส่วนล่างจะเป็นแถบที่ทากาวแล้วต่อมงกุฎด้านข้างทั้งสองข้าง เพื่อให้มงกุฏสามารถคาดรอบศีรษะของเด็กได้
- ตกแต่งด้วยการระบายสี หรือ ตัดกระดาษสีเป็นรูปต่างๆ แล้วแปะบนมงกุฎ
- ตัดมงกุฎและแถบทั้งสองข้างตามลายเส้น นำขอบกระดาษของทั้งสองฝั่งประกบปลายติดกันตามขนาดของหัวเด็กคนนั้นๆ เพื่อประกอบเป็นมงกุฎ
- ชี้ให้เด็กเห็นว่า พระเจ้าเป็นพระผู้สร้างชีวิตของเรา พระองค์รู้ดีว่าอะไรดีและไม่ดีสำหรับเรา และปรารถนาที่จะเป็นกษัตริย์หรือราชาครองหัวใจของเรา ขอให้เด็กๆ เองตั้งใจให้พระองค์เป็นที่หนึ่งในชีวิตของพวกเขา