บทเรียน : ดาวิดกับนางบัทเชบา

เมื่อกลับบ้านวันนี้หนูจะได้

  • เรียนรู้ว่าพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าแห่งการให้อภัย ไม่ว่าความบาปนั้นจะร้ายแรงแค่ไหน
  • เข้าใจว่าทุกคนผิดพลาดได้ พระเจ้าเข้าใจและพร้อมที่จะให้อภัยเมื่อเราสำนึกผิดและสารภาพบาปต่อพระเจ้า
  • รักษาชีวิตของหนูให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า และหากทำผิด หนูจะสามารถสารภาพบาปของตนต่อพระเจ้าได้

ข้อท่องจำ

“พระองค์ก็ทรงช่วยเราให้รอด ไม่ใช่เพราะความชอบธรรมที่เราทำเอง แต่ด้วยพระเมตตาของพระองค์โดยผ่านการชำระให้บังเกิดใหม่และสร้างใหม่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์”- ทิตัส 3:5

T I P S สำหรับคุณครู

สุภาษิต 1:10 “ลูกเอ๋ย ถ้าคนบาปล่อชวนเจ้า อย่าได้ยอมตาม” ชั้นเรียนพระคัมภีร์ของครูสามารถเป็นเวลาที่ครูสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในชีวิตของเด็กๆ ช่วยให้พวกเขาสามารถเลือกที่จะดำเนินชีวิตที่พอพระทัยพระเจ้า ช่วยให้เด็กตระหนักถึงความผิดพลาดของคนในพระคัมภีร์และผลร้ายที่ตามมา เรียนรู้จักความบาปและโทษของบาป เพื่อพวกเขาจะสามารถตัดสินใจเลือกที่จะปฏิเสธความบาปและการล่อลวงต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ดังนั้นจึงถือได้ว่าการเรียนพระคัมภีร์ของเด็กๆ นั้นเป็นส่วนสำคัญในการเตรียมชีวิตของพวกเขาให้เติบโตและช่วยยับยั้งเท้าของพวกเขาจากวิถีของความบาป

 

เกม “เก้าอี้ของใคร ของใครก็หวง”

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • เก้าอี้จำนวนน้อยกว่าเด็กในชั้นหนึ่งตัว
  • เพลง

วิธีเล่น

  • จัดเก้าอี้ ให้เป็นวงกลมโดยหันเก้าอี้ออก และให้เก้าอี้มีจำนวนน้อยกว่าเด็กในชั้นหนึ่งตัว
  • ให้เด็กทุกคนมายืนเป็นวงกลมล้อมเก้าอี้ไว้
  • ครูเริ่มเปิดเพลง
  • ให้เด็กเริ่มเดินหรือเต้นรอบๆเก้าอี้ จนกว่าจะได้ยินเพลงหยุด
  • เมื่อเพลงหยุดลง ให้เด็กหาเก้าอี้นั่ง จะมีเด็กหนึ่งคนที่ไม่มีเก้าอี้นั่ง เด็กคนนั้นจะต้องออกจากเกมพร้อมกับเอาเก้าอี้ออกหนึ่งตัว
  • เริ่มเปิดเพลงอีกรอบและเล่นวนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเหลือผู้ชนะคนสุดท้าย

บทนำเรื่อง “ขุนช้าง ขุนแผน กับนางวันทอง”

