เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้
- รู้ว่าพระเจ้ารักษาสัญญาของพระองค์ที่จะช่วยอิสราเอลให้เป็นไท และพ้นจากการเป็นทาส
- เข้าใจว่าพระเจ้าจะให้กำลังและความสามารถแก่เรา เพื่อที่เราจะทำงานที่พระเจ้ามอบหมายให้สำเร็จ
- ยอมให้พระเจ้าใช้หนู และพึ่งพากำลังของพระเจ้า
ข้อท่องจำ
“บรรดาผู้ที่วางใจในพระเจ้าก็เหมือนภูเขาศิโยน ซึ่งไม่หวั่นไหว แต่ดำรงอยู่เป็นนิตย์”-สดุดี 125:1
T I P S สำหรับคุณครู
ภาษากายนั้นดังกว่าคำพูด ท่าทีและท่าทางที่ครูแสดงต่อหน้าเด็กสามารถ เสริมสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ การใช้ท่าทางประกอบการเล่าเรื่องสามารถทำให้เด็กตาโตอ้าปากค้างได้ หรือการโอบไหล่สัมผัสเบาๆ ก็ช่วย ให้ใจของเด็กชุ่มชื่นได้ การจ้องตาเด็กที่คุยกันโดยไม่ต้องพูดอะไรก็สามารถทำให้ เด็กเงียบสงัดได้ ในทางกลับกันการถอนหายใจ การหาวหน้าชั้นเรียน อารมณ์นี้สามารถถ่ายทอดให้เด็กของครูเบื่อไปตามๆ กันก็ได้
เกม “ฉันคือใครเอ่ย”
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ผ้าห่มผืนใหญ่ที่สามารถคลุมตัวคนได้มิดชิด 1 ผืน
วิธีเล่น
- แบ่งเด็กออกเป็นสองฝ่าย เป่ายิงฉุบว่าฝ่ายไหนจะได้ทายก่อน
- ฝ่ายที่ต้องซ่อน จะต้องไปหลบอีกห้องหนึ่งทั้งกลุ่ม แล้วให้เลือกเด็กหนึ่งคนเป็นหัวหน้ามีหน้าที่คลุมผ้าและนำคนที่ถูกคลุมออกมาให้อีกฝ่ายทาย และให้เลือกเด็กที่จะซ่อนใต้ผ้าทีละหนึ่งคน
- หัวหน้าจะพาเด็กที่อยู่ใต้ผ้าคลานออกมา แล้วให้ส่งเสียงร้องเลียนแบบเสียงสัตว์ ให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายทายว่าเป็นใคร มีโอกาสเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น
- ถ้าทายถูก คนที่อยู่ใต้ผ้าจะต้องออกไปเป็นพวกของฝ่ายตรงข้าม แต่ถ้าทายผิด คนที่ทายจะต้องไปเป็นพวกของฝ่ายที่ซ่อน
- ผลัดกันเป็นฝ่ายทาย และฝ่ายถูกทาย จนกว่าคนของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดลง ฝ่ายที่เหลือเป็นฝ่ายชนะ
บทนำเรื่อง
มหัศจรรย์เลข 40 — ในพระคัมภีร์มีเรื่องราวของตัวเลข 40 ในชีวิตของคนสำคัญๆ และเหตุการณ์หลายอย่าง หนูรู้ไหมว่าตัวเลข 40 ปรากฏอยู่ในเรื่องราวใดบ้างในพระคัมภีร์?
