เมื่อกลับบ้านวันนี้หนูจะได้
- เห็นแผนการทรงไถ่ของพระเจ้า ผ่านทางเชื้อสายของนางรูธไปถึงเชื้อสายของดาวิด ซึ่งเป็นต้นตระกูลของพระเยซู
- อัศจรรย์ใจถึงแผนการของพระเจ้าที่เกินความคาดหมายในการช่วยเหลือนางนาโอมีและรูธ
- ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์มีฤทธิ์สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่ไม่ดีให้กลายเป็นดีได้อย่างอัศจรรย์
ข้อท่องจำ
“เรารู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์” -โรม 8:28
T I P S สำหรับคุณครู
มาฟังเด็กนักเรียนอายุ 16 ปีให้ความเห็นว่าครูที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร
- สอนอย่างน่าสนใจ และน่าติดตาม
- เตรียมตัวสอนมาอย่างดี
- ให้เด็กทุกคนมีส่วนรวมในชั้นเรียน
- ยุติธรรมไม่ลำเอียง ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
- เข้มงวด แต่มีใจเมตตา
- ช่วยทบทวนบทเรียนให้นักเรียนสามารถจำได้
(ความเห็นของนักเรียนคนหนึ่งจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด, สหรัฐอเมริกา)
เกม “ตามล่าหาผู้ไถ่”
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ผ้าปิดตาสำหรับเด็กทุกคน
- ฉิ่งหรือไม้เคาะ 1 ชุด
วิธีเล่น
- ให้เด็กเลือกผู้ไถ่มา 1 คน อาจใช้วิธีจับไม้สั้นไม้ยาว หรือ โอน้อยออก
- ขีดวงกลมลงบนพื้น ผู้เล่นทุกคนต้องอยู่ในวงกลมนี้
- ใช้ผ้าผูกปิดตาเด็กทุกคน ยกเว้นคนที่เป็นผู้ไถ่
- ผู้ไถ่จะให้เสียง เช่น ตีฉิ่ง หรือ เคาะไม้
- คนอื่นๆ ที่ปิดตาต้องพยายามหาตัวผู้ไถ่ด้วยการฟังเสียง และตามเสียงนั้นไป
- คนที่หาตัวผู้ไถ่เจอ จะได้เป็นผู้ไถ่แทนต่อไป
- ขณะเล่น ห้ามผู้ไถ่เดินออกนอกเส้นวงกลม
บทนำเรื่อง "ตำนานรักขนมครก”
ไอ้กะทิหนุ่มน้อยแห่งดงมะพร้าวเตี้ย แอบรักกับหนูแป้งสาวสวยประจำหมู่บ้านซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของผู้ใหญ่บ้าน ทั้งคู่สัญญากันไม่ว่าข้างหน้าแม้จะมีอุปสรรคขวางกั้นเพียงใด จะขอยึดมั่นความรักแท้ที่มีต่อกันชั่วฟ้าดินสลาย
ไอ้กะทิก้มหน้าก้มตาเก็บหอมรอมริบหาเงินเพื่อมาสู่ขอลูกสาวจากผู้ใหญ่บ้าน แต่กลับถูกปฏิเสธ แล้วฝันของไอ้กะทิก็พังพินาศเมื่อผู้ใหญ่จะยกหนูแป้ง ลูกสาวคนสวยให้แต่งงานกับปลัดหนุ่มจากบางกอก ไอ้กะทิรู้ข่าวจึงรีบกระเสือกกระสนหมายจะมายับยั้งการแต่งงานครั้งนี้ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็วางแผนป้องกันไว้แล้ว โดยขุดหลุมพรางดักรอไว้ แต่แม่แป้งแอบได้ยินแผนร้ายเสียก่อน จึงลอบหนีออกมาหมายจะห้ามหนุ่มคนรักไม่ให้ตกหลุมพราง
คืนนั้นเป็นคืนเดือนแรมมืดมิดไม่มีแสงจันทร์ หนูแป้งวิ่งฝ่าความมืดออกมาเพื่อดักหน้าไอ้กะทิ ไอ้กะทิเห็นหนูแป้งวิ่งมาก็ดีใจทั้งคู่รีบวิ่งเข้าหากัน ฉับพลัน!!…ร่างของหนูแป้งก็ร่วงหล่นลงไปในหลุมพรางของผู้ใหญ่ฯผู้เป็นพ่อ ต่อหน้าต่อตาไอ้กะทิ อารามตกใจนายกะทิก็รีบกระโดดตามลงไปเพื่อช่วยหนูแป้ง ลูกน้องของผู้ใหญ่บ้านซึ่งแอบซุ่มอยู่ ก็รีบเข้ามาโกยดินฝังกลบหลุมที่ทั้งคู่หล่นลงไป เพราะคิดว่าในหลุมมีเพียงไอ้กะทิผู้เดียว ทำให้ชีวิตรักของทั้งคู่ต้องจบลงในวันนั้น