ขุนช้าง ขุนแผน เป็นนิทานพื้นบ้านของไทยซึ่งภายหลังรัชกาลที่ 2 ได้ร่วมพระราชนิพนธ์กับกวีเอกในยุคนั้น จนได้รับการยกย่องให้เป็นยอดวรรณคดีประเภทกลอนเสภา ครอบครัวของขุนไกรและนางทองประศรี มีลูกชายคนหนึ่งชื่อ พลายแก้ว พลายแก้วได้พบรักกับนางวันทอง จึงได้ขอนางทองประศรีผู้เป็นแม่ไปสู่ขอนางวันทองและทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน อีกหนึ่งครอบครัวคือครอบครัวของขุนศรีวิชัยและนางเทพทอง มีลูกชายคนหนึ่งชื่อ ขุนช้าง ซึ่งมีหัวล้านมาตั้งแต่กำเนิด เมื่อขุนช้างได้พบเห็นนางวันทองก็ชอบใจเป็นอย่างมาก จึงหมายมั่นจะต้องได้นางมาเป็นภรรยาของตนให้ได้ ขณะนั้นทางกรุงศรีอยุธยาได้ข่าวว่ากองทัพของเมืองเชียงใหม่ได้มาตีเมืองเชียงทองซึ่งเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา เจ้าเมืองจึงประกาศหาคนออกไปรบกับกองทัพเชียงใหม่ ขุนช้างซึ่งรับใช้ราชการอยู่นั้น จึงเล่าถึงความสามารถและความเก่งกล้าของพลายแก้วให้กับเจ้าเมืองฟัง เพื่อหวังจะพรากพลายแก้วออกจากนางวันทอง เจ้าเมืองจึงเรียกคนให้ไปตามตัวพลายแก้วมาและแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพไปรบกับเมืองเชียงใหม่ แต่ในขณะที่พลายแก้วไปออกรบ ขุนช้างได้ทำอุบายเพื่อหลอกนางวันทองว่าพลายแก้วได้ตายในสนามรบ โดยนำหม้อที่ใส่กระดูกเอาไปให้นางวันทองดูว่าพลายแก้วตายไปแล้ว นางวันทองไม่เชื่อขุนช้างแต่แม่ของนางวันทองเชื่อและบังคับให้นางวันทองแต่งงานกับขุนช้างเพราะเห็นว่าขุนช้างเป็นเศรษฐี นางวันทองจึงจำใจถูกบังคับให้แต่งงานกับขุนช้าง เมื่อพลายแก้วได้รับชัยชนะจากการไปออกรบจึงได้รับตำแหน่งเป็น “ขุนแผนแสนสะท้าน” หลังจากชนะศึกกลับมาจึงได้รู้ว่านางวันทองถูกยกให้ไปแต่งงานกับขุนช้าง เรื่องราวความแค้น การแย่งชิงของขุนช้างและขุนแผนนำมาซึ่งความเกลียดชัง ปัญหารวดร้าว และการแก้แค้นกันไม่จบไม่สิ้นจนถึงรุ่นลูกหลานของพวกเขา ซึ่งไม่ค่อยต่างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในพระคัมภีร์ที่ครูจะสอนในวันนี้เลย

 

แหล่งที่มา: นิทานเมืองสุพรรณ ขุนช้างขุนแผน http://www.suphan.biz สืบค้นเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563

เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์ (2 ซามูลเอล บทที่ 5:1-5, 6:1-19, 7:12-29)

ในช่วงเวลาที่พวกกษัตริย์ต่างออกไปทำศึกสงครามกันเวลานั้นกษัตริย์​ดาวิดส่งโยอาบทหารเอกของพระองค์และกองทัพทั้งหมดของอิสราเอลออกไปรบกับคนอัมโมน ส่วนพระองค์เลือกที่จะประทับอยู่​ใน​เมือง​เยรูซาเล็ม

 รูปภาพที่ 1 เย็น​วัน​หนึ่งดาวิด​ได้​ลุก​ขึ้น​ไป​เดินเล่น​อยู่​บน​ดาดฟ้าพระราชวัง เขา​มอง​ลง​ไปด้านล่าง​เห็น​ผู้หญิง​คน​หนึ่ง​กำลัง​อาบน้ำ​อยู่ หญิง​คน​นั้น​สวย​มาก ดาวิด​จึง​ส่ง​คน​ไป​สืบ​ดู​ว่า​นาง​เป็น​ใคร ​คน​นั้น​กลับ​มา​บอก​ว่า “นาง​คือ​บัทเชบาลูกสาว​ของ​เอลีอัม นาง​เป็น​ภรรยาของ​อุรียาห์​ ชาว​ฮิตไทต์” ซึ่งอุรียาห์คนนี้เป็นหนึ่งในนักรบหรือทหารคนสนิท 30 คนของดาวิด เป็นผู้ร่วมติดตามดาวิดไปตั้งแต่ดาวิดยังต้องหนีการไล่ล่าของกษัตริย์ซาอูล

