บทเรียน : เสียงเรียกจากพระเจ้า

เมื่อกลับบ้านวันนี้หนูจะได้

  • รู้ว่าพระเจ้าสามารถเรียกแม้แต่เด็กเล็กๆ ให้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าได้
  • ปรารถนาให้พระเจ้าใช้ชีวิตของหนูถึงแม้ว่าหนูยังเป็นเด็ก
  • ตอบสนองการทรงเรียกของพระเจ้าด้วยการเชื่อฟังทำตามพระคำของพระเจ้า

ข้อท่องจำ

“พระยาห์เวห์เสด็จมาทรงยืนอยู่ แล้วทรงเรียกว่า ‘ซามูเอลเอ๋ย ซามูเอล’ และซามูเอลทูลตอบว่า “ขอตรัสเถิด เพราะผู้รับใช้ของพระองค์คอยฟังอยู่” 
- 1 ซามูเอล 3:10

T I P S สำหรับคุณครู

1 ยอห์น 5:14-15 “นี่เป็นความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟัง และถ้าเรารู้ว่าพระองค์ทรงฟังเมื่อเราทูลขอสิ่งใด เราก็รู้ว่าเราได้รับสิ่งที่ทูลขอนั้นจากพระองค์” อธิษฐานเผื่อเด็กในชั้นเรียนของคุณครูเอ่ยชื่อแต่ละคน ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำการของพระองค์ในชีวิตของพวกเขา อันดับแรกคืออธิษฐานเผื่อเด็กที่ยังไม่เชื่อในพระเยซู ให้เขาตัดสินใจต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา อันดับต่อมาคือสำหรับเด็กที่เชื่อพระเจ้าแล้ว ขอพระวิญญาณจะเป็นผู้ช่วยให้เขามีกำลังในการเดินติดตามพระองค์ และเติบโตขึ้นในทางของพระองค์

 

เกม “ฟังให้ดี.. รับให้ทัน”

สิ่งที่ต้องเตรียม:

  • ลูกบอลที่เด้งได้ เช่นลูกบอลยาง ลูกเทนนิส หรือบาสเกตบอล

วิธีเล่น

  1. ให้เด็กๆ ยืนเป็นวงกลมใหญ่ห่างกันสองช่วงแขน
  2. ขออาสาสมัครหรือเลือกเด็กหนึ่งคนมายืนตรงกลางพร้อมกับถือลูกบอล
  3. จากนั้นให้เด็กคนที่ยืนตรงกลางพูดชื่อเพื่อนหนึ่งคนที่ยืนอยู่ในวงกลม พร้อมกับโยนลูกบอลขึ้นฟ้า
  4. จากนั้นเพื่อนที่ถูกเรียกชื่อต้องวิ่งเข้ามารับลูกบอลให้ทัน ถ้าเพื่อนคนไหนรับไม่ทันให้ออกจากการเล่น อนุญาตให้ลูกบอลเด้งกระทบพื้นได้ 1 ครั้ง
  5. เพื่อนที่รับลูกบอลได้จะเป็นคนกลางวง และโยนลูกบอลเรียกชื่อคนต่อไป
  6. เล่นสลับกันไปอย่างนี้เรื่อยๆ จนเหลือผู้ชนะ 3 คนสุดท้าย

บทนำเรื่อง "ความตั้งใจของคนหูหนวก”

รอบตัวเรามีเสียงเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดของคน เสียงนกร้อง หมาเห่า เสียงฟ้าร้อง ลมพัด ฝนตก หรือเสียงจากสิ่งของรอบตัวเรา บางครั้งเราก็สามารถเลือกที่จะฟังบางอย่างและไม่ฟังบางอย่างได้ แต่ในโลกของคนหูหนวกนั้นเขาไม่สามารถเลือกฟังอะไรได้เลย…โลกของพวกเขาเงียบสนิท ไม่มีเสียงอะไรเลย