ตั้งแต่นั้นมาอนุสรณ์แห่งความรักที่กระทำสืบทอดกันมาจนเป็นประเพณี ทุกแรม ๖ ค่ำ เดือน ๖ ชาวบ้านที่ศรัทธาในความรักของไอ้กะทิกับแม่แป้ง ก็จะตื่นตั้งแต่เช้ามืด เข้าครัวเพื่อทำขนมที่หอมหวานปรุงจากแป้งและกะทิ บรรจงหยอดลงหลุม พอสุกได้ที่ก็แคะจากหลุม แล้วนำมาวางคว่ำหน้าซ้อนกันเป็นสัญลักษณ์ว่า “จะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป” ขนมนี้จึงถูกเรียกขานกันในนาม “ขนมแห่งความรัก” หรือ ขนม คน-รัก-กัน ต่อมาถูกเรียกย่อ ๆ ว่า “ขนม ค-ร-ก” นั่นเอง
คนรักกันจริง ความตายก็ไม่อาจห้ามได้ วันนี้เราจะมาดูคู่รักในพระคัมภีร์ที่พระเจ้านำทั้งสองคนจากแดนไกล มีฐานะชนชั้น แถมเชื้อชาติแตกต่างกัน โดยความรักเมตตาของพระเจ้าเรามาดูกันว่าทั้งสองจะลงเอยกันได้ไหม อย่างไร?
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์ (นางรูธ 4:1-22)
ภาพที่ 1 ในสมัยพระคัมภีร์ ประตูเมืองเป็นสถานที่ชุมนุมของผู้คน เป็นที่ทำการค้า เป็นที่ชุมนุมของผู้ใหญ่ในเมือง การตกลงทำสัญญาต่างๆ การตัดสินคดีความ หรือธุรกรรมต่างๆ เกิดขึ้นบริเวณนี้ หลังจากที่นางรูธไปพบ โบอาสที่ลานนวดข้าวในเวลากลางคืนวันนั้น พอรุ่งเช้า โบอาสจึงเข้าไปที่ประตูเมือง และนั่งรออยู่ที่นั่น เมื่อเขาเห็นญาติสนิทคนมีสิทธิ์ไถ่ถอนครอบครัวของนาโอมีก่อนเดินผ่านมา จึงเข้าไปเชิญเขามานั่งคุยพร้อมกับเชิญพวกผู้อาวุโสซึ่งล้วนเป็นผู้นำในเมืองมาอีกสิบคน โบอาสเริ่มพูดกับญาติสนิทคนนี้ว่า “นาโอมีหญิงม่ายที่เดินทางกลับมาจากแผ่นดินโมอับ ได้เสนอขายที่ดินซึ่งเป็นของเอลีเมเล็ค(สามีของนาโอมี) ญาติของเรา ข้าคิดว่าข้าควรมาบอกให้ท่านรู้ก่อน และขอให้ท่านซื้อไปต่อหน้าคนและผู้อาวุโสที่อยู่ที่นี่ ถ้าท่านอยากจะไถ่ไว้ก็ให้ไถ่เถอะ แต่ถ้าท่านไม่อยากไถ่ก็ให้บอกข้าเพื่อข้าจะได้รู้ ไม่มีใครมีสิทธิ์ไถ่ได้นอกจากท่าน และข้าก็มีสิทธิ์ถัดจากท่าน” ญาติสนิทคนนั้นจึงตอบว่า “ข้าจะไถ่มันไว้”
โบอาสจึงกล่าวต่อไปว่า “เมื่อท่านซื้อที่ดินจากนาโอมี ท่านก็จะได้นางรูธชาวโมอับ แม่ม่ายของผู้ตายด้วย เพื่อจะได้คงชื่อของผู้ตายไว้บนที่ดินอันเป็นมรดกของเขานี้”
ญาติสนิทคนนั้นจึงตอบว่า “ข้าไม่สามารถจะไถ่ที่ดินอย่างนั้นได้ ถ้าทำเช่นนั้นข้าก็จะเสียมรดกของข้าเองไป ท่านจงเอาสิทธิ์ของการไถ่นี้ไปจัดการเสียเองเถิด”
ในสมัยนั้น ตามธรรมเนียมของคนอิสราเอล เมื่อมีการไถ่หรือโอนที่ดิน ฝ่ายหนึ่งจะต้องถอดรองเท้าข้างหนึ่งของเขาให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นการรับรองข้อตกลงอย่างเป็นทางการ
ภาพที่ 2 ดังนั้นญาติสนิทคนนั้นจึงพูดกับ โบอาสว่า “ท่านจงซื้อที่ดินนี้ไปเถิด” แล้วเขาก็ถอดรองเท้าออกและยื่นให้โบอาส
โบอาสจึงประกาศกับพวกผู้อาวุโสและทุกคนที่นั่งอยู่ที่นั่นว่า “ให้ท่านทั้งหลายเป็นสักขีพยานให้กับข้าในวันนี้ว่า ข้าได้ซื้อจากนาโอมีทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของอาลีเมเลค และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของลูกชายของเขาคือคิลิโอนและมาห์โลนจากมือของนาโอมีแล้ว และรวมถึงนางรูธชาวโมอับแม่ม่ายของมาห์โลน ข้าก็รับมาเป็นภรรยาของข้า เพื่อคงชื่อของผู้ตายไว้บนที่ดินอันเป็นมรดกของเขาสืบไป เพื่อชื่อของเขาจะไม่ถูกตัดออกจากญาติพี่น้องของเขา และจากบ้านเกิดเมืองนอนของเขา วันนี้ท่านทั้งหลายได้เป็นพยานแล้ว”