รูปภาพที่ 2  ดาวิด​ได้​ส่ง​คน​ไปพา​นาง​มา​พบ​ และดาวิดก็ได้​ร่วม​หลับนอน​กับ​นาง​ในคืนนั้น และส่งนางกลับไปบ้านของนางในวันถัดไป ต่อมานาง​ได้​ตั้งท้อง นางจึง​ส่ง​คน​ไป​บอก​ดาวิด​ว่า นาง​ได้​ตั้งท้อง​แล้ว ดาวิด​จึง​ส่ง​คน​ไปที่สนามรบให้ไป​บอกโยอาบ แม่ทัพของดาวิดว่า ให้​ส่ง​ตัว​อุรียาห์ผู้เป็นสามีของนางบัทเชบาให้กลับมาพบดาวิด เมื่อ​อุรียาห์​มาเข้าเฝ้า​ดาวิด ดาวิด​ถาม​เขา​ว่า​โยอาบ​เป็น​อย่างไรบ้าง พวก​ทหาร​เป็น​อย่างไร และ​สงคราม​ไป​ถึง​ไหน​แล้ว แล้วดาวิด​ก็​พูด​กับ​อุรียาห์​ว่า “จงกลับ​ไป​บ้าน​ของ​ท่าน​ และ​ล้างเท้า​ของ​ท่านเถิด” อุรียาห์​จึง​ออก​จาก​วัง​และ​ก็​มี​ของ​ขวัญ​จาก​กษัตริย์​ส่ง​ตาม​หลัง​มา​ให้​เขา แต่​อุรียาห์​นอน​อยู่​ที่​ทาง​เข้า​วัง​กับ​พวก​คน​รับใช้​คน​อื่นๆ​ และ​ไม่​ได้​กลับ​ไป​หานางบัทเชบาที่บ้าน