- พระเจ้าให้ฝนตกอยู่ 40 วัน 40 คืน และให้ครอบครัวของโนอาห์ปลอดภัยจากน้ำท่วมโลก
- กษัตริย์ของอิสราเอลสามพระองค์แรก คือ ซาอูล ดาวิด และซาโลมอนต่างก็ครองราชบัลลังค์อยู่คนละ 40 ปี
- พระเจ้าให้เวลาชาวนีนะเวห์ 40 วัน เมื่อโยนาห์ไปประกาศให้พวกเขากลับใจจากบาป ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกพิพากษาลงโทษ
- เอลีชาอดอาหาร 40 วัน เช่นเดียวกับพระเยซูอดอาหาร 40 วันก่อนที่จะถูกมารซาตานมาทดลองพระองค์
- พระเยซูใช้ชีวิตกับสาวก 40 วันหลังจากพระองค์ฟื้นขึ้นจากความตาย และหลังจากนั้นพระองค์ทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
ชีวิตของโมเสสก็ถูกแบ่งออกเป็น 3 ช่วงๆ ละ 40 ปี 40 ปีแรกโมเสสใช้ชีวตอยู่ในพระราชวังของฟาโรห์ในฐานะพระราชบุตรของธิดาฟาโรห์ แต่เขาก็ต้องหนีออกจากวังเพราะไปฆ่าทหารอียิปต์ตายเสีย และฟาโรห์หมายจะเอาชีวิตของเขา หลังจากนั้นเขาไปอยู่ที่เมืองมีเดียนอยู่ 40 ปีมีครอบครัวและยึดการเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพ เมื่อเขาอายุได้ 80 ปี พระเจ้าทรงเรียกเขาจากพุ่มไม้ไฟให้ไปช่วยชาวอิสราเอลออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ หลังจากนั้นเขาใช้เวลาอีก 40 ปีนำอิสราเอลผ่านถิ่นทุรกันดาร และสิ้นชีวิตลงเมื่อเขาอายุได้ 120 ปี วันนี้หนูจะได้เรียนรู้ช่วงชีวิต 40 ปีที่โมเสสอยู่ที่เมืองมีเดียนและพระเจ้ามาเรียกเขากลับไปอียิปต์อย่างไร
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์
ภาพที่ 1 ขณะที่โมเสสหนีออกจากประเทศอียิปต์ เขาหนีไปที่เมืองมีเดียน ระหว่างทางที่ริมบ่อน้ำเขาได้ช่วยลูกสาวของเยโธร(เรอูเอล เป็นอีกชื่อหนึ่งของเยโธร)ปุโรหิตชาวมีเดียนไว้ จากคนเลี้ยงแกะที่มาไล่พวกนางระหว่างที่กำลังให้น้ำฝูงแพะแกะ เขาจึงเชิญให้โมเสสมาพักอาศัยอยู่ด้วยกัน และภายหลังก็ยกศิปโปราห์ลูกสาวคนหนึ่งให้เป็นภรรยาของโมเสส นางคลอดลูกชายคนหนึ่ง โมเสสเรียกเขาว่า “เกอร์โชม” ซึ่งแปลว่าคนต่างด้าว
เวลาล่วงไปกษัตริย์ฟาโรห์ได้สิ้นพระชนม์ลง ส่วนคนอิสราเอลที่เป็นทาสในประเทศอียิปต์ก็ร้องคร่ำครวญขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า และพระเจ้าทรงฟังเสียงคร่ำครวญของพวกเขาและทรงรู้ถึงสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขา พระองค์ก็ระลึกถึงพันธสัญญาที่ให้ไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบบรรพบุรุษของพวกเขา
ภาพที่ 2 ในขณะที่โมเสสกำลังเลี้ยงฝูงแพะแกะของเยโธรพ่อตาของตนในถิ่นทุรกันดารแถบภูเขาโฮเรบหรือซีนาย โมเสสสังเกตเห็นพุ่มไม้มีไฟลุกโชน แต่ใบและกิ่งก้านก็ไม่ไหม้ไฟไป โมเสสจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดูใกล้ๆ และได้ยินเสียงของพระเจ้าตรัสเรียกเขามาจากพุ่มไม้ไฟนั้น โมเสสตอบว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่” พระเจ้าจึงสั่งให้โมเสสถอดรองเท้าของตนออกเพราะที่ที่เขายืนอยู่นั้นเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ โมเสสจึงปิดหน้าเสียเพราะกลัวไม่กล้ามองดูพระเจ้า