ในประเทศไทยมีผู้พิการทางการได้ยินมากกว่าสามแสนคน สิ่งที่เป็นผลตามมาจากการหูหนวกคือข้อจำกัดทางการพูด เพราะเมื่อเขาไม่เคยได้ยินเสียงพูดมาก่อน จึงไม่รู้ว่าจะออกเสียงเป็นคำพูดอย่างไรถึงแม้ไม่ได้เป็นใบ้ หนึ่งในวิธีการสื่อสารของพวกเขาคือการอ่านปากผู้คน พวกเขาจะต้องตั้งใจอ่านปากและมีสมาธิกับสิ่งรอบตัวมากกว่าคนอื่นๆ  ชายหูหนวกคนหนึ่งเล่าว่าเขาสูญเสียการได้ยินตั้งแต่อายุเพียงสามขวบ แต่เขามีร่างกายสูงใหญ่และแข็งแรงทำให้เขาเล่นฟุตบอลเก่ง แต่อุปสรรค์ที่เขาเจอนั้นมากกว่าคนอื่นๆ เป็นเท่าตัว เขาบอกว่าความพิการทางหูทำให้เขาต้องจดจ้องลูกบอลแบบไม่กระพริบตาและต้องจ้องมองดูกระดานแผนของโค้ชแบบตั้งใจมากไม่สามารถละหรือเสียสมาธิได้เลย มันเลยทำให้เขาใจจดใจจ่อกับเกมมากกว่าคนอื่นๆ และผลที่ได้นั้นมันออกมาดีเกินคาด ถึงแม้เขาอาจจะไม่ได้ยิน แต่เพราะความตั้งใจอ่านปากจากที่โค้ชพูดหรือมองและมีสมาธิกับเกมและสถานการณ์รอบตัวเขา ทำให้เขาสามารถเข้าใจและรับรู้ได้เร็วและประสบความสำเร็จได้เหมือนคนปกติ

เช่นกันในชีวิตของเรา การฟังเสียงของพระเจ้าอาจต้องใช้สมาธิ ความตั้งใจจดจ่อ เหมือนกับที่นักฟุตบอลหูหนวกคนนั้นตั้งใจจดจ่อกับสิ่งที่โค้ชบอกให้เขาทำอะไร อย่างไร หากในทุกๆ วันเราวุ่นวายกับกิจกรรมมากมาย ใจจดใจจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือ หรือจอคอมพิวเตอร์ แล้วไม่มีเวลาเข้าเฝ้าพระเจ้า สงบ และอธิษฐานพูดคุยกับพระเจ้า เราก็จะเป็นเหมือนคนหูหนวกที่ไม่สามารถได้ยินเสียงของพระเจ้า

 

 แหล่งที่มา: มิ่งขวัญ รัตนคช, ออนไลน์ https://readthecloud.co/edeaf/  สืบค้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2563

 

 

 

เล่าเรื่องจากพระคัมภีร์ (1 ซามูเอล 3:1-21)

เด็กน้อยซามูเอลเติบโตขึ้นปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าต่อหน้าเอลีปุโรหิตในพระวิหาร ในเวลานั้นเอลีมีลูกชายสองคนซึ่งทำตัวเป็นอันตพาล เมื่อประชาชนคนใดนำเครื่องสัตวบูชามาถวายที่พระวิหาร พวกเขาถืออำนาจบาตรใหญ่ริบเอาเนื้อส่วนที่ดีที่สุดจากของถวายก่อนที่เครื่องสัตวบูชานั้นจะถูกเผาถวายแด่พระเจ้า พวกเขาเหยียบย่ำเครื่องสัตวบูชาและของถวายของพระเจ้า แถมเขาทั้งสองยังไม่ฟังคำตักเตือนของเอลีพ่อของพวกเขาอีกด้วย

รูปภาพที่ 1 ในเวลานั้นพระเจ้าไม่ได้ตรัสกับมนุษย์บ่อยนัก นานๆทีจะมีนิมิตที่มาจากพระเจ้า เอลีปุโรหิตชราที่มีสาย ตาฝ้ามัวแทบจะมองอะไรไม่เห็นแล้ว คืนหนึ่งเมื่อเอลีเอนกายบนที่นอน และซามูเอลกำลังเข้านอนในพระวิหารที่ที่หีบพันธสัญญาของพระเจ้าอยู่ที่นั่น

ซามูเอลได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขา “ซามูเอล ซามูเอลเอ๋ย...” ซามูเอลจึงตื่นขึ้นมาแล้วรีบวิ่งไปหาเอลีเพราะคิดว่าเอลีเรียกเขา แต่เอลีก็ตอบกลับว่า “เราไม่ได้เรียกเจ้า…กลับไปนอนเถอะ” ซามูเอลจึงเดินกลับไปนอน

