บทเรียน : อิสราเอลข้ามทะเลแดง

เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้

  • รู้ว่าพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจ และสามารถช่วยกู้คนของพระองค์ได้ในทุกสถานการณ์
  • แน่ใจว่าไม่มีปัญหาหรืออุปสรรค ความยากลำบากอันใดเกินกำลังของพระเจ้า
  • เชื่อฟังและวางใจพระเจ้า เมื่อหนูมีปัญหาหนูจะอธิษฐานวางใจให้พระเจ้าช่วยหนู

ข้อท่องจำ

“พระองค์เท่านั้นทรงเป็นศิลาและเป็นความรอดของข้าพเจ้า  เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว”-สดุดี 62:6

T I P S สำหรับคุณครู

ครูเคยคาดหวังอะไรจากเด็กในชั้นเรียนของครูไหม? ครูที่คาดหวังจะ

  • เมื่อถามคำถาม จะรอให้เด็กตอบและแสดงความคิดเห็น
  • เมื่อให้เด็กทำการบ้าน ท่องข้อท่องจำ ครูจะเช็คตรวจสอบในสิ่งที่เด็กทำ
  • ชมเชยเด็กที่ให้ความร่วมมือเชื่อฟัง และจะไม่ละเลยกับเด็กที่ไม่ใส่ใจ

การคาดหวังในตัวเด็กแต่ละคนอย่างเหมาะสม จะสามารถเป็นแรงกระตุ้นให้เด็กพัฒนาศักยภาพของเขา แต่ที่สำคัญครูไม่ควรคาดหวังที่เด็กทุกคนจะเหมือนกันทั้งหมด หรือ สามารถทำทุกอย่างได้เหมือนกัน

เกม “รีรีข้าวสาร”

“รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เลือกท้องใบลาน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน  คดข้าวใส่จาน พานเอาคนข้างหลังไว้”

วิธีเล่น

  • เลือกเด็กที่สูงที่สุด 2 คนยืนหันหน้าเข้าหากัน จับมือเป็นสะพานโค้ง ยืนห่างกันพอประมาณที่เด็กคนอื่นๆ จะสามารถเดินรอดไปได้
  • เด็กที่เหลือจะยืนเข้าแถวเรียงหนึ่ง เกาะเอวกัน หัวแถวจะเดินลอดใต้สะพานโค้ง เด็กทุกคนจะช่วยกันร้องเพลงรีรีข้าวสาร เมื่อถึงประโยค “พานเอาคนข้างหลังไว้” ให้เด็กที่เป็นสะพานโค้งลดมือลงและจับเด็กคนสุดท้ายไว้
  • เด็กที่ถูกจับให้ถือว่าตาย และจะออกไปนั่งรอนอกวง
  • เริ่มร้องเพลงและเดินลอดสะพานใหม่ จนกว่าเด็กจะถูกจับหมดทั้งแถว ถือว่าเป็นการจบการละเล่น
  • เกมนี้เกี่ยวกับข้าวปลาอาหาร ซึ่งเด็กจะได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าเลี้ยงดูอิสราเอลอย่างไรในถิ่นทุรกันดาร

บทนำเรื่อง

ขอครูถ่ายเอกสารขยายแผนที่เส้นทางอพยพของอิสราเอลเป็นขนาด A3 เพื่อนำมาใช้ประกอบการสอน ให้เด็กเห็นภาพถึงการเดินทางของอิสราเอล เพื่อเด็กจะได้เกิดความเข้าใจมากขึ้นในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชนชาติอิสราเอล

เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์

ภาพที่ 1 โมเสสนำชนชาติอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ พร้อมทั้งฝูงสัตว์ เครื่องเงินและเครื่องทองที่ได้มาจากชาวอียิปต์ หลังจากการช่วยกู้ของพระเจ้า พวกเขาเดินทางโดยพระเจ้าให้มีเสาเมฆนำหน้าประชากรทั้งหลายในเวลากลางวัน และเสาเพลิงเป็นแสงสว่างนำทางพวกเขาในเวลากลางคืน

