เมื่อกลับบ้านวันนี้หนูจะได้
- เรียนรู้ว่าพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าแห่งการให้อภัย ไม่ว่าความบาปนั้นจะร้ายแรงแค่ไหน
- เข้าใจว่าทุกคนผิดพลาดได้ พระเจ้าเข้าใจและพร้อมที่จะให้อภัยเมื่อเราสำนึกผิดและสารภาพบาปต่อพระเจ้า
- รักษาชีวิตของหนูให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า และหากทำผิด หนูจะสามารถสารภาพบาปของตนต่อพระเจ้าได้
ข้อท่องจำ
“พระองค์ก็ทรงช่วยเราให้รอด ไม่ใช่เพราะความชอบธรรมที่เราทำเอง แต่ด้วยพระเมตตาของพระองค์โดยผ่านการชำระให้บังเกิดใหม่และสร้างใหม่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์”- ทิตัส 3:5
T I P S สำหรับคุณครู
สุภาษิต 1:10 “ลูกเอ๋ย ถ้าคนบาปล่อชวนเจ้า อย่าได้ยอมตาม” ชั้นเรียนพระคัมภีร์ของครูสามารถเป็นเวลาที่ครูสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในชีวิตของเด็กๆ ช่วยให้พวกเขาสามารถเลือกที่จะดำเนินชีวิตที่พอพระทัยพระเจ้า ช่วยให้เด็กตระหนักถึงความผิดพลาดของคนในพระคัมภีร์และผลร้ายที่ตามมา เรียนรู้จักความบาปและโทษของบาป เพื่อพวกเขาจะสามารถตัดสินใจเลือกที่จะปฏิเสธความบาปและการล่อลวงต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ดังนั้นจึงถือได้ว่าการเรียนพระคัมภีร์ของเด็กๆ นั้นเป็นส่วนสำคัญในการเตรียมชีวิตของพวกเขาให้เติบโตและช่วยยับยั้งเท้าของพวกเขาจากวิถีของความบาป
เกม “เก้าอี้ของใคร ของใครก็หวง”
สิ่งที่ต้องเตรียม
- เก้าอี้จำนวนน้อยกว่าเด็กในชั้นหนึ่งตัว
- เพลง
วิธีเล่น
- จัดเก้าอี้ ให้เป็นวงกลมโดยหันเก้าอี้ออก และให้เก้าอี้มีจำนวนน้อยกว่าเด็กในชั้นหนึ่งตัว
- ให้เด็กทุกคนมายืนเป็นวงกลมล้อมเก้าอี้ไว้
- ครูเริ่มเปิดเพลง
- ให้เด็กเริ่มเดินหรือเต้นรอบๆเก้าอี้ จนกว่าจะได้ยินเพลงหยุด
- เมื่อเพลงหยุดลง ให้เด็กหาเก้าอี้นั่ง จะมีเด็กหนึ่งคนที่ไม่มีเก้าอี้นั่ง เด็กคนนั้นจะต้องออกจากเกมพร้อมกับเอาเก้าอี้ออกหนึ่งตัว
- เริ่มเปิดเพลงอีกรอบและเล่นวนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเหลือผู้ชนะคนสุดท้าย
บทนำเรื่อง “ขุนช้าง ขุนแผน กับนางวันทอง”
ขุนช้าง ขุนแผน เป็นนิทานพื้นบ้านของไทยซึ่งภายหลังรัชกาลที่ 2 ได้ร่วมพระราชนิพนธ์กับกวีเอกในยุคนั้น จนได้รับการยกย่องให้เป็นยอดวรรณคดีประเภทกลอนเสภา ครอบครัวของขุนไกรและนางทองประศรี มีลูกชายคนหนึ่งชื่อ พลายแก้ว พลายแก้วได้พบรักกับนางวันทอง จึงได้ขอนางทองประศรีผู้เป็นแม่ไปสู่ขอนางวันทองและทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน อีกหนึ่งครอบครัวคือครอบครัวของขุนศรีวิชัยและนางเทพทอง มีลูกชายคนหนึ่งชื่อ ขุนช้าง ซึ่งมีหัวล้านมาตั้งแต่กำเนิด เมื่อขุนช้างได้พบเห็นนางวันทองก็ชอบใจเป็นอย่างมาก จึงหมายมั่นจะต้องได้นางมาเป็นภรรยาของตนให้ได้ ขณะนั้นทางกรุงศรีอยุธยาได้ข่าวว่ากองทัพของเมืองเชียงใหม่ได้มาตีเมืองเชียงทองซึ่งเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา เจ้าเมืองจึงประกาศหาคนออกไปรบกับกองทัพเชียงใหม่ ขุนช้างซึ่งรับใช้ราชการอยู่นั้น จึงเล่าถึงความสามารถและความเก่งกล้าของพลายแก้วให้กับเจ้าเมืองฟัง เพื่อหวังจะพรากพลายแก้วออกจากนางวันทอง เจ้าเมืองจึงเรียกคนให้ไปตามตัวพลายแก้วมาและแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพไปรบกับเมืองเชียงใหม่ แต่ในขณะที่พลายแก้วไปออกรบ ขุนช้างได้ทำอุบายเพื่อหลอกนางวันทองว่าพลายแก้วได้ตายในสนามรบ โดยนำหม้อที่ใส่กระดูกเอาไปให้นางวันทองดูว่าพลายแก้วตายไปแล้ว นางวันทองไม่เชื่อขุนช้างแต่แม่ของนางวันทองเชื่อและบังคับให้นางวันทองแต่งงานกับขุนช้างเพราะเห็นว่าขุนช้างเป็นเศรษฐี นางวันทองจึงจำใจถูกบังคับให้แต่งงานกับขุนช้าง เมื่อพลายแก้วได้รับชัยชนะจากการไปออกรบจึงได้รับตำแหน่งเป็น “ขุนแผนแสนสะท้าน” หลังจากชนะศึกกลับมาจึงได้รู้ว่านางวันทองถูกยกให้ไปแต่งงานกับขุนช้าง เรื่องราวความแค้น การแย่งชิงของขุนช้างและขุนแผนนำมาซึ่งความเกลียดชัง ปัญหารวดร้าว และการแก้แค้นกันไม่จบไม่สิ้นจนถึงรุ่นลูกหลานของพวกเขา ซึ่งไม่ค่อยต่างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในพระคัมภีร์ที่ครูจะสอนในวันนี้เลย
แหล่งที่มา: นิทานเมืองสุพรรณ ขุนช้างขุนแผน http://www.suphan.biz สืบค้นเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563
เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์ (2 ซามูลเอล บทที่ 5:1-5, 6:1-19, 7:12-29)
ในช่วงเวลาที่พวกกษัตริย์ต่างออกไปทำศึกสงครามกันเวลานั้นกษัตริย์ดาวิดส่งโยอาบทหารเอกของพระองค์และกองทัพทั้งหมดของอิสราเอลออกไปรบกับคนอัมโมน ส่วนพระองค์เลือกที่จะประทับอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม
รูปภาพที่ 1 เย็นวันหนึ่งดาวิดได้ลุกขึ้นไปเดินเล่นอยู่บนดาดฟ้าพระราชวัง เขามองลงไปด้านล่างเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ หญิงคนนั้นสวยมาก ดาวิดจึงส่งคนไปสืบดูว่านางเป็นใคร คนนั้นกลับมาบอกว่า “นางคือบัทเชบาลูกสาวของเอลีอัม นางเป็นภรรยาของอุรียาห์ ชาวฮิตไทต์” ซึ่งอุรียาห์คนนี้เป็นหนึ่งในนักรบหรือทหารคนสนิท 30 คนของดาวิด เป็นผู้ร่วมติดตามดาวิดไปตั้งแต่ดาวิดยังต้องหนีการไล่ล่าของกษัตริย์ซาอูล
รูปภาพที่ 2 ดาวิดได้ส่งคนไปพานางมาพบ และดาวิดก็ได้ร่วมหลับนอนกับนางในคืนนั้น และส่งนางกลับไปบ้านของนางในวันถัดไป ต่อมานางได้ตั้งท้อง นางจึงส่งคนไปบอกดาวิดว่า นางได้ตั้งท้องแล้ว ดาวิดจึงส่งคนไปที่สนามรบให้ไปบอกโยอาบ แม่ทัพของดาวิดว่า ให้ส่งตัวอุรียาห์ผู้เป็นสามีของนางบัทเชบาให้กลับมาพบดาวิด เมื่ออุรียาห์มาเข้าเฝ้าดาวิด ดาวิดถามเขาว่าโยอาบเป็นอย่างไรบ้าง พวกทหารเป็นอย่างไร และสงครามไปถึงไหนแล้ว แล้วดาวิดก็พูดกับอุรียาห์ว่า “จงกลับไปบ้านของท่าน และล้างเท้าของท่านเถิด” อุรียาห์จึงออกจากวังและก็มีของขวัญจากกษัตริย์ส่งตามหลังมาให้เขา แต่อุรียาห์นอนอยู่ที่ทางเข้าวังกับพวกคนรับใช้คนอื่นๆ และไม่ได้กลับไปหานางบัทเชบาที่บ้าน
