บทเรียน : แซมสันสละชีวิต

เมื่อกลับบ้านวันนี้ หนูจะได้

  • เห็นว่าการปล่อยตัวให้ตกเป็นทาสของบาป จะนำมาซึ่งการถูกหลอกลวงและอันตราย
  • รู้ว่าไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับพระเจ้าที่หนูจะสำนึกและสารภาพบาปกับพระองค์
  • เลือกเดินในทางแห่งความสว่างคือทางของพระเจ้า ไม่ตกเป็นทาสของบาป

ข้อท่องจำ

“ขณะเมื่อเรายังขาดกำลัง พระคริสต์ก็ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อช่วยคนบาปในเวลาที่เหมาะสม”  -โรม 5:6

T I P S สำหรับคุณครู

เกมง่ายๆ ในการรักษาความสนใจของเด็กในชั้นเรียน ให้แบ่งเด็กออกเป็นสองทีม เตรียมลูกเทนนิสสองลูกก่อนเข้าชั้น ใช้ปากกาวาดตาและจมูกบนลูกเทนนิสและใช้มีดกรีดเส้นตรงประมาณ 2-3 นิ้วสำหรับเป็นปาก เตรียมเหรียญพลาสติกหรือลูกปัดสองสีสำหรับทั้งสองทีม แยกใส่ในชามสองใบ เมื่อเด็กทีมไหนให้ความร่วมมือ มีพฤติกรรมที่น่าชมเชย ตั้งใจเรียน หรือเมื่อตอบคำถาม ครูจะบีบปากของลูกบอล (อาจให้เด็กตั้งชื่อได้) เอาเหรียญใส่เข้าไปในปาก หากเด็กคนไหนไม่เชื่อฟัง เหรียญของทีมตนจะถูกใส่ในปากของอีกทีมหนึ่งเมื่อจบชั้นเรียนชมเชยทีมที่มีเหรียญมากกว่า

 

 


เกม “โพงพาง”

“โพงพางเอย   นกกระยางเข้าลอด

เสือปลาตาบอด   เข้าลอดโพงพาง”

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • ผ้าสำหรับปิดตา 1 ผืน

วิธีเล่น

  • เลือกเด็กหนึ่งคนให้เป็นเสือปลาตาบอดโดยการโอน้อยออก
  • ใช้ผ้าผูกตาเด็กที่เป็นเสือปลาตาบอด ทดสอบดูว่าผ้าที่ผูกปิดตาแน่นจนมองไม่เห็น
  • จับเสือปลาหมุนหลายๆ รอบให้หลงทิศทาง ให้เด็กที่เหลือจับเป็นวงกลมเดินล้อมรอบเสือปลาตาบอด และร้องเพลงโพงพางจนจบเพลง ถามเสือปลาว่า “ปลาเป็นหรือปลาตาย”
  • หากตอบว่า “ปลาเป็น” ให้เด็กสลับที่นั่งแล้วนั่งลง แต่หากตอบว่า “ปลาตาย” ให้เด็กนั่งอยู่กับที่
  • เสือปลาจะเดินไปหาผู้ที่นั่งรอบวง เมื่อจับใครได้ต้องทายว่าเป็นใคร
  • หากทายถูก คนนั้นต้องตายกลายเป็นเสือปลาตาบอดแทน ถ้าหากไม่ถูก เสือปลาก็ต้องเป็นเสือปลาต่อไป

นิทานนำเรื่อง “แมลงวันกับแมงเม่า”

แมลงวันอดโซตัวหนึ่งบินไปมาหาอาหารได้พบชามน้ำผึ้งจึงร่อนลงไปตอมกิน มันเพิ่งเคยลิ้มรสน้ำผึ้งหอมหวานเป็นครั้งแรก เกิดติดใจกินน้ำผึ้งจากปากชามเรื่อยๆ ทีละน้อย ปีกของมันลากถูไปบนน้ำผึ้งจนเปรอะเปื้อนไปหมด แต่มันก็ไม่สนใจยังคงหลงกินน้ำผึ้งต่อไป จนในที่สุดทั้งปีกและขาของมันเหนียวเหนอะหนะขยับไม่ได้ ต้องนอนจมอยู่ในชามน้ำผึ้ง

