บทเรียน : กำเนิดของโมเสส

เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้

  • เรียนรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของพระเจ้า
  • เข้าใจว่าพระเจ้าสามารถช่วยหนูได้ในยามยากลำบากหรือคับขัน
  • อธิษฐานขอให้พระเจ้าช่วยหนูเมื่อหนูมีปัญหาและสามารถวางใจพระเจ้าได้

ข้อท่องจำ

“แม้ข้าพระองค์จะเดินไปตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์จะไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์”-สดุดี 23:4

T I P S สำหรับคุณครู

ทำชั่วโมงเรียนให้แปลกตา ก็สามารถเพิ่มบรรยากาศในการเรียนรู้ให้เด็กได้คุณครูอาจจะหาผ้าม่านประตู หรือหน้าต่างมาทำเป็นฉาก และเก็บอุปกรณ์การสอนไว้หลังฉากนั้น ปิดผ้าม่านไว้เป็นความลับตั้งแต่เริ่มชั้นเรียน และใช้ในช่วงเล่าเรื่องจากพระคัมภีร์ ที่สำคัญครูต้องเพิ่มน้ำเสียงสูง ต่ำ ดัง และค่อย ให้เหมือนการแสดงละครย่อมๆ ก็จะเพิ่มสีสรรให้ชั้นเรียนได้

เกม “แข่งเรือไทย”

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • ตะกร้าสานด้วยหวายหรือไม้ไผ่ก็ได้
  • ตุ๊กตาเด็ก (หรืออาจนำผ้าขนหนูมาม้วนพับเป็นตัวตุ๊กตาก็ได้)
  • ผ้าสำหรับปิดตาหนึ่งผืน

วิธีเล่น (คล้ายๆ กับเกมปิดตาตีหม้อ)

  • เด็กจะต้องเดินเอาตุ๊กตาไปใส่ลงในตะกร้าโดยมีผ้าปิดตา
  • วางตะกร้าสานให้ห่างจากจุดเริ่มต้นประมาณสิบฟุตหรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับสถานที่ และจำนวนเด็ก
  • ให้เด็กยืนเข้าแถวที่จุดเริ่มต้นที่กำหนดไว้ เด็กคนแรกจะถูกปิดตาและนำเอาตุ๊กตาเดินไปใส่ไว้ในตะกร้า สลับให้เด็กทุกคนมีโอกาสได้เล่น ครูอาจเตรียมลูกอมหรือรางวัลให้กับเด็กที่สามารถนำตุ๊กตาไปใส่ในตะกร้าได้อย่างแม่นยำ

 

บทนำเรื่อง

http://oknation.nationtv.tv/blog/poetrypong

ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ประเทศไทยหรือสยามประเทศนั้นมีทาสทั้งชายหญิง ชราและเด็กทั่วแผ่นดินถึงหนึ่งในสามของจำนวนพลเมืองทั้งหมด พ่อแม่ที่เป็นทาสจากการติดหนี้สิน หากเกิดลูกออกมา เด็กนั้นก็ต้องเป็นสมบัติของเจ้านาย และเป็นแรงงานทาสเมื่อเติบโตขึ้น การค้าขายแลกเปลี่ยนทาสเฉกเช่นสินค้าชิ้นหนึ่งก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไปในเวลานั้น ทาสไม่มีสิทธิ์เลือกนาย ไม่มีสิทธิ์เลือกงาน ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความเมตตาของเจ้านาย

เมื่อพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ออกประพาสเยี่ยมเยียนราษฎรและได้เห็นความเดือดร้อน และความทุกข์ของประชาชนคนไทยที่เป็นทาสนั้น ด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลมพระองค์ทรงแก้ไขปัญหา  อย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน โดยเริ่มจากการลดค่าตัวของทาส การกำหนดอายุของทาสชาย หญิง ให้มีการให้ค่าจ้างแก่ทาสเพื่อที่จะไถ่ถอนตนเอง จนในที่สุดในปี พ.ศ.2448 (ได้มีการเฉลิมฉลอง 100 ปีแห่งการเลิกทาสเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง) พระองค์ทรงประกาศกฏหมายเลิกทาสอย่างสมบูรณ์แบบ โดยให้เด็กที่เกิดใหม่ทุกคนจากทาสมีอิสระไม่ต้องเป็นทาสลูกครอกอีกต่อไป และให้การค้าขายแลกเปลี่ยนทาสเป็นความผิดทางอาญา มากกว่านั้นพระองค์ยังยกที่บางส่วนให้ทาสที่เป็นอิสระได้ทำมาหากิน และให้เด็กๆ ได้รับการศึกษาเพื่อไปประกอบอาชีพต่อไปอีก  ภายหลังพระองค์ได้รับพระนาม “สมเด็จพระปิยมหาราช” ซึ่งหมายความว่า มหาราชผู้เป็นที่รักของพสกนิกร การเลิกทาสในครั้งนั้นสำเร็จโดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อหรือสงครามกลางเมืองระหว่างชนชั้น ซึ่งต่างจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลกซึ่งมีให้เราเห็นเป็นตัวอย่างมากมาย