รูปภาพที่ 3 เมื่อดาวิดรู้เรื่องว่าอุรียาห์ไม่ได้กลับบ้าน เขาก็ถามอุรียาห์ว่า “นี่เจ้าไม่ได้เดินทางมาจากแดนไกลหรอกหรือ ทำไมเจ้าถึงไม่กลับบ้าน” อุรียาห์พูดกับดาวิดว่า “หีบพันธสัญญา อิสราเอลและยูดาห์ยังพักอยู่ในเต็นท์ แล้ว โยอาบนายของข้าและทหารของนายข้ายังตั้งค่ายอยู่กลางทุ่ง จะให้ข้ากลับบ้านไปกินและดื่มและนอนกับภรรยาของข้าได้อย่างไร ท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าก็จะไม่ยอมทำอย่างนั้นเด็ดขาด” ดาวิดก็เลยพูดกับเขาว่า “อยู่ที่นี่อีกสักวันแล้วพรุ่งนี้เราจะส่งเจ้ากลับ” อุรียาห์จึงอยู่ในเยรูซาเล็มในวันนั้นดาวิดได้เชิญเขามากินและดื่มกับดาวิด และดาวิดทำให้เขาเมา เพื่อต้องการให้เขากลับบ้านไปอยู่กับภรรยา แต่ในเย็นวันนั้น อุรียาห์ก็ไปนอนพักกับข้าราชการและพวกคนรับใช้คนอื่นๆ และไม่ยอมกลับบ้าน พอรุ่งเช้าดาวิดได้รู้ดังนั้น จึงเขียนจดหมายถึงโยอาบและส่งจดหมายนั้นไปพร้อมกับอุรียาห์ ในจดหมายนั้นเขียนถึงโยอาบว่า “จงส่งอุรียาห์ไปอยู่กองหน้าที่มีการสู้รบที่ดุเดือดที่สุด แล้วจึงถอยทัพปล่อยเขาไว้ เพื่อเขาจะได้ถูกฆ่าให้ตาย” ต่อมาเมื่อขณะที่โยอาบยังล้อมเมืองอยู่ เขาได้ส่งอุรียาห์ไปตรงจุดที่เขารู้ว่ามีทหารที่เข้มแข็งที่สุด เมื่อข้าศึกออกมาเพื่อต่อสู้กับกองทัพของโยอาบ ก็มีทหารบางคนล้มตายจากกองทัพรวมทั้งอุรียาห์ด้วย โยอาบส่งรายงานการรบให้ดาวิด เขาบอกคนส่งข่าวว่า “เมื่อเจ้ารายงานการรบนี้กับกษัตริย์แล้ว กษัตริย์อาจจะโกรธขึ้นมาและถามเจ้าว่า ‘ทำไมพวกเจ้าถึงเข้าไปต่อสู้ใกล้เมืองขนาดนั้น พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าพวกมันอาจยิงธนูลงมาจากบนกำแพงได้ ทำไมพวกเจ้าเข้าไปชิดกำแพงขนาดนั้น’ ถ้าพระองค์ถามเจ้าอย่างนั้น ให้บอกเขาว่า ‘อุรียาห์ชาวฮิตไทต์คนรับใช้ท่านก็ตายด้วย’” คนส่งข่าวออกเดินทางไปหาดาวิดและเขาก็เล่าทุกอย่างที่โยอาบสั่งมา คนส่งข่าวพูดกับกษัตริย์ดาวิดว่า “คนเหล่านั้นมีกำลังมากกว่าพวกข้าและออกมาสู้รบกับพวกข้ากลางแจ้ง แต่พวกข้าขับไล่พวกเขากลับเข้าไปทางเข้าของประตูเมือง แล้วพวกนักธนูก็ยิงลูกธนูจากบนกำแพงมาที่พวกผู้รับใช้ของท่าน และคนของกษัตริย์บางคนก็ตายรวมทั้งอุรียาห์ชาวฮิตไทต์ คนรับใช้ของท่านก็ตายไปด้วย” ดาวิดบอกคนส่งข่าวว่า “ให้ไปบอกกับโยอาบว่า ‘อย่าปล่อยให้เรื่องนี้ทำให้ท่านเสียใจ เพราะดาบก็ฆ่าคนโดยไม่เลือกหน้าว่าเป็นใคร ให้เร่งโจมตีเมืองและทำลายมันเสีย’ ให้เจ้าพูดอย่างนี้เพื่อให้กำลังใจโยอาบ” เมื่อภรรยาของอุรียาห์รู้ว่าสามีของนางตายแล้ว นางไว้ทุกข์ให้เขา หลังจากเสร็จสิ้นการไว้ทุกข์แล้ว ดาวิดให้คนนำตัวนางเข้ามาอยู่ในวัง แล้วรับนางเป็นภรรยาและไม่นานนางก็คลอดบุตรชายให้เขา แต่พระเจ้าไม่พอใจกับสิ่งที่ดาวิดได้ทำลงไปเป็นอย่างมาก