รูปภาพที่ 3 เมื่อ​ดาวิด​รู้เรื่อง​ว่าอุรียาห์​ไม่​ได้​กลับ​บ้าน เขาก็​ถาม​อุรียาห์​ว่า “นี่​เจ้า​ไม่​ได้​เดิน​ทาง​มา​จาก​แดนไกล​หรอกหรือ ทำไม​เจ้า​ถึง​ไม่​กลับ​บ้าน” อุรียาห์​พูด​กับ​ดาวิด​ว่า “หีบ​พันธสัญญา อิสราเอล​และ​ยูดาห์ยัง​พัก​อยู่​ใน​เต็นท์ แล้ว   โยอาบ​นาย​ของ​ข้า​และ​ทหารของ​นาย​ข้า​ยัง​ตั้ง​ค่าย​อยู่​กลาง​ทุ่ง จะ​ให้​ข้า​กลับ​บ้าน​ไป​กิน​และ​ดื่ม​และ​นอน​กับ​ภรรยาของ​ข้าได้​อย่าง​ไร ท่าน​มี​ชีวิต​อยู่​แน่ฉันใด ​ข้าก็​จะ​ไม่​ยอม​ทำ​อย่าง​นั้น​เด็ดขาด” ดาวิด​ก็​เลย​พูด​กับ​เขา​ว่า “อยู่​ที่​นี่​อีกสัก​วัน​แล้ว​พรุ่งนี้​เรา​จะ​ส่ง​เจ้า​กลับ” อุรียาห์​จึง​อยู่​ใน​เยรูซาเล็ม​ใน​วัน​นั้นดาวิด​ได้​เชิญ​เขา​มา​กิน​และ​ดื่ม​กับ​ดาวิด และ​ดาวิด​ทำให้​เขา​เมา เพื่อต้องการให้เขากลับบ้านไปอยู่กับภรรยา แต่ในเย็นวันนั้น อุรียาห์​ก็​ไป​นอน​พักกับข้าราชการและพวก​คน​รับใช้​คน​อื่นๆ​ และไม่​ยอม​กลับ​บ้าน พอ​รุ่งเช้าดาวิดได้รู้ดังนั้น จึงเขียน​จดหมาย​ถึง​โยอาบ​และ​ส่ง​จดหมาย​นั้น​ไป​พร้อม​กับ​อุรียาห์ ใน​จดหมาย​นั้น​เขียนถึงโยอาบว่า “จงส่ง​อุรียาห์​ไป​อยู่​กองหน้า​ที่​มี​การ​สู้รบ​ที่​ดุเดือด​ที่สุด แล้วจึง​ถอยทัพ​ปล่อย​เขา​ไว้ เพื่อ​เขา​จะ​ได้​ถูก​ฆ่าให้ตาย” ต่อมาเมื่อขณะ​ที่​โยอาบ​ยัง​ล้อม​เมือง​อยู่ เขา​ได้​ส่ง​อุรียาห์​ไป​ตรงจุด​ที่​เขา​รู้​ว่า​มีทหารที่เข้มแข็ง​ที่สุด เมื่อ​ข้าศึก​ออก​มา​เพื่อ​ต่อสู้​กับกองทัพของโยอาบ ก็มีทหารบางคนล้มตายจาก​กองทัพ​รวมทั้ง​อุรียาห์​​ด้วย โยอาบ​ส่ง​รายงาน​การ​รบ​ให้​ดาวิด เขา​บอก​คน​ส่งข่าว​ว่า “เมื่อ​เจ้า​รายงาน​การ​รบ​นี้​กับ​กษัตริย์​แล้ว กษัตริย์​อาจ​จะโกรธ​ขึ้น​มา​และ​​ถาม​เจ้า​ว่า ‘ทำไม​พวก​เจ้า​ถึง​เข้า​ไป​ต่อ​สู้​ใกล้​เมือง​ขนาด​นั้น พวก​เจ้า​ไม่​รู้​หรือ​ว่า​พวก​มัน​อาจ​ยิงธนู​ลง​มา​จาก​บน​กำแพง​ได้ ทำไม​พวก​เจ้า​เข้า​ไป​ชิด​กำแพง​ขนาด​นั้น’ ถ้า​พระองค์ถาม​เจ้า​อย่าง​นั้น ให้​บอก​เขา​ว่า ‘อุรียาห์​ชาว​ฮิตไทต์​คน​รับใช้​ท่าน​ก็​ตาย​ด้วย’” คน​ส่งข่าวออก​เดิน​ทาง​ไปหาดาวิดและเขา​ก็​เล่า​ทุก​อย่าง​ที่​โยอาบ​สั่ง​มา​ คน​ส่งข่าว​พูด​กับกษัตริย์ดาวิด​ว่า “คน​เหล่า​นั้น​มี​กำลัง​มาก​กว่า​พวก​ข้า​และ​ออก​มา​สู้​รบ​กับ​พวก​ข้า​กลาง​แจ้ง แต่​พวก​ข้าขับ​ไล่​พวก​เขา​กลับ​เข้า​ไป​ทาง​เข้า​ของ​ประตู​เมือง แล้ว​พวก​นักธนู​ก็​ยิง​ลูกธนู​จาก​บน​กำแพง​มา​ที่​พวก​ผู้รับใช้​ของ​ท่าน และ​คน​ของ​กษัตริย์​บางคน​ก็​ตายรวม​ทั้ง​อุรียาห์​ชาว​ฮิตไทต์ ​คน​รับใช้​ของ​ท่าน​ก็​ตาย​ไป​ด้วย” ดาวิด​บอก​คน​ส่งข่าว​ว่า “ให้​ไป​บอก​กับ​โยอาบ​ว่า ‘อย่า​ปล่อย​ให้​เรื่อง​นี้​ทำให้​ท่าน​เสียใจ เพราะ​ดาบ​ก็​ฆ่า​คน​โดย​ไม่​เลือก​หน้า​ว่า​เป็น​ใคร ให้เร่ง​โจมตี​เมือง​และ​ทำลาย​มัน​เสีย’ ให้เจ้า​พูด​อย่าง​นี้​เพื่อ​ให้​กำลัง​ใจ​โยอาบ” เมื่อ​ภรรยาของ​อุรียาห์​รู้​ว่า​สามี​ของ​นาง​ตาย​แล้ว นาง​ไว้ทุกข์​ให้​เขา หลังจาก​เสร็จสิ้น​การ​ไว้ทุกข์​แล้ว ดาวิด​ให้​คนนำ​ตัว​นาง​เข้า​มา​อยู่​ใน​วัง แล้วรับนางเป็น​ภรรยา​และไม่นานนางก็คลอดบุตรชายให้เขา แต่​พระเจ้าไม่​พอใจ​กับ​สิ่ง​ที่​ดาวิด​ได้​ทำ​ลง​ไป​เป็นอย่างมาก

