เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้
- รู้ว่าพระเจ้าสัตย์ซื่อและรักษาสัญญาของพระองค์เสมอ
- ไม่กลัว แต่จะกล้าทำในสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย
- เมื่อหนูรู้สึกกลัว หนูจะอธิษฐานขอให้พระเจ้าปกป้องและช่วยหนู
ข้อท่องจำ
“ในพระเจ้า ข้าพระองค์วางใจอย่างปราศจากความกลัว คนจะกระทำอะไรแก่ข้าพระองค์ได้”-สดุดี 56:11
T I P S สำหรับคุณครู
เด็กในวัยประถมปลายมักจะกลัวที่จะแตกต่างจากเพื่อนๆ กลัวถูก เพื่อนล้อ กลัวไม่เป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆ และความกลัวเหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อเด็กมาก หากพวกเขาไม่มั่นคงในสภาวะที่ตนเองเป็นอยู่ อีกนัยหนึ่งคือไม่รู้จักตัวเอง ครูสามารถมีส่วนสำคัญในการเน้นย้ำความจริงที่ว่าเด็กแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัว เขาต้องเคารพและรู้ว่าตัวเองมีค่า เพราะเขาเป็นที่รักของพระเจ้า เป็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า และพระเจ้ามีแผนการในชีวิตของเขา
เกม “ไล่จับยักษ์”
วิธีเล่น
- เกมนี้มีวิธีเล่นคล้ายๆ กับเกมวิ่งแปะแข็ง ให้เลือกเด็กสองคนเป็นผู้สอดแนมผู้กล้าหาญ เด็กที่เหลือให้เป็นยักษ์
- ครูขีดเส้นเป็นเขตหรือกำหนดเขตแดนที่เด็กต้องวิ่งอยู่ในเฉพาะบริเวณกำหนดเท่านั้น
- เมื่อให้สัญญาณเริ่มเล่น ผู้สอดแนมจะต้องพยายามไปแปะยักษ์ให้ได้ทั้งหมด เมื่อยักษ์ถูกแปะตัวจะต้องยืนแข็งอยู่กับที่ไม่สามารถขยับตัวได้ จนกว่ายักษ์ตัวอื่นจะมาช่วยด้วยการแปะตัวยักษ์ที่ยืนแข็งอยู่
- เมื่อผู้สอดแนมสองคนสามารถแปะยักษ์ให้ยืนแข็งได้ทั้งหมด ให้ยักษ์ที่ถูกแปะสองคนแรกเป็นผู้สอดแนมแทน
บทนำเรื่อง
(เค้าโครงเรื่องจาก ชุมนุมเรื่องจริง โดยชัย เรืองศิลป์)
ในเดือนตุลาคม 2500 แจ้ สุธรรมาขึ้นรถโดยสารจากอำเภอชัยบาดาลจะไปโคกสำโรง แต่ระหว่างทางมีชายใส่ชุดดำสองคนโบกให้รถจอด และขึ้นมาบนรถพร้อมอาวุธปืนและระเบิดมือ เมื่อบังคับให้คนขับรถลงจากรถ เขาก็เรียกพวกอีก 9 คนที่แอบซุ่มอยู่ขึ้นมาบนรถ พวกมันสั่งให้ผู้โดยสารทุกคนลงจากรถและนอนคว่ำหน้าลงดินและเริ่มริบแก้วแหวนเงินทองจากผู้โดยสารทุกคน ยกเว้นคนเดียวที่หลงเหลืออยู่บนรถคือแจ้ สุธรรมา เพราะเขาเป็นเด็กมีอายุเพียงสิบสองขวบและไม่มีทรัพย์สินติดตัวแต่อย่างใด
แจ้เป็นเด็กที่ช่างสังเกตเป็นนิสัย เขาจึงจำหน้าโจรเหล่านั้นได้ แต่ในเวลานั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อโจรได้ของทั้งหมดจึงปล่อยให้ทุกคนขึ้นรถและออกรถไปได้ เมื่อคนเหล่านั้นไปถึงเมืองก็แจ้งตำรวจเพื่อนำกำลังไปจับพวกโจรนั้น แต่ก็ไม่พบร่องรอยใดเลย และไม่มีผู้โดยสารคนใดรู้จักหรือเคยเห็นหน้าพวกโจรเหล่านั้นมาก่อน จึงทำให้การติดตามตัวแทบจะเป็นไปไม่ได้