รูปภาพที่ 4 พระเจ้าส่งนาธัน ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งมาหาดาวิด เขาพูดกับดาวิดว่า “ในเมืองหนึ่งมีชายสองคน คนหนึ่งร่ำรวยและอีกคนหนึ่งยากจน คนที่รวยมีแกะและวัวมากมาย แต่คนที่จนไม่มีอะไรเลย นอกจากลูกแกะตัวเมียตัวเล็กตัวหนึ่งที่เขาซื้อมา เขาเลี้ยงแกะตัวนั้น และมันก็อยู่กับเขาและเติบโตขึ้นไปพร้อมกับลูกๆ ของเขา มันได้ส่วนแบ่งอาหารจากเขาและได้นอนในอ้อมแขนของเขา มันเป็นเหมือนลูกสาวคนหนึ่งของเขา ต่อมามีแขกคนหนึ่งเดินทางมาเยี่ยมชายที่ร่ำรวยคนนั้น คนรวยคนนั้นไม่ยอมเอาแกะหรือวัวของเขาแม้แต่สักตัวเดียวมาทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาเยี่ยมเพราะเขาเสียดาย แต่เขากลับไปเอาลูกแกะตัวเมียที่เป็นของชายยากจนคนนั้น มาทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาเยี่ยมเขา” ดาวิดได้ยินก็รู้สึกโกรธคนร่ำรวยคนนั้นมากและ พูดกับนาธันว่า “พระเจ้ามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ก็ให้แน่ใจได้เลยว่าชายคนที่ทำอย่างนั้นจะต้องตาย เขาจะต้องคืนแกะเป็นสี่เท่าสำหรับลูกแกะตัวนั้น เพราะเขาได้ทำสิ่งชั่วร้าย และไร้ความเมตตา” แล้วนาธันก็หันไปบอกกับดาวิดว่า “ท่านนั่นแหละคือคนรวยคนนั้น พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลบอกอย่างนี้ว่า ‘เราได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล และเราช่วยเจ้าให้พ้นจากมือของซาอูล เราได้มอบครอบครัวของนายเจ้าให้กับเจ้า แต่ทำไมเจ้าถึงดูหมิ่นพระคำของพระยาห์เวห์ โดยการทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระองค์ เจ้าฆ่าอุรียาห์ด้วยดาบและเอาภรรยาเขามาเป็นภรรยาของเจ้า เจ้าได้ฆ่าเขาด้วยดาบของชาว อัมโมน ดังนั้นตอนนี้ดาบเล่มนั้นจะไม่มีวันหายไปจากบ้านของเจ้า เพราะเจ้าดูหมิ่นเราและเอาภรรยาของอุรียาห์มาเป็นภรรยาของเจ้าเอง’ พระเจ้าตรัสว่า ‘เราจะนำเหตุร้ายมาสู่ตัวเจ้า ความหายนะนี้จะเกิดขึ้นจากครอบครัวของเจ้า’” แล้วดาวิดสารภาพต่อพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์ ได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระองค์ แท้จริงข้าพระองค์ถือกำเนิดมาในความชั่ว และเป็นคนบาปตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ขอทรงชำระมลทินจากข้าพระองค์ ขอทรงล้างข้าพระองค์และข้าพระองค์จะขาวกว่าหิมะ” (คำสารภาพบาปของดาวิดในสดุดีบทที่ 51) นาธันตอบว่า “พระเจ้าทรงให้อภัยบาปของท่านแล้ว ท่านจะไม่ตาย แต่ท่านได้ทำสิ่งนี้ลงไปซึ่งเป็นการดูหมิ่นพระเจ้า ดังนั้น โอรสที่ได้เกิดมาให้กับท่านนั้นจะต้องตาย”