ขณะนั้นเองมีแมงเม่าตัวหนึ่งบินผ่านมาเห็นเข้าก็เยาะเย้ยหัวเราะชอบใจ พร้อมกับร้องว่า “เจ้านี่ช่างโง่เสียจริงๆ นี่แหละผลที่เจ้าตะกละเกินไปจึงติดอยู่ในนั้น” พอตกพลบค่ำเจ้าแมงเม่ามองเห็นตะเกียงน้ำมันส่องแสงสว่างไสว มันจึงบินโฉบไปโฉบมารอบแสงไฟ เมื่อโฉบเข้าไปใกล้เจ้าแมลงวัน มันก็ร้องเยาะเย้ยอยู่อย่างนั้นทุกครั้งอย่างน่ารำคาญ

เจ้าแมงเม่าบินวนรอบตะเกียงจนมองเห็นเป็นเส้นรุ้งเขียวเหลืองอยู่รอบแสงไฟดวงนั้น เจ้าแมลงวันก็เหลือบมองดูจนตาลาย แมงเม่าบินใกล้ไฟเข้าไปทุกทีๆ จนในที่สุดปีกอันบางเฉียบของมันก็ปะทะเข้ากับเปลวไฟจนลุกไหม้ถลาตกลงมาใกล้ๆ ชามน้ำผึ้งที่แมลงวันติดอยู่

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า:  อย่าเป็นคนที่ลุ่มหลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนหน้ามืดตามัวคิดไปว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งดีสำหรับตน จนหลงผิดเข้าไปเกี่ยวข้องจนทำให้ตัวเองได้รับอันตราย

แหล่งที่มา: นิทานอีสปเรื่องแมงเม่าบินเข้ากองไฟ

เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์

ภาพที่ 1  ในเวลาต่อมาแซมสันไปหลงรักผู้หญิงอีกคนหนึ่งชื่อว่าเดลิลาห์ เมื่อชาวฟิลิสเตียรู้ดังนั้นก็ขึ้นไปหานางและขอให้นางหลอกลวงแซมสันดูว่ากำลังมหาศาลของเขามาจากไหน และจะทำอย่างไรที่จะมีกำลังเหนือ  แซมสันและปราบเขาให้หมดฤทธิ์ได้ หากทำสำเร็จชาวฟิลิสเตียจะจ่ายเงินให้นางเดลิลาห์เป็นเงิน 1,100 แผ่น (หรือเหรียญเงิน) เดลิลาห์จึงไปหาแซมสันแล้วถามเขาว่า “ขอบอกดิฉันหน่อยเถอะว่ากำลังมหาศาลของเธออยู่ที่ไหน จะมัดเธอไว้อย่างไรเธอจึงจะหมดฤทธิ์” แซมสันจึงบอกนางว่า “ถ้าเขามัดฉันด้วยสายธนูสดที่ยังไม่แห้ง ฉันจะอ่อนเพลียเหมือนกับชายอื่นๆ” แล้วชายฟิลิสเตียก็หาสายธนูสดมาให้นางเดลิลาห์ นางก็เอาไปมัดตัวแซมสันไว้ และให้คนแอบซุ่มอยู่ในห้องชั้นใน เมื่อนางเรียกแซมสันว่า “แซมสันจ๋า คนฟิลิสเตียมาจับเธอแล้ว” แซมสันก็ลุกขึ้นดึงสายธนูขาดเหมือนเชือกป่านขาด

ภาพที่ 2  เดลิลาห์จึงตัดพ้อว่า “เธอหลอกฉัน และเธอมุสาต่อฉัน บอกฉันหน่อยเถอะว่าจะมัดเธออย่างไรจึงจะอยู่” เขาจึงบอกว่า ต้องเอาเชือกใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครใช้เลยมามัดตัว แล้วเขาจะอ่อนกำลังลง นางเดลิลาห์ให้ชาย    ฟิลิสเตียมาดักซุ่มในห้องชั้นในพร้อมที่จะจับตัวแซมสัน แล้วก็รีบเอาเชือกใหม่มามัดเขาไว้และพูดว่า “แซมสันจ๋า คนฟิลิสเตียมาจับเธอแล้ว” แต่แซมสันก็ดึงเชือกออกจากแขนเขาเหมือนอย่างกับเส้นด้าย