รูปภาพที่ 4 พระเจ้า​ส่ง​นาธัน​ ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งมา​หา​ดาวิด เขา​พูด​กับดาวิดว่า “ใน​เมือง​หนึ่งมี​ชาย​สอง​คน คน​หนึ่ง​ร่ำรวย​และ​อีก​คน​หนึ่ง​ยากจน คน​ที่​รวย​มี​แกะ​และ​วัวมากมาย แต่​คน​ที่​จน​ไม่​มี​อะไร​เลย นอก​จาก​ลูกแกะ​ตัวเมีย​ตัว​เล็ก​ตัว​หนึ่ง​ที่​เขา​ซื้อ​มา เขา​เลี้ยง​แกะ​ตัว​นั้น และ​มัน​ก็​อยู่​กับ​เขาและ​เติบโต​ขึ้นไป​พร้อมกับ​ลูกๆ ของ​เขา มัน​ได้​ส่วน​แบ่ง​อาหาร​จาก​เขาและ​ได้​นอน​ใน​อ้อม​แขน​ของ​เขา มัน​เป็น​เหมือน​ลูกสาว​คน​หนึ่ง​ของ​เขา ต่อมา​มี​แขก​คน​หนึ่ง​เดิน​ทาง​มา​เยี่ยม​ชาย​ที่​ร่ำรวย​คน​นั้น คน​รวย​คน​นั้น​ไม่​ยอม​เอา​แกะ​หรือ​วัวของเขา​แม้แต่สักตัว​เดียวมาทำอาหารเลี้ยงแขกที่มาเยี่ยม​เพราะเขาเสียดาย แต่​เขา​กลับ​ไป​เอา​ลูกแกะ​ตัวเมีย​ที่​เป็น​ของ​ชาย​ยากจน​คน​นั้น​ มา​ทำ​อาหาร​เลี้ยง​แขก​ที่​มา​เยี่ยม​เขา” ดาวิดได้ยินก็รู้สึกโกรธ​คน​ร่ำรวย​คน​นั้น​มากและ​ พูด​กับ​นาธัน​ว่า “พระเจ้ามี​ชีวิต​อยู่​แน่​ฉันใด ก็​ให้​แน่ใจ​ได้​เลย​ว่า​ชาย​คน​ที่​ทำ​อย่าง​นั้น​จะ​ต้อง​ตาย เขาจะต้อง​คืนแกะเป็น​สี่​เท่า​สำหรับ​ลูกแกะ​ตัว​นั้น เพราะ​เขา​ได้​ทำ​สิ่ง​ชั่วร้าย และ​ไร้​ความเมตตา” แล้ว​นาธัน​ก็หันไป​บอก​กับ​ดาวิด​ว่า “ท่าน​นั่นแหละ​คือ​คน​รวย​คน​นั้น พระยาห์เวห์พระเจ้า​แห่ง​อิสราเอลบอก​อย่าง​นี้​ว่า ‘เรา​ได้​แต่งตั้งเจ้า​ให้​เป็น​กษัตริย์​ปกครอง​อิสราเอล และ​เรา​ช่วย​เจ้า​ให้​พ้น​จาก​มือ​ของ​ซาอูล เรา​ได้​มอบ​ครอบครัว​ของ​นาย​เจ้า​ให้​กับ​เจ้า แต่ทำไม​เจ้า​ถึง​ดูหมิ่น​พระคำ​ของ​พระยาห์เวห์ โดย​การ​ทำ​สิ่ง​ชั่วร้าย​ใน​สายตา​ของ​พระองค์ เจ้า​ฆ่า​อุรียาห์​​ด้วย​ดาบและ​เอา​ภรรยาเขา​มา​เป็น​ภรรยาของเจ้า เจ้าได้​ฆ่า​เขา​ด้วย​ดาบ​ของ​ชาว ​อัมโมน ดังนั้นตอนนี้ดาบ​เล่มนั้น​จะ​ไม่​มี​วัน​หาย​ไป​จาก​บ้าน​ของ​เจ้า เพราะ​เจ้า​ดูหมิ่น​เรา​และ​เอา​ภรรยา​ของ​อุรียาห์​มา​เป็น​ภรรยา​ของ​เจ้า​เอง’ พระเจ้าตรัส​ว่า ‘เรา​จะ​นำ​เหตุร้าย​มา​สู่​ตัว​เจ้า ความหายนะ​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น​จาก​ครอบครัว​ของ​เจ้า’” แล้ว​ดาวิด​สารภาพต่อพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์ ได้ทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของพระองค์ แท้จริงข้าพระองค์ถือกำเนิดมาในความชั่ว และเป็นคนบาปตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ขอทรงชำระมลทินจากข้าพระองค์ ขอทรงล้างข้าพระองค์และข้าพระองค์จะขาวกว่าหิมะ” (คำสารภาพบาปของดาวิดในสดุดีบทที่ 51) นาธัน​ตอบ​ว่า “พระเจ้า​ทรงให้อภัยบาป​ของ​ท่าน​แล้ว ท่าน​จะ​ไม่​ตาย แต่​ท่าน​ได้​ทำ​สิ่ง​นี้​ลง​ไปซึ่ง​เป็น​การ​ดูหมิ่นพระเจ้า ดังนั้น โอรสที่​ได้​เกิด​มา​ให้​กับ​ท่านนั้น​จะ​ต้อง​ตาย”

