เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้
- เรียนรู้ว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แต่องค์เดียว และเป็นพระเจ้าที่หวงแหน
- เข้าใจว่าพระเจ้าต้องการให้หนูเชื่อฟังพระองค์ และเมื่อหนูเชื่อฟังหนูจะได้รับพร
- ตั้งใจเชื่อฟังพระเจ้า และไม่หันไปกราบไหว้พระอื่น
ข้อท่องจำ
“เราคือพระเจ้าของเจ้า ผู้ได้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์คือจากแดนทาส อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา”-อพยพ 20:2-3
T I P S สำหรับคุณครู
จะเป็นการดีหากครูสามารถเขียนนิมิต หรือค่านิยมของ คริสตจักรติดไว้ในชั้นเรียนของครู (หากสถานที่อำนวย) เพื่อให้นิมิตของคริสตจักรนั้นก่อร่างสร้างตัวทีละเล็กทีละน้อยในตัวเด็ก และยังเป็นสิ่งย้ำเตือนครูเองอีกด้วย เมื่อครูต้องแยกตัวออกมารับใช้สอนเด็กๆ ในขณะที่สมาชิกคนอื่นร่วมกันนมัสการพระเจ้า
เกม “รำวงชิงที่นั่ง”
สิ่งที่ต้องเตรียม
- วิทยุเทปสำหรับเล่นดนตรี หรือกีตาร์
- เก้าอื้ให้เท่าจำนวนเด็ก
วิธีเล่น
- จัดเก้าอี้ให้น้อยกว่าจำนวนเด็กทั้งหมด 1 คู่ ครูอาจจะจับคู่ให้เด็กหรือให้เด็กเลือกคู่ของเขาเอง
- เมื่อพร้อมแล้ว ให้เด็กแต่ละคู่ ยืนล้อมรอบเก้าอื้ วิธีเล่นคล้ายกับเก้าอื้ดนตรี เพียงแต่เด็กจะต้องหาที่นั่งให้ได้ด้วยกันเป็นคู่ๆ หากหาที่นั่งได้คนเดียว คู่นั้นจะต้องออกจากการเล่น ครูเปิดเพลงให้เด็กรำวงกันเป็นคู่ๆ รอบเก้าอื้ที่จัดไว้
- หากมีสองคู่ที่หาที่นั่งได้เพียงคนเดียว ให้ทั้งสองคู่เป่ายิงฉุบตัดสินว่าคู่ไหนต้องออกจากการเล่น
- ครูค่อยๆ ลดจำนวนเก้าอื้ให้น้อยลงที่ละคู่
- คู่รำวงที่เหลือคู่สุดท้ายเป็นผู้ชนะ
บทนำเรื่อง
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ลูกบอลตามจำนวน (1 ลูกต่อเด็ก 6 คน)
วิธีเล่น
(เป้าหมายของเกมคือให้เด็กได้เห็นว่ากฏกติกานั้นช่วยให้การอยู่ร่วมกับคนอื่นนั้นง่ายขึ้นมาก และนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่พระเจ้าประทานบทบัญญัติให้กับชาวอิสราเอล)
- ให้เด็กจัดกลุ่มวงกลม กลุ่มละ 6 คน
- เมื่อเด็กยืนเป็นวงกลมเรียบร้อยแล้ว ให้ครูโยนลูกบอลให้แต่ละกลุ่มๆ ละ 1 ลูก และสั่งให้เด็กเริ่มเล่นได้ โดยไม่บอกกติกาหรือวิธีเล่น ครูอาจจะบอกว่า “เริ่มเล่นได้” “เอาเลย”
- เมื่อเด็กโยนบอลไปมาด้วยความงงงวย ไม่รู้เป้าหมายหรือกติการวิธีเล่นสักระยะหนึ่ง ให้ครูเรียกความสนใจจากเด็กและสั่งให้เด็กส่งลูกบอกไปให้คนข้างซ้ายมือ วนจนลูกบอลกลับมาที่เด็กคนเดิม
- หลังจากนั้นครูอาจจะสั่งให้เด็กส่งลูกข้ามคนหรือสองคนให้เป็นรูปแบบ และให้เด็กทำตาม
- เมื่อเด็กทำตามกติกาได้ครบเรียบร้อย ให้ถามคำถามต่อไปนี้
- หนูรู้สึกอย่างไรเมื่อครูบอกให้หนูเริ่มเล่นโดยไม่บอกกติกาหรือวิธีเล่น?