พวกผู้อาวุโสและทุกคนที่อยู่ตรงประตูเมืองต่างพากันพูดว่า “พวกเราเป็นพยานแก่ท่าน ขอให้พระเจ้าทำให้หญิงที่กำลังจะเข้ามาเป็นครอบครัวของท่านเป็นผู้ที่ช่วยกันสร้างครอบครัวอิสราเอลขึ้นมาก ขอให้ท่านจำเริญขึ้นและมีชื่อเสียงในเบธเลเฮ็ม ขอให้ลูกหลานที่พระเจ้าจะให้กับท่านผ่านทางหญิงคนนี้มีมากมาย”
ภาพที่ 3 ดังนั้นโบอาสจึงรับนางรูธมาเป็นภรรยาของเขา และพวกเขาก็อยู่กินกันฉันสามีภรรยา พระเจ้าทำให้นางตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย
ฝ่ายพวกผู้หญิงก็พูดกับนางนาโอมีว่า “สรรเสริญ พระเจ้า ในวันนี้พระองค์ไม่ได้ละทิ้งท่านไว้ให้ปราศจากญาติสนิทที่มีสิทธิ์ไถ่ถอน ขอให้เด็กคนนี้มีชื่อเสียงเลืองลือไปในอิสราเอล ให้เด็กคนนี้เป็นผู้ชุบชีวิตของเจ้า และเลี้ยงดูเจ้าในยามแก่เฒ่า เพราะเด็กคนนี้เกิดมาจากลูกสะใภ้ที่รักเจ้าและนางก็ประเสริฐกว่าที่เจ้าเองจะมีลูกชายเจ็ดคน”
ภาพที่ 4 นาโอมีอุ้มหลานชายไว้แนบอกและรับเป็นผู้เลี้ยงดูเด็กคนนั้น หญิงชาวบ้านข้างเคียงต่างพูดกันว่า “นาโอมีมีลูกชายแล้ว” และตั้งชื่อให้เด็กนั้นว่า โอเบด ต่อมาโอเบดได้กลายเป็นพ่อของเจสซี ซึ่งเป็นพ่อของกษัตริย์ดาวิด
แผนการแห่งความรอด
การช่วยเหลือของพระเจ้าต่อครอบครัวนาโอมี จากความแร้นแค้นทุกข์ยากลำบาก ความตาย ความสูญสิ้นไร้หวัง กลับมาเป็นครอบครัวที่มีความสุข ความยินดี มีความหวัง และเหมือนถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ พระเจ้ายังมีแผนการไถ่ที่ล้ำลึกเกินความคาดหวังของทุกคนคือ ผ่านทางชีวิตของรูธหญิงต่างชาติ ซึ่งภักดีต่อแม่สามีและเลือกจะติดตามพระเจ้า พระองค์อวยพรนางและโบอาส ชายผู้มีใจเมตตายินดีที่จะช่วยครอบครัวของนาโอมีและรูธ พระเจ้าทรงเลือกทั้งสองสามีภรรยาให้เป็นต้นตระกูลของกษัตริย์ดาวิด ซึ่งพระเยซูพระผู้ไถ่องค์เที่ยงแท้ก็มีเชื้อสายมาจากพงศ์พันธุ์ของดาวิดนี่เอง
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร
ภาพที่ 5 ถึงแม้เรื่องราวของบทเรียนนี้เริ่มต้นด้วยความขมขื่น ความสูญเสียของนาโอมีและรูธ แต่หนูได้เรียนรู้แล้วว่าพระเจ้าเป็นผู้ควบคุมและครอบครองทุกสิ่ง พระองค์มีฤทธิ์อาจที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่หมดหวังให้เต็มไปด้วยความหวังและความชื่นชมยินดีได้อย่างอัศจรรย์ วันนี้หากหนูและครอบครัวของหนูรู้จักและเชื่อพระเจ้าแล้ว หนูสามารถขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าจะนำครอบครัวของหนูในทุกๆ สถานการณ์ และรู้ว่าพระเจ้าอยู่ด้วยกับครอบครัวหนูพระองค์มีฤทธิ์อาจสามารถแก้ไขทุกๆ สถานการณ์ในชีวิตของหนูได้เช่นเดียวกับที่พระเจ้าทรงกระทำในชีวิตของนาโอมีและรูธ
แต่หากหนูยังไม่เคยต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด หนูสามารถเชื่อและไว้วางใจให้พระเยซูเป็นผู้ช่วยให้รอดของหนู ให้พระเยซูเข้ามาในชีวิตของหนู เพื่อพระองค์จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของหนู และเป็นผู้ช่วยของหนูได้
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
- ประตูเมืองในสมัยพระคัมภีร์มีความสำคัญอย่างไร?