เพราะบาปชั่วที่ดาวิดได้กระทำลงไป โอรสที่เกิดจากนางบัทเชบาเริ่มป่วยหนักและสิ้นชีวิตลงในที่สุดตามคำของนาธันผู้เผยพระวจนะ หลังจากนั้นธิดาของดาวิดก็ถูกข่มเหงด้วยพี่น้องต่างมารดา  ทำให้เกิดความชิงชังเคียดแค้นระหว่างโอรสต่างมารดาของดาวิด จนในที่สุดทำให้อับซาโลมพระราชโอรส (บุตรหัวปี) ได้วางแผนและลงมือฆ่าน้องต่างมารดาของตนเอง และภายหลังยังก่อการกบฏเพื่อจะยึดบัลลังก์ของดาวิดผู้เป็นบิดาของตน ถึงแม้การกบฏจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่เห็นได้ชัดว่าความบาปชั่วของดาวิดที่ทำต่อครอบครัวของอุรียาห์ได้ส่งผลกระทบมากมายและนำความเจ็บปวดแสนสาหัสมายังครอบครัวของดาวิดเอง

 

แผนการแห่งความรอด

คำอธิษฐานสารภาพบาปของดาวิดถูกบันทึกในสดุดี 51:5 กล่าวว่า “แท้จริง ข้าพระองค์ถือกำเนิดมาในความชั่ว และข้าพระองค์เป็นคนบาปตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา” มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับธรรมชาติบาป ครูและหนูไม่ได้ทำบาปแล้วจึงเป็นคนบาป แต่อันที่จริงแล้วเราเกิดมาเป็นคนบาปเราจึงทำบาป และความบาปนี้เองทำให้มนุษย์ต้องตาย เมื่อดาวิดรู้ตัวว่าเขาได้กระทำบาปต่อพระเจ้า เขาก็สำนึกผิดและได้ขอให้พระเจ้าอภัยบาปของเขา พระเจ้าทรงรู้จักหัวใจดาวิดดี พระเจ้าจึงยกโทษความผิดบาปที่ดาวิดได้ทำลงไป หลายครั้งหนูเองอาจจะคิดว่าความผิดบาปบางอย่างช่างเป็นความผิดร้ายแรงที่ไม่น่าให้อภัย แต่โดยพระคุณและความรักของพระเยซู พระองค์ผู้ไม่มีบาปและไม่เคยทำบาปทรงลงมายังโลกมนุษย์เพื่อแบกรับความบาปทั้งหมดของมนุษย์ โดยการตายบนไม้กางเขน เพื่อเราทุกคนจะได้รับการชำระล้างจากบาปและทำให้เราเป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องขาวยิ่งกว่าหิมะต่อหน้าพระเจ้า (สดุดี 55:7)

 

พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร

ในชีวิตของหนู หนูเคยทำผิดหรือทำบาปไหม? ความบาปคือสิ่งที่หนูพูด ทำ หรือ คิด แล้วทำให้พระเจ้าเสียใจ (เปิดโอกาสให้เด็กตอบ) ความบาปนั้นขวางกั้นทำลายความสัมพันธ์ของหนูกับพระเจ้าไป ทำให้มนุษย์ต้องพบกับการลงโทษและความตาย