พระเจ้าตรัสว่าพระองค์ได้เห็นความทุกข์ของคนอิสราเอลในประเทศอียิปต์ และจะใช้ให้โมเสสไปเฝ้าฟาโรห์ เพื่อจะนำประชากรของพระองค์คือชนชาติอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์เพื่อไปยังแผ่นดินที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้แก่บรรพบุรุษของพวกเขา โมเสสต่อรองกับพระเจ้าพระองค์จึงตรัสแก่โมเสสว่า “เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น ไปบอกชนชาติอิสราเอลว่า พระองค์ผู้ทรงพระนามว่าเราเป็น ทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่าน” พระเจ้ายังบอกให้โมเสสรวมรวบบรรดาผู้ใหญ่ของอิสราเอลและกล่าวแก่เขาว่า “พระเยโฮวาห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่าน คือพระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัค และของยาโคบทรงใช้ให้ข้าพเจ้ามาหาท่าน พระเจ้าได้สังเกตเห็นเจ้าทั้งหลายแล้ว และได้เห็นความทารุณ ซึ่งเขาได้กระทำแก่เจ้าในอียิปต์ เราสัญญาไว้แล้วว่า เราจะพาเจ้าทั้งหลายไปให้พ้นจากความทุกข์ในประเทศอียิปต์ไปยังแผ่นดินซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งบริบูรณ์” และพระเจ้ายังกล่าวแก่โมเสสว่าเมื่อโมเสสไปเข้าเฝ้าฟาโรห์และขออนุญาตให้นำคนอิสราเอลไปนมัสการพระเจ้าและถวายสัตวบูชาในถิ่นทุรกันดารสักสามวัน ฟาโรห์จะไม่ยอมให้พวกเขาไป และพระเจ้าจะเหยียดมือออกประหารอียิปต์ด้วยการอัศจรรย์ต่างๆ แต่จะให้คนฮีบรูเป็นที่ชอบพอของชาวอียิปต์ เมื่อชนชาติอิสราเอลเดินทางออกจากอียิปต์ พวกเขาจะไม่ไปมือเปล่า แต่พวกเขาจะได้เครื่องเงินเครื่องทองและเสื้อผ้าจากเพื่อนบ้าน หรือหญิงที่อยู่ในเรือนของเขา เป็นค่าตอบแทนในแรงงานที่พวกเขาได้เป็นทาสรับใช้ชาวอียิปต์ (เหตุการณ์ตอนนี้ทำให้คำพยากรณ์ของพระเจ้าที่ให้ไว้กับอับราฮัมในปฐมกาล 15:13-14 สำเร็จ)
ภาพที่ 3 โมเสสต่อรองกับพระเจ้าเป็นครั้งที่สองว่าพวกเขาจะไม่เชื่อและไม่ยอมฟังเสียงของเขา พระเจ้าจึงสำแดงการอัศจรรย์แก่โมเสส โดยให้โมเสสโยนไม้เท้าที่อยู่ในมือลงบนพื้น ไม้เท้านั้นก็กลายเป็นงู และเมื่อเอื้อมจับหางงู มันก็กลับมาเป็นไม้เท้าดังเดิมในมือของโมเสส และให้โมเสสเอามือสอดเข้าไปไว้ในอก เมื่อชักออกมา มือของโมเสสก็เป็นโรคเรื้อนขาวโพรนเหมือนหิมะ และเมื่อโมเสสเอามือสอดเข้าไปที่อกและชักออกมาอีกครั้ง มือนั้นก็กลับเป็นเนื้อหนังดังเดิม และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่าหมายสำคัญเหล่านี้ จะทำให้พวกเขาเชื่อและฟังเสียงของโมเสส ถ้าเขายังไม่เชื่อให้โมเสสตักน้ำจากแม่น้ำไนล์มาและเทลงบนดินแห้ง น้ำที่ตักมาจะกลายเป็นเลือดบนดินแห้งนั้น
แต่โมเสสก็ยังต่อรองกับพระเจ้าต่อไปอีกว่าเขาเป็นคนพูดไม่เก่ง พูดไม่คล่องแคล่ว ขอทรงโปรดใช้ผู้อื่นไปเถิด ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว โมเสสได้รับการสอนทุกอย่างจากพระราชวังในอียิปต์ และพระคัมภีร์บันทึกว่าเขามีสมรรถภาพในการพูดและกิจการต่างๆ (กิจการ 7:22) พระเจ้าได้ฟังก็ทรงกริ้วและตรัสว่าพระองค์จะทรงให้อาโรน พี่ชายของโมเสสมาเป็นผู้ช่วยพูดแทนโมเสสต่อฟาโรห์ และต่อหน้าชาวอิสราเอลทั้งหลาย เขาจะเป็นปากแทนเจ้า และโมเสสจะเป็นดังพระเจ้าแก่เขา (โมเสสจะเป็นผู้รับคำสั่งจากพระเจ้าผ่านไปยังอาโรนและชนชาติอิสราเอล)
