เมื่อกลับบ้านวันนี้หนูจะได้
- เรียนรู้ว่าพระเจ้าของเรายิ่งใหญ่มากเและมีฤทธิ์อำนาจเหนือพระใดๆ ในโลกนี้
- เห็นคุณค่าของการรู้จักพระเจ้า ติดสนิทกับพระองค์ มากกว่าให้พระเจ้าเป็นแค่ผู้นำโชคหรือของขลัง
- เริ่มแสวงหาพระเจ้าด้วยความจริงใจและสร้างสัมพันธ์สนิทกับพระองค์
ข้อท่องจำ
“ลูกทั้งหลายเอ๋ย ท่านอยู่ฝ่ายพระเจ้า และชนะพวกเขาแล้ว เพราะพระองค์ผู้ทรงอยู่ในพวกท่านยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก”
- 1 ยอห์น 4:4
T I P S สำหรับคุณครู
“คนที่โกรธช้าก็มีความเข้าใจมาก แต่คนที่โกรธเร็วก็ยกย่องความโง่” สุภาษิต 14:29 ครูไม่สามารถควบคุมชั้นเรียนได้ หากตัวของครูเองไม่สามารถควบคุมตัวเอง ใช้เสียงดังตะหวาดเด็ก หรือใช้อารมณ์ในการสั่งเด็กให้เชื่อฟัง อย่าให้สถานการณ์ที่ครูไม่ได้คาดคิดทำให้ครูตกใจ โกรธหรือโมโหจนสูญเสียการควบคุมตนเอง แต่ให้ครูเป็นลูกของสันติ ครูสามารถบอกเด็กๆ ได้ว่าครูขอเวลาสองสามนาทีเพื่อคิดหาวิธีที่จะจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน) เพื่อครูจะได้เวลาสองสามนาทีที่จะสงบอารมณ์ของตนเอง และในเวลาเดียว กันก็อธิษฐานขอสติปัญญาจากพระเจ้าในการแก้ไขสถานการณ์นั้น การรู้จักบังคับตนเป็นผลของพระวิญญาณอย่างหนึ่งที่ครูสามารถสำแดงและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ ในชั้นเรียนของเราได้
เกม “ชักเย่อ”
สิ่งที่ต้องเตรียม
- เชือกสำหรับชักเย่อ, ผ้าเช็ดหน้า
วิธีเล่น
- แบ่งเด็กออกเป็น 2 ทีม (คุณครูอาจจะตั้งชื่อทีมแรกว่า ทีมอิสราเอล และทีมที่สอง ทีมฟีลิสเตีย ก็ได้ เพื่อให้สอดคล้องกับบทเรียนในวันนี้)
- คุณครูผูกผ้าเช็ดหน้าไว้ตรงกลางของเชือก
- แบ่งอาณาเขตระหว่างสองทีม โดยตรงกลางให้ขีดเส้นหรือทำสัญลักษณ์ไว้ ห้ามทีมไหนล้ำเส้นอาณาเขตของอีกฝ่าย
- เมื่อได้รับสัญญาณให้เด็กๆ ช่วยกันดึงเชือก เพื่อดึงให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามาในอาณาเขตของตนให้ได้
- ฝ่ายไหนล้ำเข้าไปในดินแดนของอีกฝ่ายก่อนถือว่าแพ้
- ในรอบต่อไปให้ทั้งสองทีมสลับฝั่งกันและเล่นซ้ำ
- ทีมไหนชนะมากกว่า ถือว่าเป็นฝ่ายชนะ
บทนำเรื่อง “แมวนำโชค”
หลายคนคงคิดว่า “แมวนำโชค” เป็นเรื่องของโชคลาภ แต่อาจไม่รู้ว่าคำนี้มีที่มาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 หรือประมาณ 100 กว่าปีมาแล้ว “แมว”ถูกนำมาใช้ในค่ายทหาร มันใช้ชีวิตกับพวกทหารมาในแทบทุกสมรภูมิสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โลกและมีส่วนร่วมต่อชัยชนะครั้งสำคัญหลายครั้ง
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เจ้าเหมียวกว่าห้าแสนตัว ถูกส่งไปร่วมรบทั้งในค่ายทหาร ในฐานทัพ บนเรือและเครื่องบิน โดยแมวเหล่านี้มีความจำเป็นกับกองทัพมากมันถูกเลี้ยงไว้คอยกำจัดหนู ป้องกันไม่ให้พวกหนูเข้าไปกัดแทะหรือกินเสบียงอันมีค่าของทหาร รวมถึงยังป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดในหมู่ทหารอันมีหนูเป็นพาหะ นอกจากนี้เจ้าแมวพวกนี้ยังสามารถรับรู้ได้ถึงการมาถึงของเครื่องบินข้าศึกที่บินเข้ามาโจมตีเมืองและแสดงพฤติกรรมให้ทหารและพลเรือนได้ล่วงรู้และรีบหลบหรือรับมือกับการโจมตี อีกสิ่งหนึ่งที่แมวเหมียวทำได้เป็นอย่างดีคือ มันทำให้ชีวิตของทหารในสนามรบที่ต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้าย มีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจากการได้สัมผัสหรือเลี้ยงดูให้มันได้กินอิ่มนอนหลับกับพวกเขา เสียงร้องและการออดอ้อนของมันทำให้แม้แต่ทหารที่ทำศึกในสมรภูมิอย่างโชกโชนยังต้องหยุดเพื่อมีโอกาสได้สัมผัสตัวมัน มันเป็นความสุขเล็กๆ ของทหารในสนามรบเลยทีเดียว
ปัจจุบันคนมากมายเอารูปปั้นแมวมาเป็นเครื่องนำโชคโดยอาจไม่รู้ที่มาที่ไปเลย บางคนใช้แมวแทนนางกวัก แม้กระทั่งมีการแห่นางแมวขอฝน ขอโชคลาภกันเป็นประจำทุกปี หนูรู้ไหมประชาชนในสมัยพระคัมภีร์เขาก็ทำอย่างนั้นกับหีบพันธสัญญาของพระเจ้า พวกเขานำหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามาทำอะไรกันหรือ? แล้วเกิดอะไรขึ้นกับหีบพันธสัญญาของ พระเจ้า? มาติดตามฟังเรื่องเล่าในวันนี้กันเลย
แหล่งที่มา: ปัญญาณัฏฐ์ ณัธญาธรนินน์ “แมวศึกจารึกโลก! “กองพลแมวเหมียว” ยุทธปัจจัยการรบสมัยสงครามโลก” ออนไลน์ https://www.silpa-mag.com/history/article_37940 สืบค้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2563
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์ (1 ซามูเอล 5:1-7:2)
ในช่วงที่เอลีเป็นปุโรหิตและอายุมากแล้ว มีสงครามเกิดขึ้นระหว่างคนฟีลิสเตียกับคนอิสราเอล คนฟีลิสเตียฆ่าคนอิสราเอลไปมากกว่า 4,000 คน จนในที่สุดคนอิสราเอลก็พ่ายแพ้ให้กับคนฟีลิสเตีย พวกทหารอิสราเอลก็สงสัยกันว่าทำไมเราถึงแพ้ ทำไมพระเจ้าทรงให้ศัตรูของเราชนะ!
รูปภาพที่ 1 ในที่สุดพวกเขาจึงคิดว่าเราควรเอาหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามาไว้ที่ค่ายของเรา เพื่อพระองค์จะทรงสถิตอยู่กับเราและช่วยเราจากศัตรู หีบพันธสัญญาของพระเจ้าเป็นสัญลักษณ์ถึงการทรงสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้าที่พระเจ้าให้อิสราเอลทำขึ้นในสมัยของโมเสส ในหีบพันธสัญญาบรรจุ บัญญัติสิบประการ โถทองคำบรรจุมานา ไม้เท้าของอาโรนที่ออกดอกตูม ฝาหีบเป็น”พระที่นั่งกรุณา” ซึ่งภาษาฮีบรูมีความหมายว่า การปกคลุม ปลอบโยน ล้างให้สะอาด หรือไถ่โทษ แต่ชาวอิสราเอลกลับละเลยพระเจ้าและไม่รักษาพันธสัญญาที่พระเจ้าทำไว้กับพวกเขา เขากลับใช้หีบพันธสัญญาเหมือนเป็นเครื่องรางของขลัง เป็นเครื่องนำโชค เมื่อหีบพันธสัญญามาถึงที่ค่าย ชาวอิสราเอลก็โห่ร้องกันเสียงดังลั่น จนคนฟีลิสเตียได้ยินและสงสัยกันว่าพวกเขาโห่ร้องอะไรกัน เมื่อพวกเขารู้ว่าหีบพันธสัญญาของพระเจ้าได้มาอยู่ ณ ค่ายของพวกอิสราเอล ชาวฟีลิสเตียก็ต่างพากันกลัวเพราะรู้ว่าพระเจ้าได้มาสถิตอยู่ในค่ายของพวกเขาแล้ว