โดยส่วนใหญ่ผู้คนมักจะเอาเปรียบชนชาติที่ด้อยกว่า หรือชนชั้นที่ต่ำกว่า นำพวกเขามากดขี่ข่มเหงและใช้เป็นแรงงาน ซึ่งวันนี้พวกหนูจะได้เรียนรู้ว่าชนชาติอิสราเอล ชนชาติของพระเจ้าก็เคยถูกกดขี่ข่มเหงและถูกบังคับให้เป็นทาสให้แก่ชาวอียิปต์ แถมพวกเขายังไม่มีกษัตริย์ที่ใจดีเหมือนสมเด็จพระปิยมหาราชของเรา แต่กลับถูกกษัตริย์ฟาโรห์ใจโหดร้ายบังคับขู่เข็ญจนเสียงคร่ำครวญของเขาไปถึงพระเจ้าพระเยโฮวาห์

 

 

เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์

หลังจากที่เชื้อสายของยาโคบเจ็ดสิบคนอพยพไปอยู่ในประเทศอียิปต์ เพราะเกิดการกันดารอาหารครั้งใหญ่ ต่อมาครอบครัวของโยเซฟ พี่น้องและบรรดาคนในสมัยนั้นก็เสียชีวิตไปหมด รวมทั้งกษัตริย์ฟาโรห์ที่แต่งตั้งโยเซฟให้เป็นผู้สำเร็จราชการด้วย อิสราเอลก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากมาย และมีกำลังมากแพร่หลายไปทั่วแผ่นดินอียิปต์ (สำหรับครู- ประมาณ 200-300 ปีจากเวลาที่ยาโคบอพยพจนถึงเวลาที่โมเสสเกิด ในเวลานั้นอาจมีประชากรชาวอิสราเอลในอียิปต์ถึงสองล้านคน)

ภาพที่ 1   กษัตริย์ฟาโรห์องค์ใหม่ขึ้นปกครองแผ่นดินอียิปต์ พระองค์ไม่รู้จักโยเซฟและสิ่งที่เขาได้ทำในอียิปต์ เมื่อพระองค์เห็นชนชาติอิสราเอลเพิ่มจำนวนมากขึ้น ก็เกิดความกังวลถึงความมั่นคงของประเทศ กลัวว่าชาวอิสราเอลจะมีกำลังมากกว่าชาวอียิปต์ หากเกิดสงครามชาวอิสราเอลหรือชาวฮีบรูนี้อาจจะหักหลังไปร่วมมือกับศัตรูและสู้รบกับอียิปต์ และยึดอาณาจักรไปเป็นของตน ดังนั้นฟาโรห์จึงมีคำสั่งให้เกณฑ์ชาวฮีบรูมาเป็นทาสทำงานรับใช้ประเทศอียิปต์ ให้พวกเขาไปสร้างหัวเมืองเก็บสมบัติของฟาโรห์ รวมถึงยุทโธปกรณ์และอาวุธสำหรับใช้ในยามสงคราม แต่ยิ่งชาวฮีบรูถูกเบียดเบียนมากเท่าไร พวกเขาก็มีกำลังมากขึ้นเท่านั้น ทำให้เขาถูกบังคับให้ทำงานหนักขึ้นกว่าเก่า ทำอิฐ ทำงานในทุ่งนา และงานหนักทุกชนิด ชีวิตของชาวฮีบรูจึงยากแค้นและลำเค็ญเป็นอย่างมาก