รูปภาพที่ 2  อีกครั้งหนึ่งซามูเอลก็ได้ยินเสียงเรียกอีก   “ซามูเอล” ซามูเอลจึงวิ่งไปหาเอลีอีกครั้ง แล้วพูดว่า “ข้าอยู่นี่ ท่านเรียกข้าหรือ?” เอลีก็บอกซามูเอลว่า “เปล่าเลยลูก เราไม่ได้เรียกเจ้า กลับไปนอนเถอะ” ตอนนั้นซามูเอลยังไม่เคยได้ยินเสียงของพระเจ้าหรือมีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้ามาก่อน พระเจ้าได้เรียกซามูเอล อีกครั้งเป็นครั้งที่สาม “ซามูเอล ซามูเอล..” ซามูเอลก็วิ่งไปหาเอลีเหมือนอย่างเคย และพูดว่า “ข้าอยู่นี่ ท่านเรียกข้าหรือ?” เอลีจึงหยั่งรู้ได้ว่านี่เป็นการทรงเรียกของพระเจ้าแน่ เขาจึงบอกกับซามูเอลว่า “ไปนอนเถอะ ถ้าพระเจ้าเรียกเจ้าอีก ให้เจ้าพูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดตรัสเถิด ผู้รับใช้ของพระองค์คอยฟังอยู่” ซามูเอล จึงเดินกลับไปที่นอนของตน

รูปภาพที่ 3  และพระเจ้าพระยาห์เวห์เสด็จมาและยืนเรียกอย่างครั้งก่อนๆ “ซามูเอล ซามูเอลเอ๋ย...” ซามูเอลได้ยินแล้ว จึงตอบกลับว่า “พระเจ้าข้า โปรดตรัสเถิด ผู้รับใช้ของพระองค์คอยฟังอยู่” พระเจ้าจึงตรัสว่า “เราจะทำบางอย่างในอิสราเอล ซึ่งจะทำให้ทุกคนขนลุกพอง ในเวลานั้นเราจะทำทุกอย่างแก่เอลีตามที่เราได้พูดไว้เกี่ยวกับครอบครัวของเขาตั้งแต่ต้นจนถึงสุด เราจะพิพากษาลง โทษครอบครัวของเขาตลอดไป เพราะบาปที่ตัวของเขาก็รู้อยู่แล้วว่าลูกของเขาได้ดูหมิ่นเราแต่เขาก็ไม่ได้ห้ามปรามลูกของเขา เราจึงปฎิญาณต่อพงศ์พันธุ์ของเอลีว่า ‘ความ ผิดของพงศ์พันธุ์ของเอลีจะถูกลบล้างด้วยเครื่องบูชาหรือเครื่องถวายไม่ได้เลย’” หลังจากที่พระเจ้าได้ตรัสแก่     ซามูเอลแล้ว ซามูเอลก็เข้านอนจนกระทั่งเช้า

พอรุ่งเช้าซามูเอลก็ไปเปิดประตูพระวิหารเหมือนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ เมื่อเอลีเห็นซามูเอลก็ถามเขาว่า “พระเจ้าได้ตรัสอะไรกับเจ้าบ้าง?” แต่ซามูเอลไม่กล้าบอกกับเอลีว่าพระเจ้าตรัสอะไรกับเขา เอลีจึงพูดว่า “บอกมาเถิด อย่าปิดบังข้า” ซามูเอลจึงเล่าทุกอย่างให้เอลีฟังโดยไม่ปิดบังอะไรเลย เอลีจึงตอบกลับว่า “พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าขอให้พระองค์ทรงกระทำตามที่ทรงเห็นชอบเถิด”

รูปภาพที่ 4 หลังจากนั้นเมื่อซามูเอลเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พระเจ้าสถิตอยู่กับเขา และให้ถ้อยคำของเขาเป็นจริงทุกคำ ชนชาติอิสราเอลทั่วแผ่นดินก็รู้ว่า ซามูเอลได้รับการเจิมแต่งตั้งให้เป็นผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เป็นผู้นำถ้อยคำของพระเจ้ามาถึงชนชาติอิสราเอล และสอนให้พวกเขาดำเนินตามทางของพระเจ้า