แต่เมื่อคนฟีลิสเตียสู้รบกับคนอิสราเอลอีกครั้ง อิสรา เอลก็กลับพ่ายแพ้ให้กับคนฟีลิสเตียอีกรอบ ครั้งนี้พวกทหารอิสราเอลต่างพากันวิ่งหนี และหลบซ่อนตัวเองจากทหารฟีลิสเตีย เพราะเขาฆ่าทหารอิสราเอลไปกว่า 30,000 นาย แล้วชาวฟีลิสเตียก็ได้แอบขโมยหีบพันธสัญญาของพระเจ้าไปจากค่ายของพวกอิสราเอล
รูปภาพที่ 2 ชายคนหนึ่งวิ่งหนีมาจากสนามรบและมาพบเอลี ผู้ปกครองของชาวอิสราเอล เขาจึงเล่าเรื่องในสนามรบให้เอลีฟังว่า ตอนนี้เราได้พ่ายแพ้ต่อชาวฟีลิสเตีย พวกเขาฆ่าทหารเราไปมากกว่า 30,000 นาย บุตรทั้งสองของท่าน โฮฟนีและฟีเนหัสก็เสียชีวิตแล้วในสนามรบซึ่งเป็นไปตามที่พระเจ้าสำแดงให้ซามูเอลได้ยิน และหีบพันธสัญญาของพระเจ้าได้ถูกขโมยไปโดยชาวฟีลิสเตีย เมื่อเอลีรู้ว่าหีบของพระเจ้าได้ถูกขโมย เขาก็ล้มลงและเสียชีวิต ลูกสะใภ้ของเอลี ภรรยาของฟีเนหัสก็ได้พูดว่า “พระสิริของพระเจ้าพรากไปจากอิสราเอลแล้ว เพราะหีบพันธสัญญาของ พระเจ้าถูกยึดไป”
หลังจากที่ชาวฟีลิสเตียได้ขโมยหีบพันธสัญญาของ พระเจ้าไปแล้ว เขาก็เอาไปไว้ในพระวิหารของพระประจำชาติของตนคือพระดาโกน เหมือนแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเอาชนะอิสราเอล และยังเอาชนะพระเจ้าของชนชาติอิสรา เอลได้ โดยการเอาหีบพันธสัญญาไปตั้งไว้ต่อหน้าพระดาโกน (พระดาโกนมีท่อนบนเป็นคนและท่อนร่างเป็นหางปลาเหมือนนางเงือก)
รูปภาพที่ 3 เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาพบว่ารูปปั้นของพระดาโกนล้มลงและหมอบลงกับพื้นตรงหน้าหีบพัธสัญญาของพระเจ้า พวกเขาจึงเอารูปปั้นพระดาโกนตั้งขึ้นเหมือนเดิม แต่พอเช้าวันต่อมา เขาก็เห็นรูปปั้นของพระดาโกนล้มลงตรงหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้าอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นตอนที่หีบพันธสัญญาของพระเจ้าอยู่กับชาวฟีลิสเตีย พระองค์นำภัยพิบัติมายังพวกเขาด้วยการระบาดของโรคฝี จนพวกเขาพูดกันว่า“เราไม่สามารถเก็บหีบไว้ที่นี่ได้อีกต่อไปแล้ว” เขาจึงย้ายหีบพันธสัญญาของพระเจ้าไปยังอีกเมืองหนึ่ง แต่แล้วพระเจ้าก็ทรงเล่นงานเมืองนั้นให้วุ่นวายและปั่น ป่วน พวกเขาจึงจะย้ายหีบพันธสัญญาของพระเจ้าไปอีกเมืองหนึ่ง แต่ก่อนที่จะนำหีบเข้าไปในเมืองนั้น ชาวบ้านก็โวยวายไม่อยากให้เอาหีบพันธสัญญามาไว้ในเมืองของพวกเขาเพราะกลัว จนในที่สุดพวกเขาก็ส่งหีบพันธสัญญาของพระเจ้ากลับคืนให้อิสราเอล หีบพันธสัญญาจึงถูกย้ายไปอยู่ที่บ้านของอาบีนาดับเป็นเวลานานถึง 20 ปี
รูปภาพที่ 4 แล้วชาวอิสราเอลต่างก็พากันกลับใจคร่ำครวญ แสวงหาพระเจ้า ซามูเอลจึงบอกกับคนอิสราเอลว่า “ถ้าพวกท่านอยากจะหันกลับมาหาพระเจ้าจริงๆ ท่านต้องกำจัดบรรดาพระต่างๆ และพระต่างชาติของพวกท่านออกไปให้หมด และถวายชีวิตของพวกท่านแก่พระเจ้าและปรนนิบัติพระเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้น เพื่อพระองค์จะช่วยท่านให้พ้นจากชาวฟีลิสเตีย” ชาวอิสราเอลฟังคำของซามูเอล จึงทำลายพระอื่นๆของพวกเขาจนหมดและปรนนิบัติพระเจ้าเพียงองค์เดียว พวกเขาได้รวมตัวอธิษฐานวิงวอน ถืออดอาหาร และสารภาพบาปของพวกเขา