เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้
- เห็นว่าวันปัสกาเป็นภาพจำลองของแผนการทรงไถ่ที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์ทุกคนผ่านทางการตายและโลหิตของพระเยซูคริสต์
- เข้าใจว่าหนูไม่สามารถหลุดพ้นจากการเป็นทาสบาปด้วยตัวเองได้
- เชื่อและวางใจในพระเยซูผู้เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้หนูพ้นจากโทษของบาป
ข้อท่องจำ
“พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอด พระองค์นี่แหละเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์”-อพยพ 15:2
T I P S สำหรับคุณครู
ในพระคัมภีร์มีภาพจำลองสะท้อนถึงแผนการทรงไถ่ของพระเยซูคริสต์มากมาย ปัสกาหรือการผ่านเว้นการฆ่าลูกชายหัวปีของชาวฮีบรูในอียิปต์เป็นภาพตัวอย่างชัดเจนที่ครูสามารถใช้โอกาสนี้นำเสนอพระกิตติคุณ และเปิดโอกาสกับเด็กที่ยังไม่เคยต้อนรับพระเยซูได้ตัดสินใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชั่วโมงนี้
เกม “เป่ากบ”
สิ่งที่ต้องเตรียม - หนังยางวงใหญ่หลากสีเท่ากับจำนวนเด็กในชั้นเรียน
วิธีเล่น
- แบ่งเด็กออกเป็นสองฝ่ายเท่าๆ กัน เข้าแถวลักษณะเป็นแถวคู่ แล้วให้หันหน้าเข้าหากัน
- เด็กแต่ละคนจะได้รับหนังยางคนละหนึ่งวง ให้จับคู่กับคนฝ่ายตรงข้าม แต่ละคู่ให้วางหนังยางห่างกันประมาณ 1 ฟุตแล้วผลัดกันเป่าหนังยางคนละครั้ง พอได้ระยะที่หนังยางใกล้กันให้แต่ละฝ่ายพยายามเป่าให้หนังยางกระโดดไปทับซ้อนหนังยางของอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าทำได้ถือว่าชนะ
- ฝ่ายแพ้จะต้องให้หนังยางแก่ผู้ที่ชนะ ผู้ชนะสามารถไปหาคู่ใหม่เพื่อจะประลองฝีมือกันต่อไป
- ครูอาจจะหาผู้ชนะเพียงคนเดียวในชั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนของเด็กและเวลาที่ครูกำหนดไว้
บทนำเรื่อง
(เค้าโครงเรื่องจาก “ชุมนุมเรื่องจริง” โดยชัย เรืองศิลป์)
ทูตอเมริกันคนแรกที่เข้ามาทำสัญญาค้าขายกับรัฐบาลไทยคือ เอดมันด์ โรเบิร์ต ประมาณ 175 ปีมาแล้ว (พ.ศ.2375) รัฐบาลไทยต้อนรับขับสู้ท่านทูตและคณะผู้ติดตามอีก 15 คนอย่างดี จัดแจงที่พัก และส่งข้าวปลาอาหาร น้ำมัน รวมถึงนมสดให้แก่ท่านทูตทุกๆ วันมิได้ขาด แถมยังให้เงินอีกวันละหกบาทเพื่อใช้จ่าย (เงินหกบาทในสมัยนั้นเป็นเงินจำนวนมากโขอยู่ สามารถจับจ่ายซื้อของเลี้ยงคนสิบห้าคนอย่างเหลือเฟือทีเดียว)
หลังจากนั้นท่านทูตและผู้ติดตามได้เดินทางโดยเรือต่อไปยังประเทศเวียดนาม เพื่อจะไปทำสัญญาค้าขายกับคนญวน แต่พวกขุนนางกลับไม่อนุญาตให้เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินของพวกเขาเพราะเห็นว่าเอดมันด์เป็นคนสามัญไม่มีวรรณะ ไม่มียศศักดิ์นำหน้าชื่อ ทูตอเมริกันจึงต้องลงเรือออกจากเวียดนามด้วยความผิดหวัง ต่อมาเขาคิดอุบายได้ว่าคนญวนเห็นแก่ยศฐาบรรดาศักดิ์ ต้องมียศนำหน้าหรือต่อท้าย