- หนูคิดว่าทำไมกติกาหรือกฎช่วยให้เกมที่เล่นสนุกขึ้น?
- หนูคิดว่าบทบัญญัติของพระเจ้าเหมือนกับกติกาการเล่นเกมอย่างไรบ้าง?
- บทบัญญัติของพระเจ้าช่วยชาวอิสราเอลให้อยู่ร่วมกันได้อย่างไร? (บทบัญญัติของพระเจ้าช่วยให้มนุษย์สามารถมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า และอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น ไม่ให้เกิดความวุ่นวาย การทะเลาะเบาะแว้ง ให้ทุกคนรู้วิถีการดำเนินชีวิตอย่างที่พระเจ้าพอใจ และหากเกิดปัญหา ก็สามารถใช้กฏบัญญัติเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินความและแก้ไขปัญหาได้)
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์
ภาพที่ 1 เดือนที่สามหลังจากชนชาติอิสราเอลเดินทางอพยพออกจากอียิปต์มาตั้งค่ายอยู่บริเวณแถบเทือกเขาซีนาย พระองค์ทรงเรียกให้โมเสสขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้า พระสิริของพระเจ้าปกคลุมยอดเขานั้นดั่งกลุ่มเมฆอยู่หกวัน และในวันที่เจ็ด พระองค์ทรงปรากฏแก่ชนชาติอิสราเอลเหมือนเปลวไฟไหม้อยู่บนยอดเขานั้น โมเสสอยู่บนภูเขานั้นสี่สิบวันสี่สิบคืน
บนยอดเขานั้น พระเจ้าตรัสกับโมเสสถึงกฏบัญญัติต่างๆ ที่พระองค์ต้องการให้ชนชาติอิสราเอลถือปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวันสะบาโต พิธีกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนมัสการพระเจ้า รวมถึงกฏหมายต่างๆ ในการดำเนินชีวิตเพื่อพวกเขาจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เพื่อแยกชนชาติอิสราเอลออกเป็นชนชาติที่พระเจ้าเลือกสรร และเป็นชนชาติบริสุทธิ์ของพระเจ้า เมื่อพระองค์ตรัสแก่โมเสสบนยอดเขาซีนายเสร็จแล้ว พระองค์ได้ประทานแผ่นพระโอวาทสองแผ่นเป็นแผ่นศิลาจารึกด้วยนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้า
ภาพที่ 2 ในระหว่างนั้นประชาชนที่รอโมเสสอยู่ด้านล่าง เห็นโมเสสล่าช้าและไม่ลงมาจากภูเขา พวกเขาจึงขอให้อาโรนสร้างพระที่จะนำพวกเขาต่อไป เพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสสบนภูเขานั้น อาโรนจึงให้ประชาชนปลดตุ้มหูทองคำที่พวกเขาใส่ แล้วนำไปหล่อเป็นรูปปั้นโคหนุ่มพร้อมประกาศว่า “อิสราเอล สิ่งเหล่านี้แหละเป็นพระของเจ้า ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์” แล้วอาโรนก็สร้างแท่นบูชาวางไว้หน้ารูปปั้นนั้น ประชาชนต่างพากันถวายบูชาและนมัสการรูปปั้นโคทองคำนั้น พวกเขาพากันกินและดื่มเฉลิมฉลองและกระทำสิ่งอนาจาร