เพราะบาปชั่วที่ดาวิดได้กระทำลงไป โอรสที่เกิดจากนางบัทเชบาเริ่มป่วยหนักและสิ้นชีวิตลงในที่สุดตามคำของนาธันผู้เผยพระวจนะ หลังจากนั้นธิดาของดาวิดก็ถูกข่มเหงด้วยพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดความชิงชังเคียดแค้นระหว่างโอรสต่างมารดาของดาวิด จนในที่สุดทำให้อับซาโลมพระราชโอรส (บุตรหัวปี) ได้วางแผนและลงมือฆ่าน้องต่างมารดาของตนเอง และภายหลังยังก่อการกบฏเพื่อจะยึดบัลลังก์ของดาวิดผู้เป็นบิดาของตน ถึงแม้การกบฏจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่เห็นได้ชัดว่าความบาปชั่วของดาวิดที่ทำต่อครอบครัวของอุรียาห์ได้ส่งผลกระทบมากมายและนำความเจ็บปวดแสนสาหัสมายังครอบครัวของดาวิดเอง
แผนการแห่งความรอด
คำอธิษฐานสารภาพบาปของดาวิดถูกบันทึกในสดุดี 51:5 กล่าวว่า “แท้จริง ข้าพระองค์ถือกำเนิดมาในความชั่ว และข้าพระองค์เป็นคนบาปตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา” มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับธรรมชาติบาป ครูและหนูไม่ได้ทำบาปแล้วจึงเป็นคนบาป แต่อันที่จริงแล้วเราเกิดมาเป็นคนบาปเราจึงทำบาป และความบาปนี้เองทำให้มนุษย์ต้องตาย เมื่อดาวิดรู้ตัวว่าเขาได้กระทำบาปต่อพระเจ้า เขาก็สำนึกผิดและได้ขอให้พระเจ้าอภัยบาปของเขา พระเจ้าทรงรู้จักหัวใจดาวิดดี พระเจ้าจึงยกโทษความผิดบาปที่ดาวิดได้ทำลงไป หลายครั้งหนูเองอาจจะคิดว่าความผิดบาปบางอย่างช่างเป็นความผิดร้ายแรงที่ไม่น่าให้อภัย แต่โดยพระคุณและความรักของพระเยซู พระองค์ผู้ไม่มีบาปและไม่เคยทำบาปทรงลงมายังโลกมนุษย์เพื่อแบกรับความบาปทั้งหมดของมนุษย์ โดยการตายบนไม้กางเขน เพื่อเราทุกคนจะได้รับการชำระล้างจากบาปและทำให้เราเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องขาวยิ่งกว่าหิมะต่อหน้าพระเจ้า (สดุดี 55:7)
พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร
ในชีวิตของหนู หนูเคยทำผิดหรือทำบาปไหม? ความบาปคือสิ่งที่หนูพูด ทำ หรือ คิด แล้วทำให้พระเจ้าเสียใจ (เปิดโอกาสให้เด็กตอบ) ความบาปนั้นขวางกั้นทำลายความสัมพันธ์ของหนูกับพระเจ้าไป ทำให้มนุษย์ต้องพบกับการลงโทษและความตาย
สำหรับเด็กที่ยังไม่เชื่อ - หากหนูยังไม่เคยต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด และหนูรู้ว่าหนูเป็นคนบาปช่วย เหลือตัวเองให้หลุดพ้นจากบาปไม่ได้ หนูสามารถตัดสิน ใจเชื่อและวางใจในพระเยซูในวันนี้ ให้พระองค์เป็นผู้ช่วยให้หนูรอดพ้นจากบาป และเป็นกำลังให้หนูในการดำเนินชีวิตที่พอพระทัยพระเจ้าในทุกๆ วัน