ดังนั้นเขาจึงส่งสาส์นจดหมายจากรัฐบาลสหรัฐ แล้วใส่ยศประดับชื่อของเขาและคณะอย่างหรูหรายาวเหยียด เนื่องจากในประเทศสหรัฐฯ นั้นไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ และไม่มีการให้ยศฐาบรรดาศักดิ์ เหมือนชาวอังกฤษแต่อย่างใด ยศที่เขาเพิ่มลงในชื่อเหล่านั้นล้วนเป็นที่เอามาจากชื่อถนน ชื่อแม่น้ำ ภูเขาลำธารทั้งนั้น ถ้าเทียบกับภาษาไทยก็อาจจะเข้าทำนอง เจ้าแห่งสุขุมวิท มหาแห่งชัยสมรภูมิ หรือท้าวดอยอินทนนท์ อะไรทำนองนั้น ปรากฏว่าอุบายของท่านทูตสำเร็จ พอท่านเดินทางเข้าไปเวียดนามอีกครั้งก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี และได้เข้าเฝ้ากษัตริย์และทำสัญญาเป็นที่เรียบร้อย
ทูตที่เข้าไปทำสัญญาการค้า นำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ประเทศแน่นอนคงได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี แต่โมเสและอาโรนทูตที่พระเจ้าส่งไปอียิปต์เพื่อต่อรองให้ฟาโรห์ปล่อยทาสชาวอิสราเอลออกจากประเทศ หนูคิดว่าเขาจะได้รับการต้อนรับแบบไหน?
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์
ภาพที่ 1 ในเวลานั้นโมเสสอายุได้แปดสิบปี และอาโรนอายุแปดสิบสามปี โมเสสและอาโรนพากันไปเข้าเฝ้าฟาโรห์ เพื่อขอให้ชนชาติอิสราเอลไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อจะไปถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้าพระเยโฮวาห์สักสามวันตามที่พระเจ้าตรัสกับโมเสส แต่ฟาโรห์กล่าวว่า พระเยโฮวาห์เป็นผู้ใดเล่า ที่เราจะต้องฟังคำของพระองค์และปล่อยคนอิสราเอลไป (ในประเทศอียิปต์มีความเชื่อว่ากษัตริย์ฟาโรห์เป็นเทพเจ้าหรือพระเจ้าองค์หนึ่ง) โมเสสจึงสั่งให้อาโรนโยนไม้เท้าลงต่อหน้าฟาโรห์ ไม้เท้านั้นได้กลายเป็นงู ฝ่ายฟาโรห์จึงเรียกพวกนักปราชญ์และนักวิทยาคมชาวอียิปต์มา พวกเขาใช้มายากลโยนไม้เท้าของพวกเขาลงบนพื้นและให้กลายเป็นงูได้เช่นกัน แต่ไม้เท้าของ อาโรนกลับกลืนงูเหล่านั้นเสียทั้งหมด ถึงกระนั้นพระทัยของฟาโรห์ก็แข็งกระด้างและไม่เชื่อเขาทั้งสอง ตามที่ พระเจ้าได้บอกแก่โมเสสก่อนหน้านี้แล้วว่าพระทัยของฟาโรห์จะแข็งกระด้างและไม่เชื่อสิ่งที่เขาเห็นหรือได้ยิน
พระทัยฟาโรห์แข็งกระด้างและมีรับสั่งให้ตั้งแต่นี้ต่อไป นายงานชาวอียิปต์อย่าให้ฟางแก่พวกทาสชาวฮีบรู แต่ให้พวกเขาไปหาเศษฟางเองเพื่อมาทำอิฐและจะต้องทำอิฐให้ได้ในจำนวนเท่าเดิมที่กำหนดไว้ ชาวอิสราเอลก็ตรากตรำแสนสาหัส เมื่องานไม่เสร็จตามที่กำหนด นายกองผู้คุมงานชาวฮีบรูก็ถูกเฆี่ยนตี ทำให้พวกเขาบ่นต่อว่าโมเสสที่เป็นสาเหตุของความวุ่นวายครั้งนี้