หลังจากนั้นพระเจ้าได้ส่งข่าวให้โมเสสรู้ว่ากษัตริย์ฟาโรห์ที่พยายามหาช่องทางประหารชีวิตของโมเสสนั้นตายแล้ว ให้โมเสสเดินทางกลับไปอียิปต์ โมเสสจึงเดินทางกลับไปหาพ่อตาและพาครอบครัวของเขาลากลับไปหาญาติพี่น้องของเขาในประเทศอียิปต์
ภาพที่ 4 ในเวลานั้นเองพระเจ้าตรัสกับอาโรนให้เดินทางไปพบกับโมเสสที่แถบภูเขาซีนาย เมื่อพวกเขาเดินทางมาพบกันก็สวมกอดกัน และโมเสสก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่พระเจ้าตรัสและหมายสำคัญทั้งสิ้นที่พระเจ้าสำแดงให้แก่อาโรนได้ฟัง หลังจากนั้นโมเสสและอาโรนได้เรียกประชุมบรรดาผู้ใหญ่ของชนชาติอิสราเอลพร้อมกัน และอาโรนก็กล่าวถึงสิ่งที่พระเจ้าตรัสผ่านทางโมเสส และทำหมายสำคัญเหล่านั้นต่อหน้าของประชาชน เมื่อประชาชนได้ยินว่าพระเจ้าทรงเห็นความทุกข์ของพวกเขาและมาเยี่ยมเยียนเขาก็เกิดความเชื่อและกราบลงนมัสการพระเจ้า
แผนการของพระเจ้า
เมื่อชนชาติอิสราเอลกลายเป็นทาสในแผ่นดินอียิปต์ พระเจ้าทรงระลึกถึงพันธสัญญาที่ให้ไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ ที่จะนำพาพวกเขาไปยังแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาจะให้เขาครอบครอง คือแผ่นดินคานาอัน แผนการของพระเจ้าที่เลือกโมเสสให้เป็นผู้นำอิสราเอลออกจากอียิปต์ เริ่มต้นตั้งแต่เขายังเป็นเด็กทารก ให้เขาได้รับการสอนในวังของฟาโรห์ โมเสสเป็นชาวฮีบรูที่มีคุณสมบัติมากที่สุดที่จะเข้าเฝ้าฟาโรห์และนำอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ ถึงแม้ว่าตอนแรกจะบ่ายเบี่ยงเมื่อพระเจ้าใช้ แต่หลังจากนั้นต่อมาเมื่อโมเสสยอมจำนนต่อพระเจ้า เขาได้กลายเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งที่อิสราเอลเคยมีมา
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร
ภาพที่ 5 เมื่อพระเจ้าเรียกโมเสสให้ไปนำชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ โมเสสปฏิเสธพระเจ้าหลายครั้งโดยมีข้ออ้างต่างๆ นานา แต่พระเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะอยู่กับโมเสส และงานที่พระเจ้ามอบหมายให้โมเสสนั้นพระองค์จะทำให้สำเร็จ หนูเคยเป็นเหมือนโมเสสไหม? หนูรู้สึกว่า หนูทำไม่ได้ หนูไม่เก่งพอ แต่หนูรู้ไหมว่า พระเจ้าไม่ต้องการคนเก่ง คนฉลาดที่จะรับใช้พระองค์ เพราะพระองค์เองเก่งและฉลาดอยู่แล้ว พระองค์ต้องการคนที่ยอมให้พระองค์ใช้ คนที่บอกพระองค์ว่า “พระเจ้าหนูไม่แน่ใจว่าหนูจะทำได้หรือไม่ แต่หนูรู้ว่าพระองค์ต้องการให้หนูทำ และหนูวางใจพระองค์ที่พระองค์จะช่วยหนูทำให้สำเร็จ”
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่กระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน ในขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย)
- พระเจ้ามาหาโมเสสที่พุ่มไม้ไฟ เพื่อจะใช้โมเสสไปช่วยชนชาติอิสราเอล ในเวลานั้นโมเสสรู้สึกอย่างไร?