ยิ่งกว่านั้นกษัตริย์ฟาโรห์ยังรับสั่งให้นางผดุงครรภ์ชาวฮีบรูสองคนฆ่าเด็กฮีบรูทุกคนที่เกิดมาเป็นชาย แต่หากเป็นเด็กหญิงก็ให้ไว้ชีวิต เพื่อจะลดจำนวนประชากรชายชาวฮีบรูลงในอนาคต แต่นางผดุงครรภ์เป็นผู้ที่ยำเกรง พระเจ้าและไม่ทำตามคำสั่งของฟาโรห์ แต่ปล่อยให้เด็กชายเหล่านี้รอดชีวิต โดยให้เหตุผลต่อฟาโรห์ว่าหญิงชาวฮีบรูคลอดบุตรง่ายกว่าหญิงชาวอียิปต์ นางผดุงครรภ์จึงไปไม่ทันทำคลอดให้ และเพราะนางผดุงครรภ์ทั้งสอง    ยำเกรงพระเจ้ามากกว่าคำสั่งของฟาโรห์ พระเจ้าจึงทรงอวยพรให้นางมีครอบครัว

ประชาชนชาวฮีบรูก็เพิ่มจำนวนและมีกำลังเข้มแข็งมากขึ้น ทำให้ฟาโรห์ต้องออกคำสั่งแก่ประชาชนให้นำเด็กชายฮีบรูทุกคนที่เกิดมาไปถ่วงน้ำให้ตายเสีย ส่วนเด็กหญิงให้รอดชีวิตอยู่ได้ ความทุกข์ก็เพิ่มพูนแก่ชาวฮีบรูเป็นอย่างมาก

ภาพที่ 2  ในเวลานั้นมีครอบครัวหนึ่ง อัมรามและนางโยเคเบดมีบุตรชายน่ารัก ผู้เป็นภรรยาจึงซ่อนเด็กนั้นไว้ถึงสามเดือน แต่เมื่อเด็กนั้นเริ่มโตขึ้นก็ไม่สามารถซ่อนเด็กนั้นต่อไปได้ เกรงว่าจะมีคนจับได้ว่านางซ่อนเด็กชายไว้ในบ้าน นางจึงสานตะกร้าด้วยต้นกก ยาด้วยยางมะตอยและลงชัน แล้วนางก็เอาลูกน้อยของนางใส่ไว้ในตะกร้า นำไปวางไว้ในกอหญ้าริมแม่น้ำไนล์ และให้มีเรียมพี่สาวของทารกนั้นคอยยืนเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ริมแม่น้ำ

ในเวลานั้นเองพระราชธิดาของฟาโรห์ลงไปสรงน้ำที่ริมแม่น้ำ พวกสาวใช้ที่ติดตามไปก็เดินเที่ยวไปตามริมฝั่งแม่น้ำ พระนางได้เห็นตะกร้าใบหนึ่งลอยอยู่ริมน้ำจึงเข้าไปใกล้ เมื่อเปิดตะกร้าออกดูก็เห็นทารกน้อยน่ารักกำลังนอนร้องไห้อยู่ พระนางจึงเกิดความเมตตาเอ็นดูต่อเด็กนั้นทันที และรู้ว่านี่เป็นทารกชาวฮีบรูที่ถูกนำมาปล่อยน้ำ พี่สาวของทารกที่แอบดูอยู่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด พระเจ้าก็ให้นางเกิดความคิดที่จะเสนอหาแม่นมชาวฮีบรูมาเลี้ยงเด็กทารกคนนี้ให้ พระราชธิดาเห็นด้วยจึงตอบตกลง พี่สาวของเด็กนั้นจึงไปนำนางโยเคเบดมาเข้าเฝ้า และธิดาของฟาโรห์ได้รับสั่งให้นำเด็กทารกนี้ไปเลี้ยงไว้ และแถมยังจ่ายค่าเลี้ยงดูให้นางด้วย

เมื่อเด็กนั้นเติบโตขึ้นนางก็นำมาถวยพระราชธิดาฟาโรห์และพระนางก็รับเด็กชายนั้นเป็นพระราชบุตรของพระนางและให้ชื่อว่า “โมเสส” เพราะพระนางได้ฉุดขึ้นมาจากน้ำ โมเสสได้รับการสอนในวิชาการทุกอย่างของชาวอียิปต์ มีสมรรถภาพในการพูดและกิจการต่างๆ