ภาพที่ 2 พระเจ้าสั่งให้โมเสสไปเข้าเฝ้าฟาโรห์อีกครั้งและกล่าวแก่พระองค์ว่า “พระเจ้าของชาวฮีบรูตรัสว่า จงปล่อยประชากรของเราไปนมัสการเราในถิ่นทุรกันดาร” แล้วอาโรนจึงใช้ไม้เท้าชี้ไปเหนือแม่น้ำไนล์ เหนือลำคลอง บึงและสระน้ำ น้ำจึงกลายเป็นเลือด (ภัยพิบัติครั้งที่ 1) ทั่วแผ่นดินอียิปต์ แต่ฟาโรห์กลับไม่สนใจและมีใจแข็งกระด้าง จนเวลาผ่านไปเจ็ดวันโมเสสจึงเข้าเฝ้าฟาโรห์อีกครั้งเพื่อให้ฟาโรห์ปล่อยชาวอิสราเอลไปนมัสการพระเจ้าในถิ่นทุรกันดาร มิฉะนั้นพระเจ้าจะให้มีฝูงกบ (ภัยพิบัติครั้งที่ 2) ขึ้นมารังควานทั่วแผ่นดิน และอาโรนก็เหยียดไม้เท้าออก ฝูงกบขึ้นมาบนแผ่นดินเต็มไปทั้งแม่น้ำ มาอยู่ในวัง ในห้องนอน ในบ้านเรือน ในเตาปิ้งขนม และในอ่างขยำแป้ง ประชาชนต่างพากันเดือดร้อน ฟาโรห์จึงบอกให้โมเสสวิงวอนต่อพระเจ้าให้ฝูงกบไปเสียจากแผ่นดินแล้วพระองค์จะยอมปล่อยชาวอิสราเอลไป แต่เมื่อพระเจ้าให้ฝูงกบตายเกลื้อนทั่วแผ่นดิน ความเดือดร้อนของประชาชนก็บรรเทาลง พระทัยของฟาโรห์กลับแข็งกระด้างขึ้นอีก และไม่ยอมปล่อยชนชาติอิสราเอลไป
หลังจากนั้นพระเจ้าก็ใช้โมเสสและอาโรนทำให้เกิดภัยพิบัติจากริ้น (ภัยพิบัติครั้งที่ 3) มาตอมมนุษย์และสัตว์ทั่วแผ่นดิน ภัยพิบัติจากฝูงเหลือบ (ภัยพิบัติครั้งที่ 4) ขนาดยักษ์เข้าไปในพระราชวัง บ้านเรือนทั่วแผ่นดินอียิปต์ ยกเว้นเมืองโกเชนบริเวณที่ชาวอิสราเอลอาศัยอยู่เท่านั้นที่ไม่ได้ความเดือดร้อนครั้งนี้ โรคระบาดร้ายแรงเกิดกับฝูงสัตว์ของชาวอียิปต์ แต่พระหัตถ์ของพระเจ้าปกป้องสัตว์ของชาวอิสราเอลไม่ให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด ภัยพิบัติจากฝี (ภัยพิบัติครั้งที่ 5) โดยให้โมเสสกำเขม่าจากเตาซัดไปในอากาศต่อหน้าฟาโรห์ เขม่าเหล่านั้นทำให้ฝีแตกลามไปทั่วทั้งตัวคนและสัตว์ ภัยที่เกิดจากลูกเห็บ (ภัยพิบัติครั้งที่ 6) ที่ตกลงมาทั่วแผ่นดินอียิปต์ บนมนุษย์ บนสัตว์ บนผักหญ้า ไม่ว่าอะไรที่อยู่ในทุ่งนาไม่มีที่กำบังก็ถูกลูกเห็บทำลายเสียสิ้น เว้นแต่เมืองโกเชนหาได้มีลูกเห็บตกไม่ หลังจากนั้นพระเจ้าให้เกิดฝูงตั๊กแตน (ภัยพิบัติครั้งที่ 7) เข้ามาในอียิปต์มากมายจนไม่เห็นแผ่นดิน สิ่งที่หลงเหลือจากความเสียหายของลูกเห็บ ตั๊กแตนเหล่านั้นก็กินเสียสิ้น แล้วพระเจ้าก็ให้โมเสสชูมือขึ้นบนท้องฟ้า ก็เกิดความมืดทึบทั่วทั้งแผ่นดิน (ภัยพิบัติครั้งที่ 9) ตลอดสามวัน จนพวกเขามองกันไม่เห็น และไม่มีใครลุกไปทำอะไรที่ไหนเลยตลอดสามวันนั้น แต่ชาวอิสราเอลกลับมีแสงสว่างในที่พักอาศัยของพวกเขา
พระเจ้าให้เกิดภัยพิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า พระหัตถ์และความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าก็เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่คนทั้งหลาย แม้แต่นักวิทยาคม นักปราชญ์ชาวอียิปต์ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้เป็นมาจากพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ แต่ถึงกระนั้นฟาโรห์ก็มีใจแข็งกระด้างไม่ยอมปล่อยชาวอิสราเอลไป