เมื่อพวกฟีลิสเตียรู้ว่าพวกอิสราเอลได้ชุมนุมกันก็เข้ามาโจมตีชาวอิสราเอล ชาวอิสราเอลก็ตกใจกลัวกันและขอให้ซามูเอลอย่าหยุดอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระเจ้าก็ทรงฟังคำอธิษฐานของพวกเขา พระเจ้าได้ช่วยกู้อิสราเอลและต่อสู้เคียงข้างชาวอิสราเอลโดยการให้ฟ้าผ่าเสียงดังสนั่น จนพวกฟีลิสเตียตกใจและพากันถอยทัพหนี จากนั้นคนอิสราเอลก็พากันตามฆ่าคนฟีลิสเตีย จนชาว ฟีลิสเตียไม่กล้ามายุ่งกับคนอิสราเอลอีก ตลอดชีวิตของ ซามูเอลพระเจ้าได้สถิตอยู่กับเขา ให้เขาเป็นผู้นำชนชาติอิสราเอลซึ่งในสมัยนั้นชาวอิสราเอลยังไม่มีกษัตริย์
แผนการแห่งความรอด
พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา พระองค์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แต่องค์เดียว (ฉลบ 6:4) พระเจ้าไม่ใช่รูปเคารพหรือเครื่องนำโชค แต่พระองค์เป็นพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ มีฤทธิ์อำนาจเหนือธรรมชาติ และเหนือพระใดๆ ในโลกนี้ เพราะความบาปทำให้จิตใจของมนุษย์มืดมน และกลายเป็นคนโง่เขลา พวกเขาเอาพระสิริของพระเจ้าไปแลกกับรูปปั้น หรือรูปนก รูปสัตว์ มนุษย์สร้างรูปเคารพเหล่านี้ขึ้นมาด้วยมือของพวกเขาและหลอกตัวเองว่า นี่แหละพระเจ้าของพวกเรา พวกเขาบนบานศาลกล่าวขอการคุ้มครอง ขอโชคลาภ เมื่อมีใครบอกว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน ประชาชนก็จะแห่กันไปสักการะกราบไหว้บูชาว่าเป็นพระเป็นเจ้า แต่หากพวกเขาเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมองฟ้ามองธรรมชาติ ในโรม 1:20 บอกกับเราว่า ฤทธานุภาพของพระเจ้าปรากฏชัดเจนในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่มีข้อแก้ตัวเลยที่จะปฏิเสธว่าไม่มีพระเจ้า ในวันนี้ทางเดียวที่จะไปถึงพระเจ้าพระบิดาได้ก็คือทางของพระเยซู พระบุตรพระเจ้าผู้นำการคืนดีและการอภัยบาปมาให้กับมนุษย์ ตามที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้ว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาหาเราได้เลยนอกจากมาทางเรา”
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร
หนูเห็นแล้วว่าพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจเหนือพระใดๆ ในโลกนี้ อิสยาห์ 46:4 กล่าวว่า พระเจ้าได้สร้างชนชาติอิสราเอล พระองค์จะแบกพวกเขาไว้ จะอุ้มชูและจะช่วยกู้เขา ไม่มีพระอื่นใดในโลกนี้ทำเช่นนี้ได้ นอกจากพระเจ้าองค์เที่ยงแท้แต่องค์เดียว พระเจ้าไม่เคยปรารถนาให้เราไปกราบไหว้หรือนับถือรูปเคารพใดๆ
สำหรับเด็กที่ยังไม่เคยรับเชื่อพระเยซู พระเจ้ารักหนูเช่นเดียวกับชนชาติอิสราเอล เพราะพระเจ้าเป็นผู้สร้างหนูขึ้นมา และเช่นกันพระเจ้าต้องการที่จะเป็นพระเจ้า ของหนู พระเจ้าสามารถอุ้มชูและช่วยกู้ชีวิตของหนูจากความบาป หากหนูต้อง การที่จะให้พระเจ้าช่วยหนู หนูต้องเชื่อและวางใจให้พระเจ้าเข้ามาในชีวิตของหนู ให้พระองค์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แต่องค์เดียวในชีวิตของหนู แล้วหนูจะได้รับสิทธิเป็นประชากรหรือเป็นคนของพระองค์