ภาพที่ 3  เมื่อโมเสสเติบโตขึ้นในพระราชวังของฟาโรห์มีอายุย่างเข้า 40 ปี โมเสสรู้ว่าตนเป็นชาวฮีบรูและต้องการไปเยี่ยมเยียนพี่น้องของตน เขาต้องเห็นพวกพี่น้องชาวฮีบรูตรากตรำทำงานหนัก ในเวลานั้นเองโมเสสเห็นทหารอียิปต์กำลังข่มเหงตบตีทาสชาวฮีบรู เมื่อโมเสสดูซ้ายดูขวาว่าไม่มีใคร เขาก็ฆ่าทหารอียิปต์เสีย หมายจะช่วยทาสชาวฮีบรูเป็นการแก้แค้น และหวังว่าชาวฮีบรูจะเห็นว่าเขาเป็นผู้ที่จะช่วยพี่น้องชาวฮีบรูได้ หลังจากนั้นเขาก็เอาศพของทหารไปซ่อนไว้ในกองทราย

ภาพที่ 4  ในวันรุ่งขึ้นเมื่อโมเสสเดินออกไปเห็นชาวฮีบรูสองคนกำลังทะเลาะต่อสู้กันเอง เขาจึงเข้าไปห้ามและตักเตือนว่าไม่ควรที่คนฮีบรูด้วยกันเองจะมาทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่พวกเขากลับตอบว่า “ใครตั้งท่านให้เป็นเจ้านาย และเป็นตุลาการปกครองเรา ท่านตั้งใจจะฆ่าเราเหมือนกับที่ได้ฆ่าทหารอียิปต์อย่างนั้นหรือ”  เมื่อโมเสได้ฟังก็ตกใจกลัวมาก คิดว่าเรื่องที่เขาฆ่าทหารอียิปต์คงลือกันไปทั่วเมืองแล้ว เขาคิดที่จะช่วยเหลือชาวฮีบรูคนชาติเดียวกับเขา แต่คนเหล่านี้กลับไม่ต้องการความช่วยเหลือของเขา และปฏิเสธที่จะให้โมเสสเป็นผู้นำของพวกเขา และเมื่อเรื่องรู้ไปถึงหูของฟาโรห์ พระองค์ก็ต้องการหาหนทางที่จะประหารชีวิตโมเสสเสีย ทำให้โมเสสต้องหนีออกไปอยู่ที่เมืองมีเดียน

แผนการของพระเจ้า

พระสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้กับอิสราเอลที่จะนำชนชาติอิสราเอลกลับไปยังแผ่นดินพันธ-สัญญาชัดเจนอีกครั้งเมื่อพระเจ้าได้เลือกสรรโมเสสจากครอบครัวเลวี ช่วยชีวิตเขาจากน้ำ ให้เขาเติบโตขึ้นในพระราชวัง ได้รับการศึกษาการฝึกฝนชั้นเยี่ยมอย่างที่ชาวฮีบรูคนอื่นๆ ในเวลานั้นไม่ได้รับ โมเสสอาจจะคิดว่าด้วยความรู้ความสามารถและฐานะของเขา เขาน่าจะเป็นผู้นำและช่วยพี่น้องชาวฮีบรูได้ จริงอยู่ที่พระเจ้าเลือกเขาไว้ แต่ในตอนนี้โมเสสทำการโดยพึ่งความรอบรู้ของเขาเอง และไม่ได้รอคอยเวลาของพระเจ้า ทำให้ชีวิตของเขาต้องตกที่นั่งลำบาก

พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร

ภาพที่ 5  หนูเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่หนูคิดว่าไม่มีใครช่วยหนูได้ไหม? เหมือนอย่างแม่ของโมเสสที่ต้องเอาลูกของตนใส่ตะกร้าลอยน้ำไป ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกของนาง นางคงไม่อยากทำอย่างนั้นแต่สถานการณ์บังคับให้นางต้องทำอย่างนั้น หรือเหมือนกับนางผดุงครรภ์ที่ถูกบังคับให้ฆ่าเด็กทารก หากหนูต้องเจอปัญญหาที่หนูคิดว่ามันแย่จริงๆ หนูไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี หรือไม่มีใครช่วยหนูได้แน่ๆ ให้หนูระลึกถึงพระเจ้า อธิษฐานวางใจในพระเจ้าว่า พระองค์เป็นพระเจ้าที่ช่วยโมเสสจากการถูกฆ่า พระเจ้าช่วยให้เขาพ้นจากน้ำ ช่วยเขาและครอบครัวเกินกว่าที่พวกเขาคิดหรือฝันไว้อีกคือโมเสสได้ถูกรับเข้าไปอยู่ในวัง เช่นกันพระเจ้าก็สามารถช่วยเหลือหนูให้พ้นจากปัญหา และพระองค์อาจช่วยหนูมากกว่าที่หนูคิดและฝันไว้ หากหนูอธิษฐานเชื่อและวางใจในพระเจ้า