สองวันหลังจากนั้น ระหว่างที่แจ้นั่งรอรถประจำทางอยู่ที่ป้ายรถ ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหน้าของชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาจำได้ทันทีว่าเป็นหัวหน้าโจรที่ถือระเบิดมือขึ้นมาบนรถ ครั้นจะไปแจ้งตำรวจก็คิดว่าโจรคนนี้จะไปซะก่อน แจ้ซึ่งเป็นนักเรียน และลูกเสือ เกิดความกล้าหาญและอยากจะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง จึงตัดสินใจสะกดรอยตามโจรคนนั้นไปโดยไม่มีความกลัว จนไปถึงที่โรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ห้องหมายเลข 3 แจ้จึงรีบวิ่งไปหาตำรวจและแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ตำรวจฟัง เพียงไม่นานตำรวจก็สามารถไปล้อมจับหัวหน้าโจรคนนั้นไว้ได้ และโจรนั้นก็ยอมรับสารภาพและได้ระบุโจรทั้งหมดที่ร่วมกันปล้นรถโดยสารอีกด้วย
แจ้ สุธรรมาเป็นเด็กผู้ชายอายุ 12 ปีที่น่าชมเชย ถึงความกล้าหาญ ความช่างสังเกตและไหวพริบของเขา เขาได้ตัดสินใจทำสิ่งที่เสี่ยงอันตรายเพื่อประโยชน์ของพี่น้องส่วนรวมถึงแม้ว่าในสายตาของคนทั่วไปจะคิดว่าเขายังเป็นเด็ก
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์
ภาพที่ 1 เมื่อชาวอิสราเอลเดินทางมาถึงคาเดชบารเนียบริเวณถิ่นทุรกันดารปาราน ตรงหน้าของพวกเขาคือแผ่นดินคานาอันซึ่งพระเจ้าได้สัญญาที่จะประทานให้กับบรรพบุรุษของพวกเขา โมเสสได้ส่งคนจากเผ่าของบรรพบุรุษเผ่าละคน แต่ละคนที่ถูกส่งไปเป็นหัวหน้าของเผ่านั้น เพื่อไปสอดแนมดูที่แผ่นดินคานาอัน ตรวจดูแผ่นดินนั้นว่าเป็นอย่างไร คนที่อยู่ในแผ่นดินนั้นมีกำลังแข็งแรงหรืออ่อนแอ มีคนน้อยหรือมาก สำรวจดูว่าแผ่นดินนั้นดีหรือเลว ดินอุดมหรือแห้งแล้ง ผู้คนอยู่กันเป็นค่ายหรือมีกำแพงใหญ่ โมเสสรวบรวมผู้สอดแนมได้สิบสองคน กำชับให้เขาทั้งหลายมีใจกล้าหาญ และนำผลไม้จากเมืองนั้นกลับมาให้ประชาชนดูบ้าง
ผู้สอดแนมทั้งสิบสองคนได้เดินทางจากที่ตั้งค่ายเข้าไปตามหัวเมืองต่างๆ ได้ตัดองุ่นกิ่งหนึ่งมีองุ่นพวงหนึ่งที่สองคนต้องใช้ไม้คานหามซึ่งในเวลานั้นเป็นฤดูผลองุ่นสุกรุ่นแรก รวมถึงเก็บผลทับทิมและมะเดื่อมาบ้าง
ภาพที่ 2 ล่วงมาสี่สิบวันเขาทั้งหลายก็กลับมาจากการสอดแนมแผ่นดินคานาอัน พวกเขาได้รายงานต่อโมเสสและอาโรน ต่อหน้าชุมนุมอิสราเอลว่าแผ่นดินนั้นเป็นแผ่นดินที่อุดมไปด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง และให้พวกประชาชนดูผลไม้ที่พวกเขาเก็บมาจากแผ่นดินนั้น แต่คนในเมืองนั้นมีกำลังมาก เมืองใหญ่โตมีกำแพงล้อมรอบ และยังมีคนอานาค คนอามาเลขอยู่ในเนเกบ คนฮิตไทต์ คนเยบุส คนอาโมไรต์อยู่บนภูเขา คนคานาอันอยู่ริมฝั่งทะเล และตามฝั่งแม่น้ำจอร์แดน
ในขณะนั้นเองคาเลบจากเผ่ายูดาห์หนึ่งในผู้สอดแนมได้สั่งให้คนเหล่านั้นหยุดพูดและกล่าวว่า “ให้เราขึ้นไปทันทีและยึดเมืองนั้น เพราะพวกเรามีกำลังสามารถที่จะเอาชัยชนะได้” แต่ผู้สอดแนมคนอื่นกลับพูดต่อไปว่าไม่มีทางที่อิสราเอลจะไปสู้คนเหล่านั้นได้ พวกเขามีกำลังมากกว่าเรา และที่นั่นเป็นแผ่นดินกินคน ชาวเมืองที่เห็นก็เป็นคนตัวใหญ่ เราก็เป็นเหมือนตั๊กแตนในสายตาของพวกเขา