ครั้งที่สามนางเดลิลาห์พูดกับแซมสันอีก “เธอหลอกฉัน และเธอมุสาต่อฉัน บอกฉันหน่อยเถอะว่าจะมัดเธออย่างไรจึงจะอยู่” แซมสันจึงบอกว่าหากเอาผมทั้งเจ็ดแหยม (ปอยผมหรือเกลียวผม) ของเขาไปถักทอเข้ากับหูกทอผ้าให้แน่น เขาจะหมดแรงเหมือนชายอื่น ดังนั้นเมื่อแซมสันหลับอยู่ นางเดลิลาห์ก็เอาผมของแซมสันไปทอเข้ากับด้านเส้นยืน กับหูกทอผ้า แล้วนางก็พูดขึ้นว่า “แซมสันจ๋า คนฟิลิสเตียมาจับท่านแล้ว” แซมสันก็ตื่นขึ้น แล้วดึงฟืม หูกและด้ายเส้นยืนออกไปหมด

ครานี้นางเดลิลาห์จึงตัดพ้อกับแซมสันว่า “เธอพูดได้อย่างไรว่า ฉันรักเธอ เมื่อจิตใจของเธอไม่ได้อยู่กับฉันเลย เธอหลอกฉันสามครั้งแล้ว และเธอมิได้บอกฉันจริงๆ ว่า กำลังมหาศาลของเธออยู่ที่ไหน” นางคาดคั้นแซมสันวันแล้ววันเล่า รบเร้าแซมสันจนรำคาญแทบจะบ้าตายจึงยอมบอกความจริงกับนางว่า “มีดโกนยังไม่เคยถูกศีรษะของฉันเพราะฉันเป็นนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่คลอดจากครรภ์ของมารดา ถ้าโกนผมฉันเสียกำลังก็จะหมดไปจากฉัน ฉันก็จะอ่อนเพลียเหมือนชายอื่น”

ภาพที่ 3 นางจึงหลอกให้แซมสันนอนหลับบนตักของนาง และให้ชายคนหนึ่งมาโกนผมของแซมสันจากศีรษะของเขา แล้วกำลังของแซมสันก็หมดไป ชาว ฟิลิสเตียก็มาหานางพร้อมกับถุงเงิน นางจึงเรียกแซมสัน “แซมสันจ๋า   คนฟิลิสเตียมาจับท่านแล้ว” เขาตื่นขึ้นแล้วคิดว่าจะสลัดตัวให้หลุดจากสิ่งผูกมัดเหมือนครั้งก่อนๆ แต่หารู้ไม่ว่าพระเจ้าได้ละจากแซมสันไปเสียแล้ว คนฟิลิสเตียก็จับตัวแซมสันควักลูกตาของเขาออก และใส่ตรวนล่ามเขาไว้

ภาพที่ 4  แซมสันถูกขังให้โม่แป้งอยู่ในเรือนจำ เมื่อเวลาผ่านไปผมที่ถูกโกนไปก็ค่อยๆ งอกยาวขึ้นมาอีกครั้ง ในคราวนั้นเอง ฝ่ายเจ้านายฟิลิสเตียได้จัดการประชุมเพื่อถวายสัตวบูชาครั้งยิ่งใหญ่ให้แก่พระของพวกเขา เพื่อเฉลิมฉลองที่พระของพวกเขาได้มอบ   แซมสันศัตรูคนสำคัญไว้ในมือของชาวฟิลิสเตีย ประชาชนเห็นแซมสันก็สรรเสริญพระของตนเพราะแซมสันเคยฆ่าชาวฟิลิสเตียเป็นจำนวนมาก เมื่อพวกเขาเลี้ยงฉลองกันอย่างเต็มที่แล้วก็เรียกให้นำตัว แซมสันออกมาเพื่อจะเป็นตัวตลกให้พวกเขาดูและหัวเราะเยาะ แซมสันออกมาจากเรือนจำ ตาบอดแต่มีผมที่งอกยาวขึ้น เขาบอกให้เด็กที่จูงมือเขาให้พาไปยืนอยู่ระหว่างสองเสาต้นใหญ่ ในเวลานั้นมีผู้ชายและผู้หญิงอยู่เต็มตึกนั้น เจ้านายชาวฟิลิสเตียก็อยู่ที่นั่นทั้งหมด และยังมีชายหญิงที่อยู่บนดาดฟ้าตึกอีกประมาณสามพันคนต่างเฝ้าดูและหัวเราะเยาะแซมสันเหมือนตัวตลก