รูปภาพประกอบ

ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ  เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา

คำถามอภิปราย

(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่กระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน ในขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย)

  1. เกิดอะไรขึ้นเมื่อชนชาติอิสราเอลเพิ่มทวีจำนวนมากขึ้นในแผ่นดินอียิปต์?
  2. กษัตริย์ฟาโรห์ออกคำสั่งอะไรบ้างที่จะทำลายชนชาติอิสราเอล?
  3. หากหนูเป็นพ่อหรือแม่ของโมเสส หนูจะทำอย่างที่นางโยเคเบดทำหรือไม่? ถ้าหนูคิดว่าหนูจะไม่ทำอย่างนั้น หนูจะวางแผนทำอย่างไร?
  4. หนูคิดว่าพระเจ้าที่ช่วยโมเสสอย่างอัศจรรย์ สามารถช่วยหนูได้หรือไม่? อย่างไร?
  5. เมื่อโมเสสเห็นคนชาติเดียวกับเขาถูกทารุณ ถูกข่มเหง เขาทำการแก้แค้นอย่างไร? หนูคิดว่าพระเจ้าพอพระทัยในสิ่งที่โมเสสทำหรือไม่? อย่างไร?
  6. หนูเคยทำความผิดหรือสิ่งไม่ดีแล้วปกปิดมันไว้ไหม? เมื่อหนูปกปิดซ่อนมันไว้หนูรู้สึกอย่างไร? หนูรู้ไหมว่าพระเจ้าต้องการให้หนูจัดการกับความผิดบาปอย่างไร? (ดู 1 ยอห์น 1:9)

กิจกรรม

ตะกร้าสานรัก

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • กระดาษโปสเตอร์สีพับครึ่งแล้วลอกแบบลงบน
  • กระดาษ (เด็กแต่ละคนจะได้รับ 2 ชิ้น)
  • กรรไกร
  • ลูกอม หรือขนมชิ้นเล็กๆ สำหรับใส่ตะกร้าเมื่อสานเสร็จ

วิธีทำ

  • เมื่อเด็กได้รับแบบทั้งสองชิ้น ให้เด็กตัดกระดาษตามส่วนโค้ง และตัดตามรอยเส้นตรงสองเส้นด้านใน
  • หลังจากนั้น ให้เติมตัวเลขตามรูปด้านล่าง (ครูอาจจะเตรียมให้เด็กก่อนชั้นเรียนก็ได้)
  • การสานตะกร้าหัวใจให้เริ่มจากหันกระดาษที่ตัดทั้งสองชิ้น เอาด้านตัวเลขเข้าหากัน
  • สอดเลข 1 ระหว่างเลข 4 แล้วสอดเลข 5 ระหว่างเลข 1
  • สอดเลข 1 ระหว่างเลข 6
  • สอดเลข 4 ระหว่างเลข 2 แล้วสอดเลข 2 ระหว่างเลข 5
  • สอดเลข 6 ระหว่างเลข 2
  • สอดเลข 3 ระหว่างเลข 4 แล้วสอดเลข 5 ระหว่างเลข 3
  • สอดเลข 3 ระหว่างเลข 6
  • หนูทำสำเร็จแล้ว

หมายเหตุ: กิจกรรมนี้สอนให้เด็กทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดและรู้จักหยุดรอ ครูควรจะลองสานตาม ลำดับคำสั่งข้างบนก่อนล่วงหน้า เพื่อจะเข้าใจวิธีถ่ายทอดให้เด็กทำตาม

 

กิจกรรม

“ปริศนาการกู้ภัย”

ธิดาฟาโรห์กำลังจะไปสรงน้ำที่ริมแม่น้ำไนล์  หนู ๆ ช่วยนำทางนางไปให้พบกับหนูน้อยโมเสสที่ถูกนำมาใส่ไว้ในตะกร้าลอยน้ำอยู่ได้ไหม ?

 

กิจกรรม

ทำที่บ้าน