ภาพที่ 3 หลังจากประชาชนได้ยินอย่างนั้นก็ร้องไห้ลั่นและบ่นกับโมเสสและอาโรนว่าอยากจะกลับไปเป็นทาสในอียิปต์ดีเสียกว่าที่จะต้องมาตายด้วยคมดาบ โมเสสและอาโรนพร้อมด้วยคาเลบและโยชูวาบุตรนูน (ผู้ที่ติดตามโมเสสไปที่เชิงเขาซีนาย) ซึ่งเป็นผู้ร่วมไปสอดแนมที่แผ่นดินคานาอัน ได้ฉีกเสื้อผ้าตนเองและซบหน้าลงถึงพื้นดินต่อหน้าชุมนุมอิสราเอล พร้อมกับกล่าวว่าแผ่นดินที่ได้ไปสอดแนมนั้นเป็นแผ่นดินที่ดีเหลือเกิน เป็นแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ ถ้าพระเจ้าพอพระทัยในพวกเรา พระองค์จะทรงนำเราเข้าไปในแผ่นดินนั้น ขอแต่อย่าให้เรากบฏต่อพระเจ้าเท่านั้น อย่ากลัวชาวแผ่นดินนั้นเลย เพราะเขาทั้งหลายเป็นขนมของเรา พระเจ้าสถิตฝ่ายเรา อย่ากลัวและตกใจเลย แต่ชุนนุมอิสราเอลทั้งหลายกลับไม่ฟังและพูดกันว่าให้เอาก้อนหินขว้างเขาให้หยุดพูดเสีย
ภาพที่ 4 พระพิโรธของพระเจ้าได้มาอยู่เหนือชนชาติอิสราเอลในเวลานั้น เมื่อเขาทั้งหลายได้สบประมาทพระเจ้า ไม่เชื่อวางใจในพระองค์ทั้งๆ ที่พระองค์ได้กระทำการอัศจรรย์สำคัญหลายอย่างต่อหน้าพวกเขา พระองค์ต้องการประหารและตัดอิสราเอลออกจากการสืบมรดกเป็นชนชาติของพระเจ้า และตั้งให้โมเสสและลูกหลานของเขาเป็นประเทศใหญ่แทนชนชาติอิสราเอล แต่โมเสสได้ร้องขอให้พระเจ้าอภัยความผิดครั้งนี้ให้แก่ประชาชนทั้งหลายตามความยิ่งใหญ่แห่งความรักมั่นคงของพระองค์ เพื่อนานาประชาชาติจะได้เห็นพระสิริของพระเจ้า
พระเจ้าได้ทรงอภัยและยกโทษการทรยศครั้งนี้แก่อิสราเอลโดยจะไม่ทำลายชนชาติของเขา แต่ประชาชนที่ได้เห็นพระสิริของพระเจ้า เห็นการอัศจรรย์สำคัญที่พระเจ้าได้ทรงสำแดงในประเทศอียิปต์และในถิ่นทุรกันดาร แต่ยังไม่เชื่อฟังเสียงของพระเจ้า ไม่เชื่อวางใจในพระองค์ พระเจ้าได้ตรัสว่าประชาชนตั้งแต่อายุยี่สิบปีขึ้นไป ผู้ที่บ่นต่อว่าเรา จะไม่มีสักคนเดียวที่จะได้เข้าไปในแผ่นดินพันธสัญญานั้น (แต่ลูกหลานเล็กๆ พระเจ้าจะพาเขาทั้งหลายเข้าไปและเป็นเจ้าของแผ่นดินนั้น) พวกเขาจะต้องทนทุกข์ในการเดินทางในถิ่นทุรกันดารตามจำนวนวันที่เจ้าเข้าไปสอดแนมในแผ่นดินนั้น ซึ่งมีสี่สิบวัน วันหนึ่งจะเป็นหนึ่งปี เขาทั้งหลายจะต้องรับโทษอยู่สี่สิบปี และพวกเขาทั้งหลายจะต้องตายอยู่ที่นั่น ยกเว้นคาเลบและโยชูวาผู้มีจิตใจต่างจากพวกเขาทั้งหลายและติดตามพระเจ้าตลอดเวลา เขาจะได้เข้าไปในแผ่นดินคานาอันและได้รับแผ่นดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์
ส่วนคนที่โมเสสใช้ไปสอดแนม ผู้ที่กลับมาว่าใส่ร้ายแผ่นดินนั้น เป็นสาเหตุให้ประชาชนบ่นต่อว่าโมเสสได้ล้มตายลงเสียด้วยโรคภัยต่อหน้าพระเจ้า ยกเว้นคาเลบและโยชูวาที่ยังมีชีวิตอยู่
แผนการของพระเจ้า
แผ่นดินคานาอัน (หรือประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน) เป็นแผ่นดินที่พระเจ้าเรียกอับราฮัมให้ออกจากบ้านเกิดของตน เพื่อมาครอบครอง เป็นแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญากับยาโคบว่าเขาจะได้กลับมาครอบครอง และเป็นแผ่นดินที่พระเจ้าทำพันธสัญญากับอิสราเอลว่าเขาจะเป็นชนชาติของพระเจ้า และโดยชนชาติของเขา บรรดาประชาชาติจะได้เห็นความยิ่งใหญ่และพระสิริของพระเจ้า ซึ่งแผ่นดินนี้เองที่พระผู้ช่วยให้รอดคือพระเยซูได้มาบังเกิด และจะเสด็จกลับมาอีกครั้ง