สำหรับเด็กที่ยังไม่เชื่อ - หากหนูยังไม่เคยต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด และหนูรู้ว่าหนูเป็นคนบาปช่วย เหลือตัวเองให้หลุดพ้นจากบาปไม่ได้ หนูสามารถตัดสิน ใจเชื่อและวางใจในพระเยซูในวันนี้ ให้พระองค์เป็นผู้ช่วยให้หนูรอดพ้นจากบาป และเป็นกำลังให้หนูในการดำเนินชีวิตที่พอพระทัยพระเจ้าในทุกๆ วัน

สำหรับเด็กที่เชื่อแล้ว - หากหนูรู้จักและเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว พระองค์ไม่ปรารถนาให้ลูกของพระองค์ทำบาป เมื่อหนูทำผิดบาป หนูสามารถสารภาพบาปกับพระเจ้าได้ทุกที่และทุกเวลา ใน 1 ยอห์น 1:9 “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” การสารภาพบาป คือการอธิษฐานยอมรับกับพระเจ้าว่าสิ่งที่หนูทำไปนั้นเป็นบาป และขอบคุณสำหรับพระเยซูที่ได้ยอมตายเพื่อรับความบาปของหนูไป ขอบคุณสำหรับการให้อภัยของพระองค์ และหนูสามารถขอกำลังจากพระเจ้าที่หนูจะสามารถทำสิ่งที่ถูกต้อง และไม่กลับไปทำผิดแบบนั้นอีกต่อไป

รูปภาพประกอบ

ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ  เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา

คำถามอภิปราย

(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่ช่วยกระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ช่วยให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน ในขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย)

  1. หนูคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ดาวิดทำผิดล่วงประเวณีกับนางบัทเชบาที่มีสามีอยู่แล้ว?
  2. เมื่อดาวิดรู้ว่านางบัทเชบาตั้งท้อง เขาวางแผนชั่วอย่างไร?
  3. หนูคิดว่าอุรียาห์สามีของบัทเชบา เป็นคนดีหรือไม่อย่างไร?
  4. ดาวิดเขียนจดหมายถึงโยอาบว่าให้อุรียาห์ไปทำศึกที่ไหน และเพื่ออะไร?
  5. ทำไมพระเจ้าจึงไม่พอใจกับการกระทำของดาวิดเป็นอย่างมาก?
  6. นาธันได้ยกตัวอย่างการกระทำของคนสองคน ตัวอย่างนั้นว่าอย่างไร?
  7. ในตอนท้ายดาวิดรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตัวเอง?

 

 

กิจกรรม

พระเจ้ามีอำนาจอภัยบาป (การทดลอง)

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • แก้วใส 3 ใบ
  • น้ำเปล่า
  • ไอโอดีนทาแผล
  • น้ำยาซักผ้าขาว