ภาพที่ 3 ดังนั้นพระเจ้าจึงมีคำสั่งให้ชาวอิสราเอลทั้งหลายให้นับเดือนนิสาน(ตรงกับเดือนมีนาคม-เมษายนในปฏิทินปัจจุบัน) เป็นเดือนแรกในปีใหม่ของพวกเขา เพราะจะเป็นเดือนที่พระเจ้าปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นไทจากอียิปต์ โดยพระเจ้าสั่งให้ผู้ชายทุกคนเลือกลูกแกะ(หรือลูกแพะ)ที่ไม่มีตำหนิครอบครัวละตัว ฆ่าลูกแกะนั้นแล้วนำเลือดทาไว้ด้านบน และข้างวงกบประตูเรือนที่เขาอาศัยอยู่นั้น ในคืนวันนั้นให้เขากินเนื้อปิ้ง และขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม และให้พวกเขาแต่งตัวคาดเอว สวมร้องเท้า ถือไม้เท้าไว้ และรีบกินอาหารโดยเร็ว งานเลี้ยงนี้ให้ถือเป็นสิ่งที่ชาวอิสราเอลและลูกหลานของเขาต้องถือปฏิบัติกัน เรียกว่าพิธีปัสกา (ซึ่งแปลว่าการผ่านเว้น) ซึ่งมีความหมาย “เป็นการถวายสัตวบูชาปัสกาแด่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงผ่านเว้นบ้านของชนชาติอิสราเอลในอียิปต์ เมื่อพระองค์ทรงประหารคนอียิปต์ แต่ไว้ชีวิตครอบครัวของชาวอิสราเอลทั้งหลาย”
ภาพที่ 4 ในเวลาเที่ยงคืนนั้นเอง พระเจ้าทรงประหารบุตรหัวปีทุกคนในประเทศอียิปต์ และผ่านเว้นบ้านเรือนที่มีเลือดทาไว้ที่ไม้ประตูข้างบน และวงกบประตูทั้งสองข้าง ฟาโรห์กับข้าราชการและชาวอียิปต์ทั่วแผ่นดินต่างพากันร้องไห้คร่ำครวญ ด้วยไม่มีบ้านหลังไหนเลยที่ไม่มีคนตาย หลังจากนั้นฟาโรห์ก็ยอมปล่อยชนชาติอิสราเอล พร้อมกับฝูงโคแพะแกะไปนมัสการพระเจ้า แถมชาวอียิปต์ยังให้เครื่องเงิน เครื่องทองและเครื่องนุ่งห่มแก่ชาวอิสราเอลตามที่พระเจ้าตรัสไว้กับโมเสสที่พุ่มไม้ไฟ
เมื่อโมเสสนำชนชาติอิสราเอลเดินทางออกจากอียิปต์ นับผู้ชายได้หกแสนคน (เมื่อรวมทั้งผู้หญิงและเด็กอาจนับได้ถึงสองล้านคน)
แผนการแห่งความรอด
ปัสกาหรือการผ่านเว้นที่พระเจ้าช่วยปลด ปล่อยชนชาติอิสราเอล โดยเลือดที่ทาบนวงกบประตูนี้ เป็นภาพจำลองถึงแผนการทรงไถ่ของพระเจ้าต่อมวลมนุษยชาติ ผ่านทางพระโลหิตที่ไหลออกจากร่างกายของพระเยซู พระผู้ไถ่ถาวร (ฮีบรู 9:22 “ถ้าไม่มีโลหิตไหลออกแล้ว ก็จะไม่มีการอภัยบาปเลย”) ที่ได้ปลด ปล่อยผู้เชื่อทุกคน ให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสของความบาปสู่อิสรภาพในการนมัสการและมีสัมพันธภาพกับพระเจ้าองค์เที่ยงแท้แต่องค์เดียว ** (ดูคู่มือในการเรียกเด็กรับเชื่อ)
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร
ภาพที่ 5 เมื่อพระเจ้าให้พระเยซูคริสต์มาตายบนไม้กางเขน และฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อไถ่คนบาปทั้งหลายให้รอดพ้นจากความตาย เหตุการณ์สำคัญนี้เกิดขึ้นหลังจากเทศกาลปัสกาเพียงไม่กี่วัน ในเมืองไทยของเรามีการเฉลิมฉลองการเริ่มต้นปีใหม่เช่นกันในเดือนเมษายน การเริ่มต้นปีใหม่จะไม่มีความหมายอะไรเลย หากชีวิตของหนูยังไม่ได้เริ่มต้นกับพระเจ้า ชีวิตของหนูก็เหมือนชาวอิสราเอลที่ตกเป็นทาส ทาสของความบาปและหนูไม่สามารถช่วยเหลือตัวหนูเองให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสนั้นได้ นอกเสียจากหนูจะเชื่อและวางใจในพระเยซูที่เป็นเหมือนลูกแกะที่ถูกฆ่าและเลือดของพระองค์ก็ปกป้องชีวิตของหนูจากการพิพากษาของพระเจ้า เมื่อหนูเชื่อและวางใจในพระเยซู พระเจ้าก็จะช่วยให้หนูได้รับอิสระและชีวิตใหม่ที่พระเจ้าสัญญาแก่ผู้เชื่อทุกคน