หลังจากนั้นไม่นาน พระเจ้าก็กระทำให้จิตใจของฟาโรห์แข็งกระด้างขึ้นอีก “ไฉนเราจึงปล่อยให้พวกอิสราเอลหลุดพ้นจากการรับใช้เราเล่า” พระองค์จึงจัดรถรบอย่างดี 600 คัน ทหารม้าและพลโยธาไล่ตามชาวอิสราเอลไปถึงที่พวกเขาตั้งค่ายอยู่ริมทะเลแดง ฝ่ายชาวอิสราเอลต่างก็พากันตกใจกลัวและบ่นต่อว่าโมเสส แต่โมเสสกล่าวแก่พวกเขาว่า อย่ากลัวเลย อย่าหวั่นไหว ความรอดมาจากพระเจ้า เพราะพระองค์จะรบแทนท่านทั้งหลาย จงสงบอยู่เถิด เพราะพระเจ้าจะสำแดงให้คนทั้งหลายและชาวอียิปต์เห็นว่าพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้าองค์เที่ยงแท้

ภาพที่ 2  พระเจ้าจึงสั่งให้โมเสสนำชาวอิสราเอลเดินหน้าต่อไป และเสาเมฆก็เคลื่อนไปด้านหลังเพื่อบดบังชาวอิสราเอลจากกองทัพอียิปต์ไว้ตลอดคืน เมื่อโมเสสมาถึงริมทะเลแดง เขาก็ยกไม้เท้าขึ้น พระเจ้าบันดาลให้เกิดลมตะวันออกพัดโหมใส่น้ำนั้น น้ำก็แยกออกจากกันเป็นกำแพง ปรากฏดินแห้งให้ชาวอิสราเอลเดินผ่านไปได้ ในคืนวันนั้นพระเจ้าก็บันดาลให้เกิดการโกลาหลในกองทัพอียิปต์ พระองค์กระทำให้ล้อรถรบฟืดจนแล่นไปไม่ได้ และในเวลารุ่งเช้าพระเจ้าตรัสกับโมเสสให้ยกไม้เท้าขึ้นเหนือทะเล น้ำทะเลก็ไหลกลับคืนท่วมรถรบ พลม้าและทหารชาวอียิปต์ที่ตามมาเสียสิ้นไม่เหลือแม้สักคนเดียว ชาวอิสราเอลเห็นการอัศจรรย์ครั้งใหญ่ที่พระเจ้าสำแดงแก่พวกเขา เขาทั้งหลายจึงเชื่อในพระเจ้าและเชื่อถือโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าด้วย

ภาพที่ 3  ต่อมาโมเสสนำอิสราเอลเดินทางจากทะเลแดงต่อไปในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาสามวัน พวกเขาไม่มีน้ำจะดื่ม เมื่อมาถึงสถานที่แห่งหนึ่งเขาได้พบน้ำแต่น้ำที่นั่นมีรสขม ต่อมาได้ชื่อว่าตำบลมาราห์ (แปลว่า ความขม) ชาวอิสราเอลก็พากันบ่นและต่อว่าโมเสสอีก โมเสสจึงนำเรื่องเข้าเฝ้าพระเจ้าและพระเจ้าชี้ให้โมเสสเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง เขาจึงโยนต้นไม้นั้นลงในน้ำ น้ำขมก็มีรสจืด ที่นั่นพระเจ้ากล่าวแก่ชาวอิสราเอลว่าหากพวกเขายอมเชื่อฟังและทำตามเสียงของพระเจ้า พวกเขาจะไม่พบกับความเจ็บป่วยหรือโรคร้ายที่พระเจ้ากระทำต่อชนชาติอียิปต์ เพราะพระเจ้าจะเป็นแพทย์ของพวกเขา หลังจากนั้นพระเจ้าก็นำเขาไปยังเอลิม(ประมาณ 10 กิโลเมตรจากมาราห์) ที่มีบ่อน้ำสิบสองบ่อ และต้นอิทผลัมเจ็ดสิบต้น ชาวอิสราเอลจึงตั้งค่ายอยู่ในบริเวณนั้น