- โมเสสมีข้ออ้างต่อรองกับพระเจ้าอย่างไรบ้าง?
- เมื่อโมเสสต่อรองกับพระเจ้าว่าเขาเป็นคนพูดไม่เก่ง พูดไม่คล่องแคล่ว เป็นความจริงหรือไม่? อย่างไร?
- หนูเคยคิดว่าหนูอยากจะรับใช้พระเจ้า แต่หนูไม่ดีพอ ไม่เก่งพอให้พระเจ้าใช้ไหม? เพราะอะไร?
- หนูคิดว่าคนที่มีคุณสมบัติอย่างไรที่พระเจ้าจะทรงใช้ได้?
- เมื่อโมเสสและอาโรนไปหาพวกผู้นำชาวอิสราเอล และเล่าเรื่องที่พระเจ้าตรัสกับโมเสส พวกประชาชนมีการตอบสนองอย่างไร? หนูคิดว่าพวกเขาเชื่อพระเจ้าหรือเชื่อในตัวโมเสส?
กิจกรรม
ต้นไม้ไฟ
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กระดาษแข็งสำหรับลำต้น
- กระดาษโปสเตอร์สีเขียวสำหรับตัดเป็นใบไม้
- กระดาษทำว่าวสีแดง สีส้ม สีเหลือง สำหรับทำเป็นเปลวไฟ
- กรรไกร
- กาว
วิธีทำ
- เด็กแต่ละคนจะได้กระดาษแข็งรูปต้นไม้สองต้น ระบายสีตกแต่งลำต้นด้วยสีน้ำตาล หลังจากนั้นใช้กรรไกรตัดต้นที่ 1 ตรงกลางลำต้นตามรอยประจากด้านล่างขึ้นไปจนถึงกึ่งกลางลำต้น แต่ตัดต้นที่ 2 ตามรอยประจากด้านบนลงมาจนถึงกึ่งกลางลำต้น
- นำต้นไม้ทั้งสองสอดเข้าด้วยกันตามรอยประที่ตัดนั้น จะได้ต้นไม้ที่มีลักษณะเป็นสี่แฉกและสามารถตั้งได้
- ตัดกระดาษสีเขียวให้เป็นรูปใบไม้ ติดตามกิ่งไม้ ประดับให้สวยงาม
- ตัดกระดาษสีแดง ส้ม และเหลือง ให้มีลักษณะคล้ายเปลวไฟ ติดตามกิ่งไม้ ใบไม้ ใช้กระดาษสีคละกันไปเพื่อความสวยงาม รอให้กาวแห้ง
- ให้เด็กเขียนข้อท่องจำ ทากาวติดไว้ที่โคนต้นไม้ เพื่อให้เด็กระลึกถึงเรื่องราวของโมเสส และวางใจยอมให้พระเจ้าใช้ เพราะพระองค์จะทรงช่วยให้เขาทำงานที่พระองค์มอบหมายให้สำเร็จได้