ภาพที่ 3 เมื่อโมเสสกลับลงมาจากภูเขาถือแผ่นศิลาที่สลักทั้งสองด้านเป็นพระโอวาทของพระเจ้า โยชูวาผู้ติด ตามโมเสสลงจากบนเขารายงานว่าได้ยินเสียงที่มาจากค่ายเหมือนเสียงสงคราม โมเสสกล่าวว่าเสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงของชัยชนะหรือเสียงของความพ่ายแพ้ แต่เป็นเสียงร้องเพลงต่างหาก เมื่อทั้งสองลงมาใกล้ค่ายก็เห็นรูปปั้นวัวทองคำ และประชาชนที่พากันร้องรำทำเพลง ความโกรธของโมเสสก็พลุ่งขึ้น แล้วเขาโยนแผ่นศิลาทั้งสองแผ่นกระแทกกับพื้นแตกบนเชิงเขานั้น หลังจากนั้นโมเสสจึงนำรูปปั้นโคเผาทำลายเสีย แล้วบดเป็นผงผสมลงในน้ำและบังคับให้ประชาชนดื่มน้ำนั้นเสีย
ภาพที่ 4 วันรุ่งขึ้นโมเสสจึงขึ้นไปเฝ้าพระเจ้า เพื่อสารภาพความผิดบาปที่ชนชาติอิสราเอลได้กระทำต่อพระเจ้า พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า ชนชาติอิสราเอลเป็นชนชาติที่หัวแข็ง ดื้อดึง พระองค์จะทำลายล้างชนชาตินี้เสีย แล้วจะให้โมเสสและเชื้อสายของเขาเป็นชนชาติใหม่ของพระเจ้า ฝ่ายโมเสสกลับวิงวอนต่อพระเจ้าให้พระองค์อย่าทำลายอิสราเอลเสียจากแผ่นดินด้วยเหตุผลสามประการ 1) เพราะพระเจ้าเป็นผู้ที่เลือกสรรชนชาติอิสราเอล 2) หากพระองค์ทำลายชนชาติอิสราเอลในถิ่นทุรกันดารนี้ พระนามของพระองค์จะถูกดูหมิ่นจากชาวอียิปต์ ว่าพระองค์ไม่มีฤทธาที่จะนำชนชาติอิสราเอลให้ตลอดรอดฝั่ง 3) สัญญาที่พระองค์ให้ไว้กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบจะไม่สำเร็จเป็นความจริงได้ หากพระองค์ประหารชาวอิสราเอลเสียตอนนี้ โมเสสขอพระเจ้ายกโทษความผิดบาปของชนชาติอิสราเอล ไม่ใช่เพราะความดีความชอบของชนชาตินี้ แต่เพราะพระเมตตาคุณของพระเจ้า พระเจ้าจึงไม่ทำลายล้างชนชาติอิสราเอลเสียจากแผ่นดิน แต่ทรงบันดาลให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นลงโทษประชาชนที่ทำบาปต่อพระองค์ เพราะเหตุที่เขาทำรูปปั้นโคนั้น
ภาพที่ 5 และพระเจ้าทรงเรียกให้โมเสสขึ้นไปเฝ้าพระเจ้า และพระองค์ทรงประทานแผ่นศิลาชุดที่สอง(ซึ่งเหมือนที่จารึกไว้บนแผ่นที่แตกไป) เป็นพันธสัญญาของพระเจ้าที่ให้ไว้กับโมเสสและชนชาติอิสราเอล โมเสสอยู่บนยอดเขาสี่สิบวันสี่สิบคืน มิได้กินหรือดื่มเลย พันธสัญญาบนแผ่นศิลานั้นได้รวมพระบัญญัติสิบประการเอาไว้ด้วยคือ
เมื่อโมเสสลงมาจากภูเขาพร้อมกับแผ่นศิลา หน้าของโมเสสก็ทอแสงเพราะท่านได้สนทนากับพระเจ้าบนยอดเขา เขาจึงใช้ผ้าคลุมหน้าของเขาเมื่อเขาพูดคุยกับประชาชน และปลดผ้านั้นออกเมื่อเขาเข้าเฝ้าพระเจ้า
แผนการของพระเจ้า
หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าการรักษาธรรมบัญญัติเป็นหนทางแห่งความรอด แต่แท้ที่จริงแล้วไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมในสายตาของพระเจ้าด้วยการรักษาธรรมบัญญัติ มันเป็นเหมือนกระจกเงาที่ส่องให้ความบาปและการอธรรมปรากฏชัดขึ้นต่างหาก แสดงให้หนูเห็นว่ามนุษย์ทุกคนตกอยู่ในความบาปและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้นจากบาปได้ นอกจากทางของพระเยซูคริสต์เท่านั้น
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร
พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่รักและหวงแหนหนูมาก พระองค์ไม่ต้องการให้หนูไปกราบไหว้รูปเคารพหรือนับถือเชื่อพึ่งสิ่งอื่นแทนพระเจ้า นี่ไม่ใช่การอิจฉาริษยา แต่หนูลองนึกภาพพ่อกับแม่คู่หนึ่งที่รักกัน วันหนึ่งพ่อคนนี้ไปมีภรรยาอีกคนหนึ่ง แล้วนำกลับมาที่บ้านให้อยู่ในบ้านด้วยกันกับแม่ พ่อยืนยันบอกว่ายังรักแม่มากที่สุดเลยนะ แต่ขอเอาผู้หญิงอีกคนหนึ่งมาอยู่ด้วย พระเจ้าก็คงรู้สึกคล้ายๆ กับแม่คนนี้ที่สามีตัวเองไม่ซื่อสัตย์กับตน พระองค์เสียใจและชิงชังการกระทำอย่างนี้ที่สุด
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่กระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน ในขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย)
- พระเจ้าให้บทบัญญัติต่างๆ แก่ชาวอิสราเอลทำไม?
- เมื่อโมเสสขึ้นไปบนภูเขาอยู่กับพระเจ้าสี่สิบวัน เกิดอะไรขึ้นกับประชาชนที่รออยู่ด้านล่าง?
- หนูคิดว่าถ้าหนูเป็นอาโรน หนูจะยอมทำอย่างนั้นไหม? ถ้าไม่ หนูจะทำอย่างไร?
- โมเสสให้เหตุผลอะไรบ้างกับพระเจ้าเพื่อขอให้พระองค์ไม่ทำลายชนชาติอิสราเอลเสียให้หมด?
- หนูคิดว่าโมเสสเป็นผู้นำที่ดีไหม? ทำไมหนูถึงคิดเช่นนั้น?
- หนูคิดว่าบัญญัติสิบประการที่หนูท่องกันเป็นประจำ สำคัญต่อความรอดของหนูอย่างไร? ถ้าหนูรักษาบัญญัติทั้งหมดไม่ได้หนูจะได้รับความรอดไหม?
- เมื่อหนูรู้ว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าที่รักและหวงแหน หนูจะปรนนิบัติพระเจ้าอย่างไรได้บ้าง?
กิจกรรม
พระเจ้าของเจ้า
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กระดาษแข็ง
- แผ่นแม่เหล็ก
- กรรไกร
- ปากกา
- สี
วิธีทำ
- ถ่ายเอกสารหรือลอกลายแบบแผ่นหินลงบนกระดาษแข็งสำหรับเด็กแต่ละคน (ครูควรทำเตรียมไว้ล่วงหน้า)
- ให้เด็กตัดรูปแผ่นหินตามแบบ ใช้ปากกาเขียนข้อท่องจำสำหรับวันนี้ ข้างละหนึ่งข้อ หลังจากนั้นระบายสีให้สวยงาม
- แปะแผ่นแม่เหล็กขนาดพอเหมาะ(ครูตัดเตรียมไว้ล่วงหน้า) ไว้ด้านหลัง เมื่อเสร็จเรียบร้อยสามารถนำไปติดตู้เย็นหรือกระดานโลหะ เป็นเครื่องช่วยเตือนความจำ ให้ระลึกถึงพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ของเรา