แผนการแห่งความรอด

พระลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งของพระเจ้า คือความบริสุทธิ์ ลูกชายของเอลีดูหมิ่นเกียรติของพระเจ้าโดยการยักยอกของถวายที่ประชาชนนำมาถวายพระเจ้า ประชา ชนคนทั่วไปเมื่อมองเห็นเหตุการณ์เหล่านี้ คงท้อใจเพราะแม้แต่ผู้นำและครอบครัวของเขา ผู้ควรที่จะเป็นตัวแทนของพระเจ้ากลับยักยอกของๆพระเจ้า พวกเขาคงหมดหวังและไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร เพราะปุโรหิตคือคนกลางที่พวกเขาจะร้องทูลต่อพระเจ้าได้ แต่ถึงอย่างนั้นพระเจ้าทรงอยู่เหนือสถานการณ์เหล่านั้น  เราได้เห็นการครอบครองควบคุมของพระองค์ที่จัดการกับความชั่วช้าที่เกิดขึ้น ผ่านทางการเตรียมชีวิตของซามูเอลตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ พระองค์ให้เขามีประสบการณ์ในการฟังเสียงเรียกของพระเจ้าโดยตรง พระองค์แจ้งเหตุกาณ์ร้ายที่จะเกิดขึ้นกับครอบครัวของเอลี สอนให้เขาพูดแทนพระเจ้าต่อหน้าเอลีถึงแม้มันจะยากเหลือเกิน พระองค์เตรียมชีวิตของซามูเอล เพราะเมื่อเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เขาจะเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า ผู้เผยพระวจนะ ผู้ที่จะกล่าวถ้อยคำที่ พระเจ้าบัญชาส่งต่อให้ประชาชน พระเจ้าเห็นความทุกข์ใจของประชาชน พระองค์เห็นการคอรั่ปชั่นของครอบครัวของผู้นำ และไม่มีเหตุการณ์ใดที่หลุดรอดไปจากการควบคุมและครอบครองของพระองค์

พระคัมภีร์เกี่ยวข้องกับหนูอย่างไร

จริงอยู่ว่าเราอาจจะไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าเหมือนเสียงที่พระเจ้าใช้เรียกซามูเอล หรือเห็นพระเจ้าตัวเป็นๆเหมือนที่ซามูเอลได้เห็น แต่หนูรู้ไหมว่าในทุกวันพระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองให้กับหนูอยู่เสมอผ่านทางพระคัมภีร์ หรือให้เห็นฤทธานุภาพความยิ่งใหญ่ของพระองค์ผ่านธรรมชาติที่พระองค์สร้าง หรือได้ยินเสียงของพระเจ้าผ่านคำพูดของคนรอบข้าง และหนูเองสามารถคุยกับพระเจ้าได้ผ่านทางการอธิษฐาน พระเจ้าต้องการมีสายสัมพันธ์กับลูกของพระองค์ แต่หลายต่อหลายครั้งเราเองกลับปฏิเสธที่จะรับฟังคำของพระเจ้า ปฏิเสธที่จะเชื่อฟังพระองค์ หรือบางครั้งหนูอาจจะยุ่งอยู่กับหลายสิ่งหลายอย่างจนไม่มีเวลาที่จะฟังพระองค์ ไม่มีเวลาที่จะพูดคุยกับพระองค์ แต่พระองค์ทรงอยากคุยกับหนูในทุกๆวัน ไม่แน่นะวันนี้พระเจ้าอาจจะเรียกหนูอยู่ก็ได้ เรียกให้หนูเป็นลูกที่เชื่อฟังมากขึ้น หรือเรียกให้หนูยกโทษให้กับเพื่อน หรือเรียกให้หนูรับใช้พระองค์ วันนี้ให้หนูเปิดหูของหนูและตั้งใจฟังว่าพระเจ้าต้องการพูดอะไรกับหนู เหมือนอย่างที่ซามูเอลตั้งใจฟังเสียงของพระเจ้า

รูปภาพประกอบ

ข้อกำหนดในการใช้บทเรียนรูปภาพ  เราต้องการให้บทเรียนและรูปภาพประกอบเป็นพระพรสำหรับทุกท่าน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากท่านที่จะไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้ในทางที่เบี่ยงเบนไปจากวัตถุประสงค์ของเรา