ภาพที่ 5  แซมสันร้องทูลพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์  ขอประทานกำลังแก่ข้าพระองค์ครั้งนี้อีกครั้งเดียว เพื่อข้าพระองค์จะได้แก้แค้นคนฟิลิสเตียเพื่อตาข้างหนึ่งในสองข้างของข้าพระองค์” แล้ว แซมสันก็เอามือขวายันเสาต้นหนึ่งและมือซ้ายยันเสาอีกต้นหนึ่ง และกล่าวว่า “ขอให้ข้าตายกับคนฟิลิสเตียเถิด” แล้วจึงโน้มตัวดันเสากลางสองต้นที่รองรับตึกนั้นไว้ด้วยสุดกำลังของท่าน ตึกนั้นก็พังทับเจ้านาย และประชาชนทุกคนที่อยู่ในนั้น พี่น้องและครอบครัวของแซมสันก็มารับศพของเขากลับไปฝังที่อิสราเอลในที่ฝังศพของมาโนอาห์บิดาของแซมสัน

แผนการของพระเจ้า

แซมสันคนนาศีร์ที่เป็นของพระเจ้าตั้งแต่คลอดออกมาจากครรภ์มารดา ได้หลงไปจากทางของพระเจ้าและมอบของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าให้กับเขาคือกำลังมหาศาลในมือของผู้หญิงที่ทำให้เขาหลงรักจนตาบอด ความลุ่มหลงนี้ทำให้เขาสูญเสียกำลังวังชาของเขา ทำให้เขาตาบอดมองไม่เห็น เขาสูญเสียอิสรภาพถูกจองจำ แต่ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับพระเจ้า หากเรากลับใจใหม่ สำนึกในความบาป แซมสันอธิษฐานต่อพระเจ้า และยอมสละชีวิตของตน พระเจ้าเปลี่ยนความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายและเป็นที่หัวเราะเยาะของคนต่างชาติ ให้กลายเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่เหนือชาวฟิลิสเตีย เช่นเดียวกับการตายของพระเยซูบนไม้กางเขน ที่มีประชาชนหลายคนเยาะเย้ยถากถางพระองค์ และเห็นว่าโทษประหารชีวิตของพระเยซูเป็นเรื่องน่าอับอาย แต่การเสียสละครั้งนั้นพระเจ้าได้เปิดทางแห่งความรอดให้กับมวลมนุษย์และผู้ที่ไว้วางใจในพระเยซูนั้นจะมีชัยชนะยิ่งใหญ่เหนือความบาปและความตาย

พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร

หนูอาจมีคำถามสงสัยในใจว่าทำไมแซมสันถึงได้โง่ถึงขนาดยอมให้ผู้หญิงหลอกตั้งหลายครั้งหลายคราไม่เข็ดสักที อันที่จริงแล้วความลุ่มหลงของแซมสันต่อผู้หญิงที่ทำให้เขาหน้ามืดตามัว ไม่สามารถคิดใคร่ครวญหาเหตุผลได้ ก็เหมือนกับเวลาที่ครูและหนูตกอยู่ในความบาป เราก็เหมือนแซมสันเมื่อเรามอบตัวของเราให้กับบาป และเมื่อเราตกเป็นทาสของบาป มันก็จะทำให้เราหน้ามืดตามัว ถูกหลอกลวงได้ง่ายๆ โดยไม่เห็นว่าอันตรายอยู่ข้างหน้าตัวหนูเอง โทษของความบาปคือความตาย ทางที่จะรอดพ้นจากบาปได้มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นคือการเชื่อวางใจในพระเยซู พระองค์เป็นความสว่าง พระองค์จะเบิกตาให้เรากลับจากความมืดมาถึงความสว่าง และพ้นจากอำนาจของซาตานมาถึงพระเจ้า (กิจการ 26:18)