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร
ภาพที่ 5 คาเลบและโยชูวาเป็นแบบอย่างแห่งความกล้าหาญ เขาสองคนรู้ถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่จะยกแผ่นดินให้แก่พวกเขา ดังนั้นเขาเลือกที่จะเชื่อวางใจพระเจ้าว่าพระเจ้าจะให้ชัยชนะแก่เขา ถึงแม้ว่าคนในแผ่นดินนั้นจะตัวใหญ่และแข็งแรงกว่าเขา หนูเคยรู้สึกกลัวไหม หนูกลัวอะไรบ้าง เมื่อหนูกลัว หนูสามารถคิดถึงสัญญาของพระเจ้าที่มีต่อหนูได้ พระเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะไม่ละหรือทอดทิ้งหนูเลย(ฮีบรู 13:5) พระองค์ยังสัญญาว่าพระองค์เป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลัง เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก (สดุดี 46:1-2)
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่กระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน ในขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย)
- เมื่อพระเจ้ากำลังจะมอบแผ่นดินคานาอันให้อิสราเอล โมเสสเลือกใครไปสอดแนมแผ่นดินนั้น?
- แผ่นดินที่ผู้สอดแนมไปสืบดูมีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง?
- คนสอดแนมส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าควรหรือไม่ควรที่จะไปยึดแผ่นดินคานาอัน? อย่างไร?
- คาเลบและโยชูวาไม่เห็นด้วยกับผู้สอดแนมเหล่านั้นอย่างไร?
- ถ้าหนูเป็นชาวอิสราเอล ได้ฟังรายงานจากทั้งสองฝ่าย หนูจะรู้สึกอย่างไร?
- อะไรคือผลลัพธ์จากการที่ชาวอิสราเอลไม่เชื่อวพระสัญญาของพระเจ้าว่าพระเจ้าจะมอบแผ่นดินคานาอันให้พวกเขา และกลับสบประมาทพระเจ้า?
- ทำไมหนูคิดว่าคาเลบ และโยชูวาจึงมีความกล้าหาญต่างจากผู้สอดแนมคนอื่นๆ?
กิจกรรม
บวกเลขหรรษา
มีเหตุการณ์สำคัญๆ หลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างที่โมเสสนำชนชาติอิสราเอลจากประเทศอียิปต์ เพื่อจะเข้าไปในแผ่นดินพันธสัญญา หนูๆ มาช่วยกันตอบคำถามและบวกเลขเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องกันเถอะ
กิจกรรม
หนูจะไม่กลัว
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กระดาษแข็งสำหรับทำการ์ดข้อท่องจำ
- กรรไกร
- ปากกา
- สี
วิธีทำ
- ถ่ายเอกสารต้นแบบลงบนกระดาษแข็งหรือกระดาษสำหรับทำปกขนาด A5 (ครึ่งหนึ่งของกระดาษขนาดปกติ) แจกให้เด็กคนละ 1 แผ่น
- ระบายสีรูปองุ่นให้สวยงาม ใช้ปากกาเขียนข้อท่องจำสดุดี 56:11 “ในพระเจ้า ข้าพระองค์วางใจอย่างปราศจากความกลัว คนจะกระทำอะไรแก่ข้าพระองค์ได้”
- ใช้กรรไกรอันเล็กเจาะตัดเฉพาะตามรอยปะรอบรูปองุ่นเท่านั้น
- หลังจากนั้น พับกระดาษเหมือนกับการทำการ์ดอวยพร โดยเว้นรูปองุ่นไว้ไม่ต้องพับ ก็จะได้การ์ดข้อท่องจำพับตั้งโต๊ะ