สำหรับเด็กที่เชื่อแล้ว - หากหนูรู้จักและเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว พระองค์ไม่ปรารถนาให้ลูกของพระองค์ทำบาป เมื่อหนูทำผิดบาป หนูสามารถสารภาพบาปกับพระเจ้าได้ทุกที่และทุกเวลา ใน 1 ยอห์น 1:9 “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” การสารภาพบาป คือการอธิษฐานยอมรับกับพระเจ้าว่าสิ่งที่หนูทำไปนั้นเป็นบาป และขอบคุณสำหรับพระเยซูที่ได้ยอมตายเพื่อรับความบาปของหนูไป ขอบคุณสำหรับการให้อภัยของพระองค์ และหนูสามารถขอกำลังจากพระเจ้าที่หนูจะสามารถทำสิ่งที่ถูกต้อง และไม่กลับไปทำผิดแบบนั้นอีกต่อไป
รูปภาพประกอบ
ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา
คำถามอภิปราย
(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่ช่วยกระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ช่วยให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน ในขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย)
- หนูคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ดาวิดทำผิดล่วงประเวณีกับนางบัทเชบาที่มีสามีอยู่แล้ว?
- เมื่อดาวิดรู้ว่านางบัทเชบาตั้งท้อง เขาวางแผนชั่วอย่างไร?
- หนูคิดว่าอุรียาห์สามีของบัทเชบา เป็นคนดีหรือไม่อย่างไร?
- ดาวิดเขียนจดหมายถึงโยอาบว่าให้อุรียาห์ไปทำศึกที่ไหน และเพื่ออะไร?
- ทำไมพระเจ้าจึงไม่พอใจกับการกระทำของดาวิดเป็นอย่างมาก?
- นาธันได้ยกตัวอย่างการกระทำของคนสองคน ตัวอย่างนั้นว่าอย่างไร?
- ในตอนท้ายดาวิดรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตัวเอง?
กิจกรรม
พระเจ้ามีอำนาจอภัยบาป (การทดลอง)
สิ่งที่ต้องเตรียม
- แก้วใส 3 ใบ
- น้ำเปล่า
- ไอโอดีนทาแผล
- น้ำยาซักผ้าขาว
วิธีทำ
- เตรียมแก้วแต่ละใบดังนี้
- ใบที่ 1 ใส่ไอโอดีนประมาณ 1/2 แก้ว และติดป้ายคำว่า “บาป” ไว้บนแก้ว
- ใบที่ 2 ใส่น้ำเปล่า 1/2 แก้วพร้อมติดคำว่า “มนุษย์” หรือคำว่า “ครูและหนู” ก็ได้
- ใบที่ 3 ใส่น้ำยาซักผ้าขาว 1/2 แก้วพร้อมติดคำว่า “พระเยซู”
- ครูพูดว่า “ในพระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า ไม่มีมนุษย์คนไหนสักคนเดียวชอบธรรม หรือไม่มีบาป พวกเราล้วนแต่เกิดมามีธรรมชาติบาป และทำบาป” พร้อมกับเทแก้วไอโอดีนลงในแก้วน้ำเปล่า ประมาณ 1/3 ส่วน แก้วน้ำเปล่าในเวลานี้ก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลตามสีของแก้วความบาป
- ครูพูดต่อว่า “พระเจ้ารักครูและหนูจนยอมให้พระเยซูลงมาในโลกนี้ เพื่อตายบนไม้กางเขน พระเยซูมีฤทธิ์ในการยกโทษบาป และทำลายอำนาจของบาปได้หมดสิ้น” พร้อมเทแก้วน้ำยาซักผ้าขาวประมาณ 1/3 ส่วนลงในแก้ว “มนุษย์” น้ำสีน้ำตาลจะกลับใสสะอาดทันที
- “เมื่อครูและหนูได้รับการชำระให้บังเกิดใหม่และสร้างใหม่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ข้อท่องจำของวันนี้) ความบาปก็ไม่สามารถมีอำนาจทำลายชีวิตของหนูได้อีก” พร้อมเทแก้ว “บาป” (ไอโอดีน) 1/3 ส่วนลงในแก้ว “มนุษย์” ในเวลานี้ไอโอดีนที่เทใส่แก้ว “มนุษย์” จะไม่สามารถเปลี่ยนสีน้ำใสๆ ให้มีสีน้ำตาลได้ (อัศจรรย์!!)