คำถามอภิปราย

(คำถามไม่เพียงทบทวนเนื้อหาจากบทเรียนเท่านั้น แต่ช่วยกระตุ้นให้เด็กได้คิดใคร่ครวญประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง บางคำถามอาจไม่มีคำตอบผิดหรือถูก แต่ช่วยให้เกิดการอภิปรายกันในห้องเรียน เพื่อเด็กๆ จะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นในเวลาเดียวกัน)

  1. ตอนแรกที่ซามูเอลได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขา ซามูเอลคิดว่าใครเรียกเขา?
  2. ซามูเอลทำอย่างไรเมื่อเขาได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขา?
  3. เมื่อซามูเอลรู้ว่าเสียงเรียกชื่อของเขาเป็นเสียงของพระเจ้า เขาตอบว่าอย่างไร?
  4. หนูคิดว่าทำไมพระเจ้าจึงเลือกที่จะพูดกับซามูเอล แทนที่จะพูดกับเอลีซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่า?
  5. ทำไมพระเจ้าถึงจะลงโทษครอบครัวของเอลี?
  6. หนูคิดว่าเราจะฟังเสียงของพระเจ้าหรือติดต่อสื่อสารกับพระเจ้าได้อย่างไรบ้าง?
  7. หนูได้เรียนรู้อะไรบ้างจากชีวิตของซามูเอล เอลี และลูกชายสองคนของเอลี?

 

กิจกรรม

“ฟังเสียงพระเจ้า”

“มาช่วยกันตั้งใจฟังเสียงของพระเจ้า มีใจจดจ่อ มีสมาธิ ฝึกฝน หาทางที่จะฟังเสียงของพระเจ้ากัน”

กิจกรรม

“ตั้งใจฟังดีๆ นะ”

สิ่งที่ต้องเตรียม:

  • กระดาษหรือกระดาษโปสเตอร์แผ่นใหญ่ และปากกา
  • ฉลาก ตามหัวข้อต่างๆ เพื่อให้เด็กสุ่มหยิบฉลากตามหัวข้อต่างๆ (เช่น ชื่อประเทศ ชื่อจังหวัด ชื่อตัวอักษร ตัวเลข สิ่งของเครื่องใช้ในครัว ชื่อสัตว์ อาหาร ชื่อคนในโบสถ์ เป็นต้น)
  • รายการ ตามหัวข้อต่างๆประมาณ 10-15 ชื่อ (ตัวอย่างในหน้า 22)

 

วิธีเล่น

  1. แบ่งเด็กออกเป็นทีม ทีมละประมาณ 4-5คน
  2. คุณครูแจกกระดาษหรือกระดาษโปสเตอร์แผ่นใหญ่ให้แต่ละทีม 1 แผ่น พร้อมกับปากกา 1 ด้าม
  3. ให้อาสาสมัครออกมาจับฉลากว่าในแต่ละรอบทุกคนจะได้หัวข้ออะไร
  4. จากนั้นให้เด็กๆ ทุกทีมตั้งใจจดจ่อฟังชื่อรายการต่างๆ ในหมวดหมู่ที่จับได้ เช่น ถ้าเด็กจับฉลากได้หัวข้อชื่อประเทศ คุณครูจะพูดชื่อประเทศประมาณ 10-15 ประเทศ ให้เด็กๆ ในทีมช่วยกันจำให้ได้มากที่สุด
  5. เมื่อครูพูดรายชื่อจบ ให้ทุกทีมเริ่มเขียนชื่อประเทศอะไรบ้างที่พวกเขาได้ยินโดยเริ่มพร้อมกัน จากนั้นให้ดูว่าทีมไหนเขียนรายชื่อได้ถูกต้องมากที่สุด ทีมนั้นจะได้ 1 คะแนน
  6. จากนั้นเริ่มเล่นใหม่ โดยให้อาสาสมัครอีกคนออกมาจับฉลากหัวข้อต่อไป
  7. เล่นจนฉลากหมด ทีมไหนได้คะแนนมากที่สุด ทีมนั้นเป็นฝ่ายชนะ

กิจกรรม

ทำที่บ้าน