สำหรับเด็กที่รับเชื่อแล้ว พระเจ้าปรารถนาให้คนของพระองค์มีสัมพันธ์สนิทกับพระองค์ เชื่อฟังพระองค์มากกว่าของถวายใดๆ พระเจ้ารักหนูและปรารถนาให้หนูรักพระองค์มากกว่ารูปเคารพใดๆ รูปเคารพของหนูอาจจะไม่ใช่รูปปั้นที่หนูกราบไหว้ แต่อาจเป็นสิ่งของ หรืออะไรก็ตามที่หนูให้มันมีคุณค่ามากกว่าพระเจ้า หนูพอจะยกตัวอย่างได้ไหมว่าอะไรที่สามารถเป็นรูปเคารพของหนูในวันนี้ (ให้เด็กมีโอกาสอภิปราย) พระเจ้าต้องการหัวใจและการเชื่อฟังของหนู หากวันนี้หนูเห็นแล้วว่าหนูมีรูปเคารพในใจของหนูแทนที่พระเจ้า ให้หนูกลับใจใหม่ สารภาพกับพระองค์ และขอพระเจ้าที่จะช่วยหนูที่จะตั้งใจให้พระองค์มาเป็นที่หนึ่งในชีวิตของหนู
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่ช่วยกระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ช่วยให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน เพื่อเด็กๆ จะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นในเวลาเดียวกัน)
- พวกอิสราเอลให้นำหีบพันธสัญญามาไว้ที่กองทัพเพื่อต่อสู้ฟิลิสเตีย พวกเขาคาดหวังอะไร?
- หนูคิดว่าทำไมตอนที่หีบพันธสัญญาของพระเจ้ามาอยู่ ณ ค่ายของคนอิสราเอล แต่อิสราเอลยังคงพ่ายแพ้แก่คนฟิลิสเตียอยู่ดี?
- คนฟีลิสเตียได้ขโมยอะไรไปจากคนอิสราเอล?
- เกิดอะไรขึ้นเมื่อคนฟีลิสเตียนำหีบพันธสัญญาของพระเจ้า มาวางไว้ในพระวิหารของพวกเขา?
- ทำไมคนฟีลิสเตียถึงต้องโยกย้ายหีบพันธสัญญาของพระเจ้าไปเมืองอื่น?
- ตอนที่คนอิสราเอลแสวงหาพระเจ้า ซามูเอลได้บอกอะไรกับคนอิสราเอล?
- หนูคิดว่าหนูได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องหีบพันธสัญญาของพระเจ้าบ้าง?
กิจกรรม
“พระเจ้าของเรายิ่งใหญ่”
สิ่งที่ต้องเตรียม
- จานกระดาษขนาด 8 นิ้ว
- กระดาษขนาด A4
- กรรไกร
- สีน้ำและพู่กัน
- ปากกาเมจิ
- กาว
วิธีทำ
- เด็กแต่ละคนจะได้รับจานกระดาษ 1 ใบและกระดาษขาว 1 แผ่น
- ให้เด็กวาดแผนที่โลกลงในวงกลมด้านในของจาน และเขียนข้อท่องจำไว้รอบๆ ขอบจาน “พระองค์ผู้อยู่ในพวกท่าน ยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก”
- ลอกลายมือของเด็กทั้งสองข้างลงบนกระดาษขาวที่แจกให้
- ระบายสีรูปโลกและมือที่วาดให้สวยงาม ตกแต่งขอบจานตามจินตนาการ
- หลังจากนั้น ตัดรูปมือทั้งสองข้างที่ระบายสีเรียบร้อยแล้วตามเส้น แล้วให้ทากาวด้านหลังตามแบบ
- เอาแถบมือที่ทากาวไปแปะไว้ด้านหลังของจาน ให้จินตนาการเหมือนมือของพระเจ้ากำลังประคองลูกโลกอยู่ เมื่อทากาวแล้วให้ดัดนิ้วมือให้งอขึ้นมาด้านหน้าของรูปโลก
- งานฝีมือนี้ช่วยเตือนความจำของเด็กๆ ไม่ว่าโลกของเราจะอยู่ในสถานการณ์เช่นใด บางครั้งอาจดูเหมือนมันเลวร้าย ไม่มีใครสามารถควบคุมได้ แต่ความจริงคือ พระเจ้าของเราเป็นผู้สร้างโลกนี้ขึ้นมา ไม่มีอะไรอยู่เหนือหรือเกินการควบคุมของพระองค์ ให้เราเพ่งมองดูที่พระองค์ เชื่อวางใจในพระองค์มากกว่าที่จะโอนเอนไปตามสถานการณ์ที่เราเห็นด้วยสายตาของมนุษย์