- โบอาสไปทำอะไรที่ประตูเมือง?
- ญาติสนิทผู้มีสิทธิ์ไถ่ถอน มีความหมายว่าอย่างไร?
- ตามธรรมเนียมของชาวยิวเมื่อมีการไถ่ถอนหรือโอนกรรมสิทธิ์ เขาทำอย่างไรเพื่อรับรองข้อตกลงอย่างเป็นทางการ? แตกต่างกับวัฒนธรรมของหนูอย่างไร?
- โบอาสได้แต่งงานกับรูธได้อย่างไรทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่ญาติสนิทลำดับแรกที่มีสิทธิ์ในการไถ่ถอนครอบครัวของนาง?
- โบอาสและรูธมีลูกชื่ออะไร? และเชื้อสายของเขามีความสำคัญอย่างไร?
- หนูได้เรียนรู้อะไรจากบทเรียนพระคัมภีร์ในวันนี้?
กิจกรรม
ปาร์ตี้ไอศกรีม
- ไอศกรีมที่จะทำในกิจกรรมครั้งนี้ ทำมาจากนมและน้ำตาลผสมกัน สะท้อนถึงบทเรียนของนาโอมีและนางรูธที่มาพบกัน และได้เจอะเจออุปสรรคปัญหาความยากลำบากมากมาย แต่ในที่สุดชีวิตของเขาทั้งสองก็ได้รับการอวยพรจากพระเจ้า หอมหวานเหมือนไอศกรีมที่ถูกผสมออกมา
- กิจกรรมนี้สามารถใช้เป็นการเฉลิมฉลองจบบทเรียนของนางรูธได้อย่างเหมาะเจาะ
สิ่งที่ต้องเตรียม
- นม (ไขมัน 100% ห้ามใช้นมไขมันต่ำหรือพร่องมันเนย เนื่องจากมันจะไม่เกาะตัวเป็นไอศกรีมได้)
- น้ำตาลทรายขาวแบบละเอียด
- ถุงพลาสติกซิปล๊อค 2 ขนาด (ขนาดเล็ก 18x20 ซม. ขนาดใหญ่ 1 แกลลอน) หรือถุงพลาสติกใสกับหนังยางวงสำหรับมัดปาก
- น้ำแข็ง และเกลือแกง
- กรรไกร และถ้วยสำหรับใส่ไอศกรีม
วิธีทำ
- เด็กแต่ละคนจะได้รับถุงขนาดเล็ก 1 ใบสำหรับใส่นมและน้ำตาล ถุงขนาดใหญ่ 1 ใบสำหรับใส่น้ำแข็งและเกลือแกง
- เติมนม 1 ถ้วยตวง น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ (อาจเพิ่มหรือลดน้ำตาลตามชอบ)ในถุงพลาสติกใบเล็กแล้วรูดปิดปากให้สนิท
- ใส่น้ำแข็งประมาณ 2-3 ถ้วย พร้อมกับเกลือแกง 1-2 กำมือในถุงพลาสติกใบใหญ่ (เกลือจะเป็นตัวช่วยให้น้ำแข็งถึงจุดเยือกแข็งเร็วและเย็นขึ้น)
- นำถุงนมที่ปิดสนิทแล้วใส่ลงไปในถุงน้ำแข็งและเริ่มเขย่า (วิธีจับถุงเขย่าดังภาพ เพื่อไม่ต้องสัมผัสน้ำแข็งเป็นเวลานานอาจจะเย็นเกินไป)
- ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีในการเขย่า พยามยามจับให้ถุงนมอยู่ในน้ำแข็ง ช่วงเวลานี้ให้เด็กๆ สังเกตความอัศจรรย์ที่นมซึ่งเป็นของเหลวจะเปลี่ยนเป็นของแข็งคือไอศกรีม
- เมื่อนมกลายเป็นไอศกรีมแล้ว ให้ตัดปลายถุงเพื่อบีบใส่ถ้วยรับประทานได้