วิธีทำ

  1. เตรียมแก้วแต่ละใบดังนี้
  • ใบที่ 1 ใส่ไอโอดีนประมาณ 1/2 แก้ว และติดป้ายคำว่า “บาป” ไว้บนแก้ว
  • ใบที่ 2 ใส่น้ำเปล่า 1/2 แก้วพร้อมติดคำว่า “มนุษย์” หรือคำว่า “ครูและหนู” ก็ได้
  • ใบที่ 3 ใส่น้ำยาซักผ้าขาว 1/2 แก้วพร้อมติดคำว่า “พระเยซู”
  1. ครูพูดว่า “ในพระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า ไม่มีมนุษย์คนไหนสักคนเดียวชอบธรรม หรือไม่มีบาป พวกเราล้วนแต่เกิดมามีธรรมชาติบาป และทำบาป” พร้อมกับเทแก้วไอโอดีนลงในแก้วน้ำเปล่า ประมาณ 1/3 ส่วน แก้วน้ำเปล่าในเวลานี้ก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลตามสีของแก้วความบาป
  2. ครูพูดต่อว่า “พระเจ้ารักครูและหนูจนยอมให้พระเยซูลงมาในโลกนี้ เพื่อตายบนไม้กางเขน พระเยซูมีฤทธิ์ในการยกโทษบาป และทำลายอำนาจของบาปได้หมดสิ้น” พร้อมเทแก้วน้ำยาซักผ้าขาวประมาณ 1/3 ส่วนลงในแก้ว “มนุษย์” น้ำสีน้ำตาลจะกลับใสสะอาดทันที
  3. “เมื่อครูและหนูได้รับการชำระให้บังเกิดใหม่และสร้างใหม่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ข้อท่องจำของวันนี้) ความบาปก็ไม่สามารถมีอำนาจทำลายชีวิตของหนูได้อีก” พร้อมเทแก้ว “บาป” (ไอโอดีน) 1/3 ส่วนลงในแก้ว “มนุษย์” ในเวลานี้ไอโอดีนที่เทใส่แก้ว “มนุษย์” จะไม่สามารถเปลี่ยนสีน้ำใสๆ ให้มีสีน้ำตาลได้ (อัศจรรย์!!)
  4. “พระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจในการชำระล้างความผิดบาป ในพระองค์ไม่มีบาป และพระองค์เอาชนะความบาปได้อย่างสมบูรณ์แบบ” เทแก้ว “พระเยซู” ที่เหลือทั้งหมดลงในแก้ว “บาป” ไอโอดีนที่อยู่ในแก้วจะเปลี่ยนเป็นสีใสทันที (อัศจรรย์!!) พระเยซูมีชัยชนะเหนือความบาป และความบาปไม่สามารถมีอำนาจเหนือพระองค์ได้

 

หมายเหตุ: เพื่อจะรักษาความตื่นเต้นของเด็กๆ ในชั้นเรียน ครูจึงควรแสดงการทดลองนี้โดยไม่เฉลยความลับหรืออธิบายส่วนผสมใดๆ ให้เด็กรู้

 

กิจกรรม

บาปกระเด้งกระดอน

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • ไม้ไอติมใหญ่ 50 อันสีอะไรก็ได้
  • ปากกาเมจิก

วิธีทำ

  • ก่อนชั้นเรียน ครูเตรียมดูวิธีการสร้าง “ไม้ไอติมกระโดด” จาก https://youtu.be/5N_ngtD3xY8
  • แจกไม้ไอติมให้เด็กแต่ละคน (กิจกรรมนี้ยิ่งใช้ไม้ไอติมมากเท่าไหร่ ผลลัพธ์จะส่งผลสะท้อนมากเท่านั้น)
  • ให้เด็กแต่ละคนเขียนสิ่งที่เป็นความบาปลงบนไม้ไอติมแต่ละแท่ง ไม่ว่าจะเป็นบาปที่คิดว่าเป็นสิ่งเล็กน้อย เช่น การโกหก ละเลยหน้าที่ของตัวเอง หรือบาปร้ายแรงที่ไม่น่าให้อภัย เช่น การฆ่าคน การคอรัปชั่น ฯลฯ
  • ครูนำเอาไม้ไอติมที่เด็กเขียนเสร็จแล้วมาเรียงสานต่อกันให้ยาวตามจำนวนของไม้ไอติมที่แจกให้กับเด็ก
  • เมื่อสานไม้ไอติมเสร็จ เตรียมให้เด็กๆ ล้อมเป็นวงกลมเพื่อจะดูว่าไม้ไอติมเหล่านี้จะระเบิดปุ้งปั้งอย่างไร ครูปลดไม้ไอติมอันแรกออก แล้วปล่อยให้ไม้ไอติมอื่นๆ กระโดดกระเด้งกระดอน
  • อธิบายให้เด็กเห็นจากบทเรียนที่เรียนในวันนี้ว่า ความบาปไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือร้ายแรง มันสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตของตัวหนูเอง และชีวิตของคนอื่นๆ ได้
  • อาจเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มีโอกาสลองทำไม้ไอติมกระโดดเอง

หมายเหตุ - กิจกรรมนี้จำเป็นต้องใช้ไม้ไอติมขนาดใหญ่ เพื่อจะได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม้ไอติมขนาดเล็กมีความยืดหยุ่นสูงกว่า หลายครั้งมันจะไม่ค่อยดีดตัวกระเด้งได้ดีเท่าไม้ไอติมใหญ่

กิจกรรม

ทำที่บ้าน