ในเดือนที่สองหลังจากอพยพจากอียิปต์ ชาวอิสราเอลเดินทางมาถึงถิ่นทุรกันดารสีน (ก่อนจะถึงภูเขาซีนาย) ชาวอิสราเอลเริ่มบ่นต่อว่าโมเสสที่นำพวกเขามาลำบากในถิ่นทุรกันดาร และไม่มีอาหารกินเหมือนเมื่อเป็นทาสในประเทศอียิปต์ พระเจ้าจึงตรัสกับอาโรนและโมเสสว่า ในเวลาเย็นพระเจ้าจะประทานเนื้อนกคุ่มให้แก่ชาวอิสราเอล และจะให้อาหารตกลงมาจากท้องฟ้าดุจฝน ให้ประชาชนออกไปเก็บทุกวันพอกินเฉพาะวันหนึ่งๆ (คนละหนึ่งโอเมอร์ หรือเกือบเท่าสี่ลิตร) ในวันที่หกเมื่อเขาเตรียมของที่เก็บมา อาหารนั้นก็จะเพิ่มเป็นสองเท่าของที่เขาเก็บทุกวัน เพื่อประชาชนจะได้รักษาวันสะบาโตไว้ให้เป็นวันบริสุทธิ์ วันหยุดพักการงานทั้งสิ้น และพวกเขาจะได้เห็นพระสิริของพระเจ้า

ภาพที่ 4  ครั้นเวลาเย็นฝูงนกคุ่มบินมาเต็มค่าย และในเวลาเช้ามีน้ำค้างตกลงมารอบค่าย เมื่อน้ำค้างระเหยไป ก็เห็นเกล็ดเล็กๆ เท่าเม็ดผักชีอยู่ตามพื้นดิน สีเหมือยางไม้ตะคร้ำ มีรสเหมือนขนมแผ่นผสมน้ำผึ้ง พอแดดจัดเกล็ดเหล่านั้นก็ละลายหายไป พวกเขาจึงเรียกอาหารนั้นว่า “มานา” แปลว่านี่อะไรหนอ ในเวลาเช้าประชาชนต่างพากันเก็บอาหาร บางคนเก็บมาก บางคนเก็บน้อย แต่เมื่อเขาตวง คนที่เก็บได้มากก็ไม่มีเหลือ คนที่เก็บได้น้อยก็หาขาดไม่ โมเสสสั่งชาวอิสราเอลว่าอย่าให้ใครเก็บอาหารเหลือไว้ในวันต่อไป แต่เขาไม่เชื่อฟัง บางคนก็เก็บอาหารส่วนหนึ่งไว้สำหรับวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่าอาหารนั้นก็บูดเน่าเป็นหนอนเสีย เมื่อวันที่หกพวกเขาเก็บอาหารคนละสองโอเมอร์ เพื่อเก็บส่วนหนึ่งไว้สำหรับกินในวันสะบาโต อาหารเหล่านั้นก็ไม่เน่าเสีย บางคนไม่เชื่อฟังโมเสสและพระเจ้าออกไปนอกเต้นท์เพื่อจะเก็บมานาในเช้าวันสะบาโต แต่ก็ไม่พบอาหารอย่างนั้นบนพื้นดินเลย

พระเจ้าตรัสกับโมเสสให้อิสราเอลเลิกขัดคำสั่งของพระองค์ พระเจ้าทรงกำหนดให้วันที่เจ็ดเป็นวันสะบาโต และให้ทุกคนเก็บอาหารให้พอกินเป็นเวลาสองวันในวันที่หก และให้ทุกคนหยุดพักอย่าออกจากที่พักของตนในวันที่เจ็ด และรักษาวันบริสุทธิ์นี้ไว้ มานาเป็นอาหารที่พระเจ้าประทานให้ชาวอิสราเอลตลอดเวลาสี่สิบปีจนพวกเขาได้เข้าครองแผ่นดินพันธสัญญาในแคว้นคานาอัน

แผนการของพระเจ้า

พระเจ้าองค์เที่ยงแท้ และมีฤทธิ์ พระองค์มีแผนการที่จะช่วยชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ไปสู่แผ่นดินพันธสัญญาที่พระองค์เตรียมไว้ พระองค์รู้ทุกรายละเอียด พระองค์รู้ทุกอุปสรรคปัญหาที่ชาวอิสราเอลจะต้องเจอ และที่สำคัญพระองค์เตรียมทางที่จะช่วยพวกเขาไว้ทั้งหมดแล้ว สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งคือพระเจ้าต้องการให้ชนชาติอิสราเอลเชื่อฟังพระองค์ และเชื่อใจพระเจ้าว่าพระองค์ทรงควบคุมสถานการณ์ทุกอย่าง และไม่มีอุปสรรคปัญหาใดที่เกินอำนาจของพระองค์

พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร

ภาพที่ 5  เช่นเดียวกับชาวอิสราเอล พระเจ้าต้องการให้หนูเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงช่วยจัดการอุปสรรคปัญหาของหนูทุกอย่าง พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่มีฤทธิ์ สามารถกระทำสิ่งสารพัดมากเกินกว่าที่หนูทูลขอหรือคิดได้ ดังนั้นเมื่อหนูมีปัญหาหรือความยากลำบาก ให้หนูอธิษฐานขอต่อพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และตั้งใจที่จะเชื่อฟังและทำตามสิ่งที่พระองค์สั่ง ส่วนที่เหลือทั้งหมดนั้นให้วางใจและยกให้พระเจ้าเป็นผู้จัดการดูแล

รูปภาพประกอบ

ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ  เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา

คำถามอภิปราย

(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่กระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน ในขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย)

  1. เมื่อเดินทางมาชนทะเลแดง และกองทัพอียิปต์กำลังไล่ตามมา ถ้าหนูเป็นประชาชนหนูจะทำอย่างไร? และถ้าหนูเป็นโมเสสหนูจะทำอย่างไร?
  2. พระเจ้าสั่งให้โมเสสยกไม้เท้าขึ้น แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น? หนูคิดว่าการที่ทะเลแยกออกเป็นกำแพงน้ำ มันอัศจรรย์มากแค่ไหน? หนูเคยเห็นอะไรที่อัศจรรย์กว่านี้ไหม?
  3. อะไรบ้างเป็นสิ่งสำคัญในการที่มนุษย์เราจะมีชีวิตอยู่? (ปัจจัยสี่- อาหาร, เครื่องนุ่งห่ม, ที่อยู่อาศัย, ยารักษาโรค)
  4. พระเจ้าเลี้ยงดูชนชาติอิสราเอลอย่างไรบ้าง เมื่อเขาเดินทางออกจากอียิปต์ไปยังแผ่นดินพันธสัญญา?
  5. เมื่อพระเจ้าสั่งให้อิสราเอลเก็บมานาให้เพียงพอสำหรับวันหนึ่ง มีบางคนไม่เชื่อฟัง พวกเขาทำอะไร? แล้วเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเขาไม่เชื่อฟัง?
  6. ในพระคัมภีร์บอกว่าพระเจ้าประทานมานาให้พวกเขาเป็นเวลากี่ปี? หากครอบครัวของหนูขัดสน ขาดสิ่งจำเป็นในชีวิต ถ้าหนูอธิษฐานวางใจพระเจ้า หนูคิดว่าพระเจ้าสามารถช่วยครอบครัวหนูได้ไหม?

กิจกรรม

“เอาชีวิตรอดในถิ่นทุรกันดาร”

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • รองเท้าแตะขนาดของผู้ใหญ่, หมวกปีกกว้าง และแว่นตากันแดดสำหรับแต่ละทีม
  • บัตรภาพทีมละหนึ่งชุด (ใช้กระดาษขนาด 3x5 นิ้ว วาดภาพลงบนกระดาษและเขียนกำกับด้านล่าง) ซึ่งแต่ละชุดประกอบด้วย
    • ภาพของสิ่งที่ชาวอิสราเอลอาจนำไปในถิ่นทุรกันดาร เช่น หม้อ เสื้อผ้า วัว แกะ เครื่องดนตรีชิ้นเล็กๆ รถลาก ไม้เท้า และอื่นๆ
    • ภาพสิ่งของที่จะไม่พบในถิ่นทุรกันดาร เช่น โทรทัศน์ แว่นตาดำน้ำ รถบังคับ เตาอบ วิทยุ เกมคอมพิวเตอร์ และอื่นๆ
    • บัตรสามใบที่มีรูปของ น้ำ มานา และเนื้อนกคุ้ม