รูปภาพประกอบ

ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ  เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา

คำถามอภิปราย

(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่กระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน ในขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย)

  1. ทำไมนางเดลิลาห์ถึงยอมหลอกลวงแซมสัน?
  2. กำลังมหาศาลของแซมสันได้มาจากใคร? และต้องทำอย่างไรถึงทำให้เขาหมดแรง?
  3. จริงหรือไม่ที่ความรักลุ่มหลงผู้หญิงทำให้แซมสันตาบอดก่อนที่เขาจะถูกฟิลิสเตียจับแล้วควักลูกตาของเขาออก? อธิบาย
  4. ชาวฟิลิสเตียจัดงานเลี้ยงครั้งยิ่งใหญ่เพื่อนมัสการพระของพวกเขาเพราะอะไร?
  5. แซมสันขอกำลังจากพระเจ้าครั้งสุดท้ายเพื่อทำอะไร?
  6. พระเจ้าใช้ความผิดพลาดในชีวิตของแซมสันให้เกิดผลดีได้อย่างไร?
  7. หนูได้เรียนรู้อะไรจากชีวิตของแซมสันบ้าง?

กิจกรรม

ถ้าหนูเป็นแซมสัน

จินตนาการถ้าหนูเป็นแซมสัน ชาวนาศีร์ที่เชื่อฟังพระเจ้า และไม่ได้หลงเชื่อนางเดลิลาห์ ให้หนูใช้ความคิดสร้างสรรค์เขียนคำตอบลงในช่องว่างต่อไปนี้

กิจกรรม

รากฐานมั่นคง

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • สีไม้ สีโปสเตอร์หรือสีน้ำ
  • จานผสมสี
  • ผ้าหรือกระดาษสำหรับเช็ดมือทำความสะอาด

วิธีทำ

  • ถ่ายเอกสารแบบต้นไม้สำหรับเด็กแต่ละคนในชั้นเรียน
  • ระบายสีลำต้นของต้นไม้ด้วยสีน้ำตาล
  • ผสมสีเขียวหลายๆ เฉด เช่น เขียวอ่อน เขียวมะนาว เขียวแก่ ในจานปากกว้างที่มือของเด็กสามารถทาบลงไปได้ (ใช้น้ำผสมปริมาณพอสมควร หากมีน้ำมากเกินไป สีอาจจะไม่ชัดเมื่อใช้มือพิมพ์ลงบนกระดาษ)
  • ให้เด็กวางทาบฝ่ามือข้างที่ถนัดลงบนสี ยกขึ้นรอสักครู่ให้สีส่วนเกินหยดกลับลงบนจาน
  • พิมพ์รอยมือของเขาบนกระดาษให้เป็นเหมือนใบไม้บนต้นไม้ ทำเหมือนเดิมแต่ใช้สีเขียวต่างกัน จะได้ต้นไม้ที่มีสีเขียวหลายเฉดเป็นพุ่มสวย
  • ครูถามเด็กว่าชีวิตของเราจะมีรากฐานที่มั่นคงได้อย่างไร (คำตอบอาจจะหลากหลาย แต่ให้ครูเน้นถึงการมีชีวิตอยู่บนพระคำของพระเจ้า ซึ่งเป็นความจริง เพื่อต่อสู้กับคำโกหกหลอกลวงของมารซาตาน ซึ่งเหมือนลมแรงที่อาจทำให้ต้นไม้หักได้ ถ้าไม่แข็งแรง)

กิจกรรม

ทำที่บ้าน