กิจกรรม
หนูจะเลือกทำอะไร?
ให้ครูเตรียมหาผู้ช่วยครู 1 คนมาร่วมในการแสดง หรือ หากในชั้นเรียนมีเด็กที่ชอบแสดงละคร ครูอาจจะติดต่อและเตรียมตัวกับเด็กนั้นก่อนเวลาเรียน การแสดงในหัวข้อที่ใกล้ตัวเด็กจะทำให้เกิดประสิทธิภาพมาก ให้เด็กเข้าใจและสามารถนำไปใช้ในชีวิตของเขาที่เขามีทางเลือกสองทาง เมื่อพระเจ้าหรือคุณพ่อคุณแม่ขอให้เขาทำบางอย่าง เขาสามารถเลือกที่จะเชื่อฟัง หรือ หากเขาเมินเฉยนั่นหมายถึงเขาเลือกที่จะไม่เชื่อฟัง และแน่นอนที่สุดการตัดสินใจที่ดีที่สุดคือการเลือกที่จะเชื่อฟัง ยกตัวอย่างเช่น
หัวข้อ—ทำการบ้าน
ฉากการแสดง—เด็กหิ้วกระเป๋ากลับมาจากโรงเรียน เมื่อสวัสดีคุณแม่แล้ว คุณแม่เอาขนมให้ทานแล้วสั่งให้ลูกไปนั่งที่โต๊ะแล้วทำการบ้านให้เสร็จ ก่อนที่จะออกไปเล่น
ทางเลือก (ครูและผู้ช่วยแสดงหน้าห้อง แล้วให้เด็กเลือกว่าเขาควรจะทำอะไร)
- เด็กบอกแม่ว่าเดี๋ยวค่อยทำแล้ววิ่งออกไปนอกบ้าน หรือ เด็กเดินไปที่โต๊ะนำการบ้านออกมาเริ่มทำ
- เด็กนำการบ้านออกมาทำด้วยหน้าตาบูดบึ้ง เอะอะเสียงดัง หรือ เด็กเปิดสมุดการบ้านแล้วนั่งทำด้วยความตั้งใจ แล้วบอกคุณแม่ว่าวันนี้มีการบ้านอะไรบ้าง
- เด็กนั่งทำการบ้านจนเสร็จ หรือ เด็กนั่งทำการบ้านได้แป๊บเดียว ทิ้งการบ้านไว้บนโต๊ะแล้วไปวิ่งเล่น
- เด็กนั่งทำการบ้าน แล้วก็ออดอ้อนคุณแม่ว่า ไม่อยากทำ ไม่อยากทำ อยากจะดูทีวีมากกว่า ไม่ทำได้ไหม หรือ เด็กนั่งทำการบ้านจนเสร็จเรียบร้อย แล้วเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะออกไปเล่นข้างนอก
หัวข้อ—ปิดโทรทัศน์
ฉากการแสดง—เด็กกำลังนั่งดูโทรทัศน์ด้วยอาการง่วงนอน เพราะเป็นเวลาที่ต้องเข้านอนแล้ว คุณแม่ออกมาสั่งให้เด็กปิดโทรทัศน์เพื่อไปเข้านอนเพื่อพรุ่งนี้จะต้องไปโรงเรียน
ทางเลือก (หนูจะเลือกทำอะไร)
- เด็กเดินไปปิดโทรทัศน์แล้วเข้านอน หรือ เด็กทำหูทวนลม จับรีโมทเปลี่ยนช่องโน้นที ช่องนี้ที
- เด็กอ้อนคุณแม่ บอกว่าเดี๋ยว ดูละครเรื่องนี้ให้จบก่อน หรือ เด็กปิดโทรทัศน์ เดินไปแปรงฟันเข้านอน
- เด็กปิดโทรทัศน์ นำรีโมทไปเก็บ แล้วบอกราตรีสวัสดิ์ หรือ เด็กปิดโทรทัศน์ เมื่อแม่เดินเข้าห้องไป ก็เปิดโทรทัศน์อีกทีหนึ่ง
หัวข้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก—เมื่อขอให้ช่วยงาน, เก็บของในห้องของตัวเอง, ขอให้เงียบในห้องเรียน