- “พระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจในการชำระล้างความผิดบาป ในพระองค์ไม่มีบาป และพระองค์เอาชนะความบาปได้อย่างสมบูรณ์แบบ” เทแก้ว “พระเยซู” ที่เหลือทั้งหมดลงในแก้ว “บาป” ไอโอดีนที่อยู่ในแก้วจะเปลี่ยนเป็นสีใสทันที (อัศจรรย์!!) พระเยซูมีชัยชนะเหนือความบาป และความบาปไม่สามารถมีอำนาจเหนือพระองค์ได้
หมายเหตุ: เพื่อจะรักษาความตื่นเต้นของเด็กๆ ในชั้นเรียน ครูจึงควรแสดงการทดลองนี้โดยไม่เฉลยความลับหรืออธิบายส่วนผสมใดๆ ให้เด็กรู้
กิจกรรม
บาปกระเด้งกระดอน
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ไม้ไอติมใหญ่ 50 อันสีอะไรก็ได้
- ปากกาเมจิก
วิธีทำ
- ก่อนชั้นเรียน ครูเตรียมดูวิธีการสร้าง “ไม้ไอติมกระโดด” จาก https://youtu.be/5N_ngtD3xY8
- แจกไม้ไอติมให้เด็กแต่ละคน (กิจกรรมนี้ยิ่งใช้ไม้ไอติมมากเท่าไหร่ ผลลัพธ์จะส่งผลสะท้อนมากเท่านั้น)
- ให้เด็กแต่ละคนเขียนสิ่งที่เป็นความบาปลงบนไม้ไอติมแต่ละแท่ง ไม่ว่าจะเป็นบาปที่คิดว่าเป็นสิ่งเล็กน้อย เช่น การโกหก ละเลยหน้าที่ของตัวเอง หรือบาปร้ายแรงที่ไม่น่าให้อภัย เช่น การฆ่าคน การคอรัปชั่น ฯลฯ
- ครูนำเอาไม้ไอติมที่เด็กเขียนเสร็จแล้วมาเรียงสานต่อกันให้ยาวตามจำนวนของไม้ไอติมที่แจกให้กับเด็ก
- เมื่อสานไม้ไอติมเสร็จ เตรียมให้เด็กๆ ล้อมเป็นวงกลมเพื่อจะดูว่าไม้ไอติมเหล่านี้จะระเบิดปุ้งปั้งอย่างไร ครูปลดไม้ไอติมอันแรกออก แล้วปล่อยให้ไม้ไอติมอื่นๆ กระโดดกระเด้งกระดอน
- อธิบายให้เด็กเห็นจากบทเรียนที่เรียนในวันนี้ว่า ความบาปไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือร้ายแรง มันสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตของตัวหนูเอง และชีวิตของคนอื่นๆ ได้
- อาจเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มีโอกาสลองทำไม้ไอติมกระโดดเอง
หมายเหตุ - กิจกรรมนี้จำเป็นต้องใช้ไม้ไอติมขนาดใหญ่ เพื่อจะได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม้ไอติมขนาดเล็กมีความยืดหยุ่นสูงกว่า หลายครั้งมันจะไม่ค่อยดีดตัวกระเด้งได้ดีเท่าไม้ไอติมใหญ่