วิธีเล่น

  • แบ่งเด็กออกเป็นทีมละไม่เกินห้าหรือหกคน แต่ละทีมให้เด็กเข้าแถวเรียงหนึ่งสำหรับการแข่งขัน
  • บอกเด็กว่า “เมื่อชาวอิสราเอลเดินทางออกจากอียิปต์ จะเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาต้องนำสิ่งของต่างๆ ติดตัวไป และจำเป็นต้องเอาสิ่งที่จำเป็นสำหรับเอาชีวิตรอดในการเดินทางไปด้วย” ให้เวลาเด็กปรึกษากันในทีมสักครู่ (เด็กยังไม่เห็นบัตรคำ)
  • ครูสลับบัตรคำของทุกทีมรวมกันทั้งหมด เรียงบัตรให้เป็นกองเดียวแล้วนำไปวางไว้อีกฝั่งหนึ่งของชั้นเรียน ยกเว้นบัตรน้ำ มานา และเนื้อนกคุ้มสำหรับให้ครูถือไว้
  • สมมุติให้เด็กทุกคนเป็นชาวอิสราเอล เด็กคนแรกของแต่ละทีมต้องสวมรองเท้า ใส่หมวกและแว่นตากันแดดก่อน แล้วจึงวิ่งไปที่กองบัตรคำและเลือกบัตรคำหนึ่งใบที่ชาวอิสราเอลต้องใช้ในการเอาชีวิตรอดในถิ่นทุรกันดาร เมื่อวิ่งกลับมาที่แถวให้วางบัตรคำลงกับพื้น เด็กคนต่อไปจึงสามารถลงแข่งต่อไป
  • หากเด็กหยิบบัตรซ้ำหรือบัตรที่ไม่มีในถิ่นทุรกันดาร เด็กคนนั้นต้องวิ่งเอาบัตรนั้นกลับไปคืนแล้วหยิบบัตรใหม่กลับมา เด็กคนอื่นๆ ในทีมสามารถส่งเสียงช่วยเหลือทีมของตนเองได้
  • เมื่อเด็กได้บัตรคำที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว พวกเขาก็ยังทำไม่สำเร็จจริงๆ หากมีทีมใดที่เอ่ยขึ้นว่า น้ำอยู่ที่ไหน หรือเนื้อ หรืออาหารยังไม่มี ให้ครูนำบัตรที่เขาเอ่ย ไปให้แก่ทีมนั้น หากไม่มีทีมไหนคิดถึงเรื่องพวกนี้ ให้ครูบอกใบ้เป็นแนวทางให้เด็กได้คิด เช่น “ครูสงสัยจังว่าชาวอิสราเอลกินอะไรเป็นอาหารในถิ่นทุรกันดาร” เมื่อทีมไหนตอบให้บัตรคำแก่ทีมนั้น
  • หลังจากเล่นเสร็จ ครูอาจชี้ให้เห็นว่าเราต้องพึ่งพาพระเจ้าสำหรับสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเอาชีวิตรอด และให้เด็กแสดงความคิดเห็นว่าการทำงามร่วมกันเป็นทีมสำคัญอย่างไร การทะเลาะกันในทีมส่งผลดีหรือผลเสียอย่างไร หากพวกเขาอยู่ในถิ่นทุรกันดารพวกเขาจะบ่นต่อว่าผู้นำหรือไม่ อย่างไร?

กิจกรรม

อิสราเอลข้ามทะเลแดง

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • กระดาษแข็งหรือกระดาษทำปก ขนาด A5  (ครึ่งหนึ่งของ A4 ขนาดมาตรฐาน)
  • สี
  • ปากกาเมจิก
  • ไม้บรรทัด
  • กรรไกร
  • เทปใส
  • ทรายละเอียด
  • กระดาษแก้วสีฟ้าสำหรับทำพื้นทรายและน้ำทะเล (หากไม่มี ใช้สี ระบายแทนก็ได้)

วิธีทำ

  • แจกกระดาษแข็งให้เด็กแต่ละคนๆ ละ 2 แผ่น

    • แผ่นที่ 1  แบ่งครึ่งหน้ากระดาษ วาดรูปชาวฮีบรูกำลังเดินทางบนพื้นทรายแห้งทากาวโรยทรายลงบนกระดาษ ระวังอย่าให้กลบฝูงชน

    • แผ่นที่ 2  แบ่งครึ่งหน้ากระดาษ วาดรูปคลื่นทะเล ตัดกระดาษส่วนบนทิ้ง ใช้กระดาษแก้วทากาวแปะลงบนกระดาษส่วนล่างให้เหมือน น้ำทะเล หรือจะระบายสีน้ำทะเลให้สวยงามก็ได้ หลังจากนั้นตัดครึ่งระหว่างกลาง น้ำทะเลก็จะแยกออกเป็น 2 ชิ้น

  • นำกระดาษรูปน้ำทะเลทั้ง 2 ชิ้น ซ้อนลงบนภาพที่ 1 ติดด้วยเทปใส ก็จะได้รูปชาวฮีบรูกำลังเดินข้ามทะเลแดงบนพื้นทรายแห้ง ดังตัวอย่าง

กิจกรรม

ทำที่บ้าน