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่กระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน ในขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย)
- เมื่อพระเจ้าทำการอัศจรรย์ต่อหน้าฟาโรห์ หนูสังเกตเห็นไหมว่าพวกนักวิทยาคมก็ทำสิ่งที่เกินธรรมชาติได้เหมือนกัน หนูคิดอย่างไรเมื่อเทียบกับเรื่องมหิธฤทธิ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน? (ครูสรุปว่าในโลกของเรา ผีมารวิญญาณชั่ว และนักมายากลก็สามารถทำสิ่งเหนือธรรมชาติได้หลายอย่าง แต่พระเจ้าองค์เที่ยงแท้มีฤทธิ์อำนาจเหนือวิญญาณทั้งหลาย ในที่สุดแล้วฤทธิ์อำนาจอื่นๆ ก็เปรียบเทียบกับฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าไม่ได้)
- มีภัยพิบัติอะไรบ้างที่พระเจ้าให้เกิดในประเทศอียิปต์ เนื่องจากฟาโรห์มีใจแข็งกระด้าง?
- ภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุดคืออะไร? และพระเจ้าสั่งชาวอิสราเอลให้ทำอย่างไรเพื่อจะรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนั้น?
- การผ่านเว้นหรือปัสกาในครั้งนั้น เป็นภาพจำลองถึงเหตุการณ์อะไรที่จะตามมาในภายหลัง?
- หนูคิดว่าทำไมในปัจจุบันเราไม่ต้องฆ่าลูกแกะเพื่อถวายสัตวบูชา หรือเอาเลือดมาป้ายประตูบ้านเพื่อเราจะได้รับการยกโทษบาป?
- พระเจ้าทำการอัศจรรย์มากมายในบทเรียนวันนี้ หนูได้เรียนรู้ถึงพระลักษณะของพระเจ้าอย่างไรบ้าง?
กิจกรรม
กล่องแห่งความรอด
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ถ่ายเอกสารแบบสำหรับพับกล่องลงบนกระดาษแข็ง เด็ก 1 คนต่อ 1 ชิ้น
- กรรไกร
- กาว
- สีไม้หรือสีเทียน
- ปากกา
วิธีทำ
- ตัดแบบสำหรับพับกล่องตามขอบด้านนอก
- ใช้ปากกาเขียนข้อท่องจำ อพยพ 15:2 ลงตามช่องว่างสี่เหลี่ยมทั้งสี่ช่อง โดยแบ่งข้อท่องจำออกเป็นสี่ส่วนดังนี้ +พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอด+พระองค์นี่แหละเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า+ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์+อพยพ 15:2 +
- โดยให้เขียนตามแนวดังรูปตัวอย่าง
- ระบายสีให้สวยงาม
- พับตามรอยเส้นทุกเส้น เพื่อให้เกิดสันและง่ายต่อการติดกาว
- ทากาวตามขอบปีกทุกขอบ เมื่อประกอบเข้ากันจะได้เป็นกล่องรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส
- ให้เด็กทบทวนข้อท่องจำและครูย้ำความจริงเรื่องการช่วยกู้ของพระเยซูผ่านทางโลหิตและการตายบนไม้กางเขนอีกครั้ง